1 / 47

ของแข็ง

ของแข็ง. 2.1 ลักษณะทั่วไป และชนิดของของแข็ง 2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์ 2.3 ระบบผลึกแบบบรา แ วส ์ (Bravais lattices) หน่วยเซลล์ และก าร คำนวณ 2.4 ความไม่สมบูรณ์ของผลึก. ลักษณะทั่วไป และชนิดของของแข็ง.

brasen
Télécharger la présentation

ของแข็ง

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ของแข็ง 2.1 ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง 2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์ 2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่วยเซลล์ และการคำนวณ 2.4 ความไม่สมบูรณ์ของผลึก

  2. ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็งลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง • มีลักษณะแข็งแกร่ง • มีรูปร่างที่แน่นอน ไม่ขึ้นกับภาชนะที่บรรจุ • เมื่อถูกกดดัน ปริมาตรเปลี่ยนแปลงได้น้อยมากหรือไม่เปลี่ยนเลย • การแพร่ของของแข็งเกิดได้ช้ามาก ๆ (เมื่อเทียบกับแก๊สหรือของเหลว) • อาจมีรูปร่างลักษณะเด่นชัดอยู่ในรูปของผลึก (crystal) เช่น NaCl หรือไม่มีรูปทรงทางเลขาคณิตที่แน่นอน เป็นของแข็งอสัณฐาน (amorphous solid) เช่น แก้ว ยาง พลาสติก

  3. ผลึกเท่านั้น ชนิดของของแข็ง • ผลึกโมเลกุล • ผลึกไอออนิก • ผลึกโคเวเลนต์ • ผลึกโลหะ

  4. ชนิดของผลึกและสมบัติทั่วไปชนิดของผลึกและสมบัติทั่วไป

  5. ชนิดของผลึกและสมบัติทั่วไปชนิดของผลึกและสมบัติทั่วไป

  6. ผลึกโมเลกุล • จุดแลตทิซ คือ ตำแหน่งของโมเลกุล • แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์วาลส์ หรือ พันธะไฮโดรเจน • ผลึกโมเลกุลส่วนใหญ่ หลอมเหลวที่อุณหภูมิต่ำกว่า 100 OC • ผลึกน้ำแข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้วยพันธะไฮโดรเจนเป็นส่วนใหญ่

  7. โครงสร้างของ น้ำแข็ง (ผลึกโมเลกุล) พันธะไฮโดรเจน

  8. ผลึกไอออนิก • ประกอบด้วยอนุภาคที่มีประจุ • ไอออนลบและไอออนบวก มักมีขนาดต่างกัน • ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้า เพราะไอออนต่างก็ยึดกันแน่นและไม่มีการเคลื่อนที่ (ไม่มีการไหลของอิเล็กตรอน) NaCl KCl

  9. ความยาวของหน่วยเซลล์ เท่ากับ 2 เท่า ของผลบวก ของรัศมีของไอออนบวกและลบ NaCl

  10. การเคลื่อนที่ของระนาบในผลึกไอออนิกการเคลื่อนที่ของระนาบในผลึกไอออนิก

  11. ผลึกโคเวเลนต์ เพชร อะตอมสร้างพันธะโคเวเลนต์ ที่ยึดเหนี่ยวกันเป็นโครงข่าย สามมิติ

  12. เปรียบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์เปรียบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์ เพชร แกรไฟต์

  13. คาร์บอนจัดตัวเป็นวงหกเหลี่ยมคาร์บอนจัดตัวเป็นวงหกเหลี่ยม คล้ายเบนซิน แต่ละอะตอมสร้างพันธะโคเวเลนต์กับอะตอมอื่น ๆ 3 อะตอม ด้วย sp2ไฮบริดออร์บริทัล และใช้ 2p ออร์บิทัลที่เหลืออยู่ในการสร้างพันธะ pแต่ละชั้นจะมีอิเล็กตรอนเคลื่อนที่จึงนำไฟฟ้าได้ดีแต่ละระนาบจะดึงดูดกันด้วยแรงแวนเดอร์วาลส์จึงสามารถเลื่อนไถลผ่านกันได้ง่าย แกรไฟต์

  14. ผลึกโลหะ • มีโครงสร้างที่ง่ายที่สุด เพราะประกอบด้วยอะตอมเพียงชนิดเดียว • พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่างจากพันธะในผลึกชนิดอื่น ๆ โดยประกอบด้วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบในทะเลของเวเลนซ์อิเล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ประจำที่ • อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่างแข็งแรงมากทำให้โลหะมีความแข็งแรง • เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ได้ โลหะจึงนำความร้อนและนำไฟฟ้าได้ดี

  15. + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + แบบจำลองของทะเลอิเล็กตรอน ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ อยู่ในทะเลของเวเลนซ์อิเล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ประจำที่

  16. + + + + + + + + + + การเคลื่อนที่ของระนาบในผลึกโลหะ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

  17. ตั้งแกน 3 มิติ: แกนคริสแทลโลกราฟิก (crystallographic axes) ระบบของผลึก Y มุมระหว่าง X และ Y คือ g X และ Z คือ b Y และ Z คือ a X g b แกน X: a แกน Y: b แกน Z: c a Z

  18. หน่วยเซลล์ (unit cell)

  19. ชั้น A A ชั้น B C ชั้น A ชั้น B ชั้น C เลข โคออดิเนชัน เลขโคออดิเนชัน

  20. A B A Hexagonal close-packed (hcp)

  21. Cubic close-packed (ccp) หรือ Face-centered cubic (fcc) C B A

  22. ระบบลูกบาศก์ (cubic system) มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ 1. Simple หรือ Primitive cubic (scc) • Face Centered cubic (fcc) หรือ • Cubic Close-Packed (ccp) 3. Body Centered cubic (bcc)

