1.05k likes | 1.33k Vues
การตรวจวิเคราะห์ ทางห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ศาสตร์. จุลทรรศน์ศาสตร์. จุล + ทรรศน์ + ศาสตร์ เล็ก การดู ศึกษา การศึกษาเซลล์ด้วยกล้องจุลทรรศน์. การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ศาสตร์. ประกอบด้วยการตรวจวิเคราะห์ดังนี้
E N D
การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ศาสตร์การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ศาสตร์
จุลทรรศน์ศาสตร์ จุล + ทรรศน์ + ศาสตร์ เล็ก การดู ศึกษา การศึกษาเซลล์ด้วยกล้องจุลทรรศน์
การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ศาสตร์การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจุลทรรศน์ศาสตร์ ประกอบด้วยการตรวจวิเคราะห์ดังนี้ • การตรวจปัสสาวะ ( Urinalysis ) • การตรวจอุจจาระ ( Stool exam ) • การตรวจหา Occult blood ในอุจจาระ • การตรวจน้ำจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ( Fluid cell count )
ความรู้พื้นฐานทางชีววิทยาความรู้พื้นฐานทางชีววิทยา
Metabolism ภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ ในขณะหนึ่งมีปฏิกิริยา เกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ ปฏิกิริยาที่ว่าจะเป็นปฏิกิริยาที่มีการสลาย สารอินทรีย์หรือสังเคราะห์สารอินทรีย์ภายในเซลล์ซึ่งต้อง อาศัยเอนไซม์( Enzyme ) เราเรียกปฏิกิริยาทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในสิ่งมีชีวิตว่า เมตาบอลิซึม ( Metabolism )
อวัยวะขับถ่ายของคน ประกอบด้วย • ไต ( Kidney ) • ท่อไต ( Ureter ) • กระเพาะปัสสาวะ ( Urinary bladder )
ไต ( Kidney ) - คนมีไต 2 ข้าง - อยู่ในช่องท้องสองข้างของกระดูกสันหลังบริเวณเอว - ยาวประมาณ 10-13 เซนติเมตร กว้าง 6 เซนติเมตร และหนา 3 เซนติเมตร - ไตแต่ละข้างหนักประมาณ 150 กรัม
ไต ( Kidney ) - ต่อจากไตทั้งสองข้างมีท่อไต ( Ureter ) - ทำหน้าที่ลำเลียงปัสสาวะจากไตไปเก็บไว้ที่กระเพาะปัสสาวะ ( Urinary bladder ) - แล้วขับถ่ายออกนอกร่างกายทางท่อปัสสาวะ ( Urethra )
หน้าที่ของไต - กรองของเสียออกจากเลือด - ควบคุมสภาพความเป็นกรด-เบสของเลือดให้เป็นปกติ - ควบคุมสมดุลของน้ำ เกลือแร่ และ electrolyte อื่น ๆ - การดูดสารกลับที่ท่อของหน่วยไต - การขับถ่ายของเสียออกนอกร่างกาย
การดูดสารกลับของไต - การดูดน้ำกลับ - การดูดซึมกลูโคส และวิตามินซี หากมีปริมาณปกติจะถูกดูดซึม กลับจนหมด - โซเดียมคลอกไรด์ กรดอะมิโน วิตามินบางชนิด จะถูกดูดกลับไปใช้ได้ - สารที่มีการดูดกลับน้อยมาก ได้แก่ ยูเรีย ฟอสเฟต ซัลเฟต - การดูดกลับของกรดยูริก
การเกิดปัสสาวะ ( The formation of urine ) - อวัยวะที่เกิดปัสสาวะ คือ ไต ( Kidney ) - การเกิดปัสสาวะเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อนในการกรองผ่านเลือด , การดูดซึมกลับ ( Reabsorption ) ของสารที่จำเป็นในเลือด รวมทั้งน้ำด้วย - เกี่ยวข้องกับการขับถ่ายของเสียโดยไต
การเกิดปัสสาวะ ( The formation of urine ) หลังจากที่เกิดปัสสาวะในไตแล้ว ปัสสาวะจะไหลผ่านมาตามท่อไต ( Ureter ) เข้าไปสู่กระเพาะปัสสาวะ ( Bladder ) และจะเก็บไว้ที่นี่ชั่วคราว ถูกขับถ่ายออกทางท่อปัสสาวะ ( Urethra )
