1 / 27

สุนัขบางแก้วดุจริงหรือ

สุนัขบางแก้วดุจริงหรือ. กัลยา บุญญานุวัตร นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการพิเศษ กลุ่มวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพกองบำรุงพันธุ์สัตว์ กรมปศุสัตว์. ประวัติสุนัขพันธุ์บางแก้ว.

Télécharger la présentation

สุนัขบางแก้วดุจริงหรือ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. สุนัขบางแก้วดุจริงหรือ กัลยา บุญญานุวัตร นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการพิเศษ กลุ่มวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพกองบำรุงพันธุ์สัตว์ กรมปศุสัตว์

  2. ประวัติสุนัขพันธุ์บางแก้วประวัติสุนัขพันธุ์บางแก้ว ประวัติความเป็นมา ของสุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว จากข้อมูล ที่ได้สอบถามจากประชาชนตลอดจนผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้านบางแก้ว ต.บางแก้ว บ้านชุมแสงสงคราม ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พอจะสรุปได้ว่า แหล่งกำเนิดของ สุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว นั้นอยู่ที่ วัดบางแก้ว ต.บางแก้ว อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำยม สภาพภูมิประเทศทั่ว ๆ ไปนั้นยังคงเป็น ป่าพง ป่าระกำ ป่าไผ่ และต้นไม้ชนิดต่าง ๆ ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น

  3. ประวัติสุนัขพันธุ์บางแก้ว (ต่อ) • สันนิษฐานกันว่าหมาบางแก้วมาจากการผสมข้าวพันธุ์ระหว่างสุนักพันธ์ไทย • โบราณเพศเมียกับหมาจิ้งจอกและหมาไน เนื่องจากลักษณะเด่นที่หมาบางแก้ว • ได้รับการถ่ายทอดจะมาจาก 3 สายพันธุ์นี้เป็นหลัก กล่าวคือ • หมาจิ้งจอก (Canis Auresus) • หมาไน (Asiam Wild Dog) • หมาไทยพื้นบ้าน

  4. หมาจิ้งจอก • หมาจิ้งจอก (Canis auresus) มีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด • 1. หมาจิ้งจอกทองหรือหมาทอง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canis aureus มีลักษณะคล้ายหมาป่าวูล์ฟ ขนาดเล็ก มีอยู่อย่างกระจัดกระจายตั้งแต่อัฟริกาใต้ไปจนถึงอัฟริกาเหนือ มีขนสีน้ำตาลปนเหลือง ส่วนหลังและหางจะแซมด้วยขนสีดำ • 2. หมาจิ้งจอกหลังดำ (Black-backed) หรือหลังอาน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า • Canis mesomlas พบในอัฟริกาตอนกลาง อัฟริกาใต้ ที่หลังมีขนยาวสีดำปนขาวแผ่กระจายเต็มหลังไปจนถึงบริเวณหางคล้ายกับอานม้าและใบหูใหญ่

  5. หมาจิ้งจอก (ต่อ) • 3. หมาจิ้งจอกข้างลาย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canis adustus หมาจิ้งจอกพันธุ์นี้มีขนสีเทาและมีขนสีดำพาดเป็นทางด้านข้างของลำตัว ที่ปลายหางจะมีสีขาว พบในอัฟริกาเขตร้อน • 4. หมาจิ้งจอกไซเมี่ยน แจ็คกัลป์ (Simian Jackal) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า • Canis simensis พบในเขตที่ราบสูงเอธิโอเปีย มีรูปร่างและขนาดอยู่ระหว่างหมาจิ้งจอกฟ๊อกซ์ (Fox) และหมาป่าวูล์ฟ (Wolf) แต่ดูแล้วจะเหมือนหมาจิ้งจอกฟ๊อกซ์ (Fox) มากกว่า