  23. Simple Cubic

  24. Body Cubic

  25. FAced Centered Cubic

  26. ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) มีทั้งหมด 14 แบบ

  27. 1 2 3 Body cubic Face centered cubic Simple cubic a = b = c a = b = g = 90o

  28. 4 5 Tetragonal Body-centered Tetragonal a = b = c a = b = g = 90o

  29. a = b = c a = b = g = 90o 8 9 6 7 Face-centered Orthorhombic Orthorhombic End-centered Orthorhombic Body-centered Orthorhombic

  30. a = b = c a = b = g = 90o • a = b = c • = b = 90o g = 120o 11 10 Rhombohedral Hexagonal

  31. 12 13 14 Monoclinic Triclinic End –centered Monoclinic • a = b = c • = g= b = 90o • a = b = c • = g= 90o b = 120o

  32. การคำนวณจำนวนอะตอมในหน่วยเซลล์แบบลูกบาศก์การคำนวณจำนวนอะตอมในหน่วยเซลล์แบบลูกบาศก์ 1/8 1/8 มีอะตอมอยู่ที่มุม 8 อะตอม 1/8 1/8 1/8 จำนวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ 1/8 1/8 1/8 8 x 1/8 = 1 อะตอม Simple cubic (scc)

  33. การคำนวณจำนวนอะตอมในหน่วยเซลล์แบบลูกบาศก์การคำนวณจำนวนอะตอมในหน่วยเซลล์แบบลูกบาศก์ มีอะตอมอยู่ที่มุม 8 อะตอม ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม จำนวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ (8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม Body-centered cubic (bcc)

  34. จำนวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ (8 x 1/8)+(6 x 1/2)= 4อะตอม การคำนวณจำนวนอะตอมในหน่วยเซลล์แบบลูกบาศก์ 1/2 มีอะตอมอยู่ที่มุม 8 อะตอม ที่หน้าลูกบาศก์อีก 6 อะตอม 1/2 1/2 1/2 1/2 1/2 Face-centered cubic (fcc) หรือ Cubic closed-packed (ccp)

  35. การคำนวณหาความหนาแน่นของโลหะจากโครงสร้างการคำนวณหาความหนาแน่นของโลหะจากโครงสร้าง • ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริมาตรของโลหะ • มวลของโลหะ คำนวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่งจะเท่ากับมวลของอะตอมที่บรรจุอยู่ใน 1 หน่วยเซลล์ • มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023) • ปริมาตรของโลหะ หาจากปริมาตรของ 1 หน่วยเซลล์

  36. การหาปริมาตรของ 1 หน่วยเซลล์ • simple cubic จะคำนวณปริมาตรได้โดยตรงจาก ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r Simple cubic รัศมี =r ด้าน = a = 2r ปริมาตร = a3 = 8r3

  37. f = 4r a a f2 = a2 + a2 การหาปริมาตรของ 1 หน่วยเซลล์ • Face-centered cubic จะต้องหาความยาวของด้านก่อน โดยที่ทราบว่าเส้นทแยงมุมยาวเท่ากับ 4r แล้วอาศัย Pythagorean theorem • a2 + a2 = (4r)2 = 16r2 • a2 = 8r2 • a = 81/2r

  38. Face-centered cubic รัศมี =r ด้าน = a = 81/2 . r ปริมาตร = a3 = 83/2. r3

  39. ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc จะมีความหนาแน่นเท่าใด fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1 NAคือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1 r คือรัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm

  40. จาก ตอบ ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm-3 ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้ มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3

  41. Crystal Structure of Metals Hexagonal close packed Body-centered cubic Face -centered cubic Other structures Li Be Na Mg Al K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga Nb Rb Sr Y Zr Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb Hexagonal close packed: Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl Face -centered cubic: Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb Body-centered cubic: Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe, Other structures: Mn, Hg, Ga, In, Sn

  42. ความไม่สมบูรณ์ของผลึกความไม่สมบูรณ์ของผลึก (defect of crystal) การจัดเรียงตัวที่ไม่เป็นระเบียบ แบบจุด (point defect) แบบเส้น (line defect)

  43. ความไม่สมบูรณ์ของผลึกแบบจุด (Point defect)พบ 4 แบบ • อะตอมตำแหน่งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็นช่องว่าง (vacancy) • อะตอม เลื่อนไปอยู่ในที่ว่างที่ไม่ใช่ตำแหน่งของตัวเอง (self interstitial defect) • อะตอมอื่นที่ไม่ใช่อะตอมที่ประกอบกันเป็นผลึก เข้าไปอยู่ในช่องว่างแทน (substitutional impurity) • มีอะตอมขนาดเล็กเข้าไปอยู่ในช่องว่างที่มีเป็นธรรมชาติของผลึก (interstitial impurity)

  44. self interstitial vacancy interstitial impurity (ในช่องว่างธรรมชาติ) substitutional impurity

  45. ความไม่สมบูรณ์แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect) ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ ไอออนบวกมีขนาดเล็ก การเข้าสู่ช่องว่างจากอะตอมภายใน การเข้าสู่ช่องว่างจากอะตอมผิวหน้า

  46. ความไม่สมบูรณ์แบบแบบชอตกี (Schottky defect) ในผลึก ที่มีไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่า ๆ กัน การเกิดที่ว่างในตำแหน่งของ ไอออนบวกและไอออนลบ ผลึกสมบูรณ์

  47. ความไม่สมบูรณ์ของผลึกแบบเส้น (Line defect) Edge dislocation Screw dislocation

More Related