การเกิดปัสสาวะ ( The formation of urine ) ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ขับออกนอกร่างกาย
ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ปัสสาวะ ขับออกนอกร่างกาย
ร่างกายขับของเสียออกทางปัสสาวะ เพื่อกำจัดสารที่ไม่ต้องการออกจากพลาสมา และเลือกเก็บสารที่มีประโยชน์ไว้โดยการทำงานของไต
ส่วนประกอบของปัสสาวะ ( Urine )
- ร้อยละ 95 เป็น น้ำ - ร้อยละ 2 เป็น Urea ส่วนที่เหลือเป็น - Uric acid - Creatinine - โซเดียม - โปแตสเซี่ยม - คลอไรด์ - แคลเซี่ยม - แมกนีเซี่ยม - ฟอสเฟท - ซัลเฟต - และ แอมโมเนีย
ร่างกายขับของเสียออกทางปัสสาวะ เพื่อกำจัดสารที่ไม่ต้องการออกจากพลาสมา และเลือกเก็บสารที่มีประโยชน์ไว้โดยการทำงานของไต
ในภาวะของพยาธิสภาพบางอย่าง จะมีการขับถ่ายเอาสารบางชนิดออกมาด้วยเป็นจำนวนมาก เช่น Ketone bodies , โปรตีน , กลูโคส และ บิลิรูบิน
การตรวจปัสสาวะ ( Urinalysis ) - การตรวจปัสสาวะเป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญอย่างหนึ่งเพื่อคัดกรองโรคและวินิจฉัยโรค - ผู้ป่วยที่แรกรับเข้าโรงพยาบาลจะต้องได้รับการตรวจปัสสาวะ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้รวดเร็ว ราคาถูก นอกจากนั้นยังใช้เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจร่างกายทั่วไป
ความสำคัญของการตรวจปัสสาวะความสำคัญของการตรวจปัสสาวะ • ช่วยในการวินิจฉัยโรค • บอกความรุนแรงของโรค • ช่วยในการรักษาและช่วยในการติดตามการดำเนินของโรค โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินปัสสาวะ ตั้งแต่ ไต กรวยไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ จนถึงท่อปัสสาวะ นอกจากนี้ยังมีความสำคัญสำหรับโรคอื่น ๆ เช่น โรคตับ โรคเบาหวาน เป็นต้น • การตรวจปัสสาวะสามารถที่จะใช้เป็นสิ่งบ่งชี้ให้ทราบถึงความผิดปกติของไตได้
การตรวจปัสสาวะ ( Urinalysis ) การตรวจปัสสาวะทางห้องปฏิบัติการแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ 1. การตรวจคุณสมบัติทางกายภาพ 2. การตรวจคุณสมบัติทางเคมี 3. การตรวจโดยใช้กล้องจุลทรรศน์
การตรวจคุณสมบัติทางกายภาพการตรวจคุณสมบัติทางกายภาพ
การตรวจคุณสมบัติทางกายภาพการตรวจคุณสมบัติทางกายภาพ • การดูจำนวนหรือปริมาตรของปัสสาวะ • การดูสีของปัสสาวะ ( Color ) • การดูลักษณะของปัสสาวะ ( Appearance ) • ความเป็นกรด – ด่าง ของปัสสาวะ ( pH ) • ค่าความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะ ( Specific gravity)
การดูจำนวนหรือปริมาตรของปัสสาวะการดูจำนวนหรือปริมาตรของปัสสาวะ
การดูจำนวนหรือปริมาตรของปัสสาวะการดูจำนวนหรือปริมาตรของปัสสาวะ • ในคนปกติจะต้องมีปัสสาวะขับถ่ายออกมาอย่างน้อยวันละ 600 มล. จึงสามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้ • เมื่อคนเราดื่มน้ำตามปกติ ก็จะมีปริมาตรของปัสสาวะแปรผันได้ คือวันละ 600-1,500 มล. ซึ่งถือเป็น Normal variation
หากตรวจพบว่าการขับถ่ายปัสสาวะไม่มี variation เลย เช่น จะงดน้ำหรือดื่มน้ำมากก็ตาม ผู้นั้นก็ยังคงขับถ่ายปัสสาวะออกมาคงที่เสมอในปริมาตร 1,500 มล./วัน ก็แสดงให้เห็นว่าการทำงานของไปเสื่อมสมรรถภาพลงแล้ว หรืออาจมีโรคเกี่ยวกับไตก็ได้