  6. หมาจิ้งจอก (ต่อ) • ลักษณะที่เด่น ๆ คือ หูตั้ง ใบหูใหญ่ ปลายหูแหลม ลำตัวค่อนข้างยาว ขนตามลำตัวสีแดง ส่วนขนที่ใต้คอสีขาว และมีแนวขนสีแดงแก่พาดรอบคอ ขายาว บนที่บริเวณปลายขาจะมีสีขาว หางเป็นพวง โคนหางขาวปลายโคนหางประมาณ 100 เซนติเมตร (40 นิ้ว) หรือ 1 เมตร หางยาว 30 เซนติเมตร (10 นิ้ว) น้ำหนัก 10 กิโลกรัม (22 ปอนด์) ตามธรรมชาติจะชอบอยู่เป็นคู่หรืออยู่ลำพังตัวเดียว หมาจิ้งจอกพันธุ์นี้นับว่าเป็นหมาที่มีขนาดใหญ่

  7. หมาจิ้งจอก (ต่อ) • แต่ชนิดที่มีอยู่ในแถบเอเชียและที่พบในประเทศไทยนั้นเป็นชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canis aureus indicusขนของหมาจิ้งจอกจะมีสีน้ำตาลปนเทา มีลายกระดำกระด่างเปรอะ ๆ ไม่มีสีพื้นแดงสนิมเหมือนอย่างขนของหมาไน นอกจากนั้นแล้วยังมีขนยาวปกคลุมรอบคอเป็นแผงใหญ่ ขนในบริเวณนี้ปลายขนจะมี สีดำ ขนตามลำตัวจะมีลักษณะเป็นขนสองชั้น แผ่นชี้ปกคลุมตั้งแต่ท้ายทอยลงมาถึงกลางหลังเรื่อยลงไปจนถึงโคนหาง มีลักษณะคล้ายกับอานม้ามากกว่าขนที่กลางหลังของหมาไทยพันธ์หลังอานเสียอีก เพราะขนที่หลังของหมาหลังอานเป็นขนชนิดที่ย้อนกลับคล้าย ๆ กับขวัญ

  8. หมาจิ้งจอก (ต่อ) • หางของหมาจิ้งจอกจะสั้นกว่าหางของ หมาไนและขนที่หางจะมีสีดำเพียง 1 ใน 3 ส่วนหมาไนนั้นขนที่หางจะมีสีดำ • ความสูงประมาณ 40 เซนติเมตร น้ำหนักตัวประมาณ 7-14 กิโลกรัม (15-31 ปอนด์) ความยาวของลำตัววัดจากหัวถึงโคนหางประมาณ 60-70 เซนติเมตร (24-30 นิ้ว) ความยาวของหางวัดจากโคนหางถึงปลายหางประมาณ 23-25 เซนติเมตร (9.2-14 นิ้ว) สำหรบขาขอหมาจิ้งจอกจะเล็กและยาวเรียวเวลาก้าวย่างเดินจะโหย่งเท้า

  9. หมาจิ้งจอก (ต่อ) • กะโหลกศีรษะอยู่ในจำนวนพวกสกุลคานิส ลักษณะของจมูกจะยาว แต่จมูกไม่ดำ ลำตัวกลมและแข็งแรง สันกลางต่ำ โค้งกว้างแตกต่างกับหมาไน ซึ่งมีจมูกสั้นและจมูกสีดำ หน้าผากของหมาจิ้งจอกค่อนข้างจะแบนเล็กน้อย หน้าแหลม หูตั้งป้องไปด้านหน้า

  10. หมาไน • หมาไน (Asiam Wild Dog) • มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cuon alpinusชื่อเมือนหรือชื่อพ้องคือ Canis javanicus • หรือ Canis rutiland บางครั้งก็เรียกหมาในว่า "หมาแดง" (Red dog) มีลักษณะ • แตกต่างกว่าหมาจิ้งจอก คือ มีสีแดงสนิม (Rush red) ตลอดทั้งตัว ไม่มีแผงคอ • เหมือนหมาจิ้งจอก หางมีสีดำ ความยาวของหาง 40-50 เซนติเมตร (16-20 นิ้ว) • ความยาวของลำตัววัดจากหัวถึงโคนหาง 88-113 เซนติเมตร (35-45 นิ้ว) • น้ำหนักตัว 14-21 กิโลกรัม จึงมีลักตัวยาวเพรียวกว่าหมาจิ้งจอกและท้อง • ไม่คอดกิ้วเช่นหมาไทยพื้นบ้าน

  11. หมาใน (ต่อ) • หมาไนตัวใหญ่กว่าหมาจิ้งจอก มีสีเดียวกันตลอดทั้งตัว (มากกว่าหมาจิ้งจอก) • หางยาวและสีเข้มกว่า จมูกเข้มกว่า และสั้นกว่า ภายในหูมีขนขาวละเอียดอ่อน • ปกคลุม ปลายหูกลมมน ไม่แหลมเหมือนหมาจิ้งจอก มีขนตามลำตัวสีแดงสนิม • ขนยาวกว่าหมาจิ้งจอก ขนที่แผงคอไม่มี (หมาจิ้งจอกมี) เท้าและขนที่หางมีสีดำ • ลูกที่เกิดใหม่จะมีสีดำคล้ำ เมื่อโตขึ้นสีจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงสนิม

  12. หมาใน (ต่อ) • กะโหลกศีรษะคล้ายกับของหมาจิ้งจอก แต่ใหญ่กว่า จมูกกว้างและส่วนหน้าแบน • กว่า เบ้าตาต่ำกว่า รูปร่างฐานเบ้าตาสั้นกว่าและทื่อค่อนไปทางข้างหน้า ลักษณะฟัน • ไม่เหมือนกัน ไม่มีกรามที่สามด้านล่าง กรามล่างอันแรกมีเพียงเขี้ยวเดียว • (แต่ในหมาจิ้งจอกมี 2 เขี้ยว) ปากอมสีน้ำตาลเข้มหรืออาจมีสีขาวปน หางเป็นพวก • ห้อยลงดิน ส่วนมากจะหลบซ่อนตัวอยู่ในที่ร่มหรือโพรงดินตื้น ๆ เห่าเสียง • ธรรมดาถี่ ๆ แต่เมื่อตกใจจะร้องเสียงแหลม หมาไนสามารถกระโดดได้ไกล • 3-3.5 เมตร เวลาวิ่งกระโดดไกล 5-6 เมตร และสูง 3-3.5 เมตร เวลาล่าเหยื่อที่ • เป็นสัตว์ใหญ่กว่าจะรวมตัวกันเป็นฝูง 6-8 ตัว จนถึง 20 ตัว หาเหยื่อได้โดย • การดมกลิ่น และสะกดรอยไปจนเห็นเหยื่อ จากนั้นจะไล่เหยื่อไปจนเหนื่อยอ่อน • และจนมุม

  13. หมาไทยพื้นบ้าน • หมาไทยพื้นบ้าน • ขนตามลำตัวสั้นเกรียน ละเอียดเป็นเงา หูตั้ง ปลายหูแหลม แข้งขาเล็กเรียว • คล้ายขาเก้ง อุ้งเท้าเล็ก ลำตัวค่อนข้างยาวเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หางมีหลายรูปแบบ • คือหางกระรอก หางงอม้วนเป็นก้นหอยหรือขนมกง

  14. การรวมพันธุกรรม • จากหมาจิ้งจอก ลักษณะต่าง ๆ ทางพันธุกรรมที่หมาบ้างแก้วได้รับจากหมาจิ้งจอกที่เห็นได้ชัดคือ • ข้อเท้า เอนเข้าหาตัวเพียงเล็กน้อย • เขี้ยว ที่เล็กและแหลมคม • สีขน มีลักษณะจุดประหรือแต้มด่าง ซึ่งในหมาไทยทั่วไปไม่มี • เส้นขน หยาบเป็นมันส่องประกายแวววาว ส่วนมากจะเหยียดตรงหรือหยิกฟูนุ่มมือน้อยกว่าหมาไทยลูกผสมอื่นๆ ลูกหมาบางแก้วอายุ 1-2 เดือน ขนจะหยาบกระด้างกว่าขนของหมาจู

  15. การรวมพันธุกรรม (ต่อ) • ขน เป็นขนยาวสองชั้น โดยขนชั้นในสั้นเป็นปุยและละเอียดอ่อนนุ่มเหมือนปุยฝ้าย ขนชั้นนอกยาวฟู บริเวณกกหู คอ ใต้คาง และแผงอกแผ่กระจายดูคล้ายคอสิงห์โต ขนที่สีข้างจะค่อนข้างยาว • หู คล้ายหมาจิ้งจอก มีขนปุกปุยในรูหูและโคนกกหูด้านนอก