การดูสีของปัสสาวะ ( Color ) • ปกติปัสสาวะจะมีสีเหลืองอ่อน • โดยทั่วไปสีของปัสสาวะจะแปรผันตามความเข้มข้นของ solute ถ้าปริมาณของน้ำมีมาก ปัสสาวะก็จะมีสีใส • สีปัสสาวะที่ผิดปกติขึ้นอยู่กับโรค พยาธิสภาพบางชนิด อาหารและยาบางชนิดที่รับประทานเข้าไป • ปัสสาวะมีสีค่อนข้างดำ หรือ สีเหมือนน้ำล้างเนื้อ แสดงถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับไตหรือระบบทางเดินปัสสาวะได้
การอ่านผลการตรวจวิเคราะห์สีปัสสาวะที่ปกติการอ่านผลการตรวจวิเคราะห์สีปัสสาวะที่ปกติ
การอ่านผลการตรวจวิเคราะห์สีปัสสาวะที่ผิดปกติการอ่านผลการตรวจวิเคราะห์สีปัสสาวะที่ผิดปกติ
การดูลักษณะของปัสสาวะ ( Appearance )
การดูลักษณะของปัสสาวะ ( Appearance ) คือ การรายงานความขุ่นของปัสสาวะ หรือ เรียกว่า Turbidity
การดูลักษณะของปัสสาวะ ( Appearance ) • ปัสสาวะปกติจะใส • ถ้าปัสสาวะขุ่นจะมีสารอย่างอื่นปนอยู่ด้วย เช่น เม็ดเลือด , เซลล์เยื่อบุ • ปัสสาวะปกติที่ถ่ายออกมาใหม่ๆมักมีลักษณะใส • ถ้าทิ้งไว้นานอาจขุ่นได้เนื่องจากมีการตกตะกอนของสารที่ละลายในปัสสาวะที่มีความอิ่มตัวมากเกินไป
การรายงานลักษณะของปัสสาวะ ( Appearance )
ความเป็นกรด – ด่าง ของปัสสาวะ pH
ความเป็นกรด – ด่าง ของปัสสาวะ ( pH ) • เป็นการประเมินความสามารถของไตในการควบคุมความเป็นกรดด่างของเลือดและน้ำภายนอกเซลล์ • เปลี่ยนแปลงไปตามขบวนการเมทาบอลิซึมของร่างกาย ชนิดของอาหาร โรคและการรักษาด้วยยา • ปกติเมตาบอลิซึมของร่างกายให้ผลผลิตที่เป็นกรด ซึ่งถูกขับออกส่วนใหญ่ทางปัสสาวะ
ความเป็นกรด – ด่าง ของปัสสาวะ ( pH ) ปัสสาวะเป็นกรด • ร่างกายมีภาวะกรดเกินจะขับ H+ • การทานเนื้อสัตว์มากๆ • ผู้ป่วยที่อดอาหารเป็นเวลานาน • รับประทานอาหารประเภทโปรตีนสูง • ได้รับยาบางชนิด
ความเป็นกรด – ด่าง ของปัสสาวะ ( pH ) ปัสสาวะเป็นด่าง • ร่างกายมีภาวะเป็นด่างจะขับ H+ น้อยลง • การทานผักมากๆ • การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ • ปัสสาวะเก่า • ได้รับยาบางชนิด
ความเป็นกรด – ด่าง ของปัสสาวะ ( pH ) • การวัด pH ของปัสสาวะจะต้องใช้ปัสสาวะที่ถ่ายใหม่ ๆ ถ้าตั้งทิ้งไว้นานจะเป็นด่างมากจากแอมโมเนียที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของยูเรีย โดยแบคทีเรียที่เจริญขณะตั้งปัสสาวะทิ้งไว้ • การวัด pH ของปัสสาวะใช้เป็นตัวคุมในการรักษาโรคระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น การอักเสบหรือนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
การอ่านผลการตรวจวิเคราะห์การอ่านผลการตรวจวิเคราะห์ ค่าปกติ pH = 4.6 – 8.0 ค่าเฉลี่ยประมาณ 6.0
ค่าความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะSpecific Gravity • ความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะเป็นเครื่องวัดความเข้มข้นของสารละลายในปัสสาวะ
ค่าความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะSpecific Gravity • มีค่าเปลี่ยนแปลงตลอดวัน ขึ้นกับปริมาตรน้ำที่ดื่ม อาหาร อุณหภูมิและการทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยจะมีค่าสูงสุดในปัสสาวะที่ถ่ายครั้งแรกตอนเช้า • คนปกติปัสสาวะที่ถ่ายแต่ละครั้ง มีค่าความถ่วงจำเพาะที่แตกต่างกันมาก ตั้งแต่ 1.003 – 1.035 • ปัสสาวะ 24 ชั่วโมงมีค่า 1.015 – 1.025