  16. การรวมพันธุกรรม(ต่อ) • จากหมาไน พันธุกรรมที่หมาไนถ่ายทอดมาสู่หมาบางแก้วที่สังเกตได้คือ • ขน หมาบางแก้วบางตัวมีขนสีน้ำตาลแดงหรือสีสนิมแต้มอยู่บริเวณแก้ว ลำตัว อุ้งเท้า ถ้าเป็นเพศเมียจะมีบริเวณอวัยวะเพศอย่างเห็นได้ชัด • หู เล็กสั้นและตั้ง • ลำตัว ลำตัวจะยาวและท้องไม่กิ่วเหมือนหมาไทยพื้นบ้าน • หาง อาจมีขนสีดำที่โคนและปลายหาง • ขา ใหญ่กว่าหมาไทยทั่วไป • ปาก บางตัวปากมอม ซึ่งในหมาจิ้งจอกจะไม่มีปากมอม

  17. การรวมพันธุกรรม(ต่อ) • จากหมาไทยพื้นบ้าน พันธุกรรมอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่กล่าวมา หมาบ้างแก้วได้รับการถ่ายทอดจากหมาไทยพื้นบ้าน โดยเฉพาะหางที่โค้งงอขึ้นบน

  18. มาตรฐานพันธุ์บางแก้ว มาตรฐานพันธุ์สุนัขไทยบางแก้วที่กำหนดขึ้นโดยชมรมผู้อนุรักษ์และพัฒนาสุนัขไทยบางแก้วพิษณุโลกแห่งประเทศไทยมีดังนี้คือลักษณะทั่วไปสุนัขบางแก้วมีลักษณะเด่นเฉพาะตัวคือมีขนปุยยาวมีความสง่างามว่องไวและแข็งแรง

  19. มาตรฐานพันธุ์บางแก้ว(ต่อ)มาตรฐานพันธุ์บางแก้ว(ต่อ) เวลายืนมักเชิดหน้าและโก่งคล้ายม้าเป็นสุนัขขนาดกลางรูปทรงตั้งแต่ช่วงขาหน้าถึงขาหลังเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสอกกว้างและลึกได้ระดับกับข้อศอกไหล่กว้างท้องไม่คอดกิ่วหน้าแหลมหูเล็กหางพวงขนมีสองชั้นนิสัยรักเจ้าของฉลาดปราดเปรียวกล้าหาญค่อนข้างดุสามารถฝึกหัดได้ชอบเล่นน้ำมาก

  20. มาตรฐานพันธุ์บางแก้ว(ต่อ)มาตรฐานพันธุ์บางแก้ว(ต่อ) ขนาดขนาดเท่ากับสุนัขไทยหรือเล็กกว่าเล็กน้อยไม่อ้วนความสูงวัดที่ไหล่ตัวผู้สูง 42-53 เซนติเมตรตัวเมียสูง 38-48 เซนติเมตรน้ำหนักตัวผู้ 14-16 กิโลกรัมตัวเมีย 13-15 กิโลกรัมลำตัวช่วงหัวตอนหน้าใหญ่ช่วงตัวตอนท้ายค่อนข้างเล็กลำตัวหนาปานกลางอกลึกปานกลางยืดอกเวลายืนส่วนเอวจะคอดกว่าสุนัขไทยท้ายลาดสง่าเหมือนสุนัขจิ้งจอก

  21. ลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บางแก้วลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บางแก้ว • ลักษณะหน้าเสือ ใบหน้าดูคล้ายเสือ มีกะโหลกศีรษะใหญ่ หน้าผากกว้าง โคนหูตั้งอยู่ห่างกัน หูเล็กแบะออกเล็กน้อย แววตาเซื่องซึม พื้นสีตามักจะเป็นสีเหลืองทองคล้ำ ม่านตาตรงกลางสีดำ มีขนย้อยจากโคนหูด้านล่างเป็นแผงที่คอ เรียกว่า แผงคอ แต่ไม่รอบคอ ขนมีทั้งฟูและไม่ฟู มีหางเป็นพวง ทั้งหางงอ และหางม้วน แลดูดุร้าย เป็นลักษณะของสุนัขบางแก้วที่ใหญ่ที่สุด

  22. ลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บางแก้ว(ต่อ)ลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บางแก้ว(ต่อ) 2. ลักษณะ หูเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยม ป้องไปข้างหน้ารับกับใบหน้าอย่างสวยงาม ปากไม่เรียวแหลมมาก ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป มีขนยาวตั้งแต่โคนหูลงมาด้านล่าง และมีขนเป็นเคราจากใต้คางย้อยลงมาเหมือนคอพอกลงมาถึงคอด้านล่าง ยามปกติแววตาและท่าทางเซื่องซึม แต่เมื่อเป็นศัตรูหรือคนแปลกหน้า จะเปลี่ยนเป็นดุร้ายและคล่องแคล่วว่องไวทันที ลักษณะหน้าสิงโตเป็นลักษณะที่หายามาก นาน ๆ จึงจะพบเห็นสักตัวหนึ่ง

  23. ลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บางแก้ว(ต่อ)ลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บางแก้ว(ต่อ) 3. ลักษณะหน้าจิ้งจอก มีใบหน้าแหลม หูใหญ่กว่าลักษณะหน้าเสือและหน้าสิงโต ใบหูไม่ตรงโย้ออกด้านข้าง มองดูเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ปากแหลมเรียวและค่อนข้างยาว ขนอ่อนยาวเรียบ ขนหางเป็นพวง รูปร่างมีทั้งใหญ่ กลางและเล็ก อุปนิสัยไม่ค่อยดุร้ายเหมือนสองพวกแรก

  24. ลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บางแก้ว(ต่อ)ลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บางแก้ว(ต่อ) เวลาดีใจเมื่อเดินหรือวิ่งจะแกว่งหางไปมา เวลายืนหากมั่นใจว่าปลอดภัย จะยกหางสูงขึ้นเลยระดับตัวเล็กน้อย นักเลี้ยงสุนัขบางแก้วบางคนจะพูดถึงกิริยาหางนี้ว่า "ขึ้นได้-ลงได้" ลักษณะเช่นนี้เหมือนหมาป่ามาก เรียกว่า หางจิ้งจอก สีของบางแก้วมีสีหลักคือ สีดำพื้น, สีน้ำตาลพื้น, สีน้ำตาลปรายย้อมดำ(เขียว), สีด่างน้ำตาลขาว

  25. ลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บางแก้ว(ต่อ)ลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บางแก้ว(ต่อ) บางตัวนอกจากสีด่างดำขาว หรือสีน้ำตาลขาวยังแทรกจุดหย่อมเล็กกระจายมากน้อยทั่วทั้งตัวอีกด้วย ส่วนสีที่นิยมคือ ขาวปลอด ขาวน้ำตาล ขาวดำ เสียงเห่า เสียงเห่าแหลมเล็กกว่าสุนัขไทย การเดินวิ่ง เวลาเดินวิ่งจะเหยาะย่างสง่างามเหมือนม้าย่างเท้าสวนสนามปกติจะวิ่งซอยเท้าถี่

  26. ลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บางแก้ว(ต่อ)ลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บางแก้ว(ต่อ) ข้อบกพร่อง ได้แก่ ใบหูพลิ้ว, ไม่มีขนแผงรอบคอ, ขาหน้าเล็ก, ไม่มีแข้งสิงห์, ไม่มีขนคลุมนิ้วเท้า, หูใหญ่, หางขอด, ขนหลุดร่วง, ฟันบนยื่นกว่าฟันล่าง, ปากใหญ่, ตาใหญ่, หูไม่ตั้ง, หางไม่เป็นพวง, ขนสั้น, อัณฑะเม็ดเดียว, ฟันขาด 3 ซี่ขึ้นไปโดยไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ, หางขาด, ฟันล่างยื่นกว่าฟันบน, ปากทู่, ตากลม, สันหลังแอ่น เป็นต้น

  27. ขอบคุณครับ สวัสดีครับ

More Related