1 / 35

Dengue (ไข้เลือดออก)

Dengue (ไข้เลือดออก). ประเด็นการเรียนรู้. ความรู้เรื่องโรค พยาธิการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย และการรักษาพยาบาล การประเมินภาวะสุขภาพ( Health Assessment ) ได้แก่ การซักประวัติ วิทยาการระบาด การตรวจร่างกาย สถิติ และการตรวจทางห้องปฎิบัติการ

Télécharger la présentation

Dengue (ไข้เลือดออก)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. Dengue (ไข้เลือดออก)

  2. ประเด็นการเรียนรู้ • ความรู้เรื่องโรค พยาธิการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย และการรักษาพยาบาล • การประเมินภาวะสุขภาพ( Health Assessment) ได้แก่ การซักประวัติ วิทยาการระบาด การตรวจร่างกาย สถิติ และการตรวจทางห้องปฎิบัติการ • ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่สำคัญ ข้อมูลสนับสนุน พร้อมข้อมูลสนับสนุน • กิจกรรมทางการพยาบาล เช่น การประเมิน สัญญาณชีพ การใช้ยา การทดแทนสารน้ำ เป็นต้น • CPG หรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

  3. Dengue (ไข้เลือดออก) โรคไข้เลือดออก เป็นโรคติดเชื้อที่มักมีการระบาดในเด็ก เกิดจากเชื้อไวรัสแดงกี ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะ มีอาการทางคลินิกที่สำคัญ คือ มีไข้สูงลอย 3-7 วัน หลังจากนั้นไข้จะลดลงสู่ปกติ หรือต่ำกว่าปกติอย่างรวดเร็วพร้อมกับมีอาการช็อก และหรือมีเลือดออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งอาจทาให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตได้

  4. Dengue (ไข้เลือดออก) เชื้อที่เป็นสาเหตุมี 2 ชนิดที่พบในประเทศไทย • Dengue virus เป็นไวรัสชนิดอาร์เอ็นเอ (RNA virus) ขนาด 20 - 40 มิลลิเมตร เป็นอาร์โบไวรัสกลุ่มบี (Arbovirus group ไวรัสนี้แบ่งตาม Serotype ได้ 4ชนิด คือ Serotype 1,2,3 และ 4 • Chikungunya virus เป็นอาร์โบไวรัสกลุ่มเอ (Arbovirus group A) ในประเทศไทยพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกกว่าร้อยละ 95

  5. การแบ่งชนิด (Classification)

  6. อาการและอาการแสดงการเกิด(Signs and symptoms) 1. มีไข้สูงลอยตลอดเวลา 2. เมื่อทำ tourniquet test จะ positive โดยพบเป็นจุดเลือดออก ตามตัว แขนขา และใบหน้า 3. มีการเพิ่มขึ้นของ permeability ของผนังหลอดเลือด เกิดการรั่วของพลาสม่า ทำให้ปริมาตรเลือดลดลงเกิด hypovolaemia ซึ่งจะทำให้อาการช็อค และอาจเสียชีวิตได้ 4. มีตับโต(hepatomegaly) จะคล่ำได้ในวันที่ 3-4 ของโรค แต่ไม่พบ jaudice 5. มีเกล็ดเลือดต่ำ(thrombocytopenia) เกิดความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด(coagulopathy) ทำให้เกิดการแข็งตัวในหลอดเลือด(Dessiminated Intravascular Coaglulation,DIC)

  7. อาการและอาการแสดงการเกิด(Signs and symptoms) ในการติดเชื้อไวรัสแดงกีครั้งแรก ผู้ป่วยส่วนใหญ่ (80-90%) จะไม่แสดงอาการ ผู้มีอาการจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก และมีผื่นที่ผิวหนังได้ แต่ถ้าติดเชื้อครั้งที่สอง โดยเชื้อที่ต่างสายพันธุ์กับครั้งแรก อาจเป็นไข้เลือดออก ซึ้งมีอาการสำคัญแบ่งแบ่งออกได้ 3 ระยะ คือ 1. ระยะไข้ 2. ระยะช็อค 3.ระยะพักฟื้น

  8. อาการและอาการแสดงการเกิด(Signs and symptoms) 1. ระยะไข้ ผู้ป่วยจะมีไข้สูงเกือบตลอดเวลา เด็กบางคนอาจชัก เนื่องจากไข้สูง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มักมีหน้าแดง และอาจมีผื่นหรือจุดเลือดออกตามลำตัว แขน ขา ระยะนี้จะเป็นอยู่ราว 2-7 วัน

  9. อาการและอาการแสดงการเกิด(Signs and symptoms) 2. ระยะช็อค ระยะนี้ไข้จะเริ่มลดลง ผู้ป่วยจะซึม เหงื่อออก มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว ปวดท้อง โดยเฉพาะบริเวณใต้ชายโครงขวา ปัสสาวะออกน้อย อาจมีเลือดออกง่าย เช่น มีเลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระมีสีดำ ในรายที่รุนแรง จะมีความดันโลหิตต่ำ ช็อค และอาจถึงตายได้ ระยะนี้กินเวลา 24-48 ชั่วโมง

  10. อาการและอาการแสดงการเกิด(Signs and symptoms) 3.ระยะพักฟื้น อาการต่างๆจะเริ่มดีขึ้น ผู้ป่วยรู้สึกอยากรับประทานอาหาร ความดันโลหิตสูงขึ้น ชีพจรเต้นแรงขึ้นและช้าลง ปัสสาวะมากขึ้น บางรายมีผื่นแดงและมีจุดเลือดออกเล็กๆ ตามลำตัว

  11. พยาธิสภาพ (Pathology)

  12. การดูแลรักษา (Treatment) ให้การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ ให้สารน้ำทดแทนส่วนที่รั่วออกจากเลือด ไม่มียารักษาจำเพาะ ความพยายามในการรักษาที่ผ่านมา คือ • ให้ human convalescentserum ที่มีแอนติบอดีจำเพาะต่อเชื้อ • ให้ α-interferon • ให้ยาต้านไวรัส ribavirin พบว่าได้ผลบ้างในการป้องกันหลังสัมผัสแต่ไม่ผลในการรักษาเมื่อมีอาการ เนื่องจากการศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบเป็น randomized clinical control จึงสรุปผลได้ไม่ชัดเจน

  13. การป้องกัน (Protection) 1. กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยเฉพาะบริเวณรอบๆบ้านอย่าให้มีน้ำขังในภาชนะ และแหล่งนี้ต่างๆ 2. ป้องกันไม่ให้ยุงลายกัดในเวลากลางวัน 3. กำจัดยุงลาย โดยการแจ้งไปยังกรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ใช้สารเคมีฉีดฆ่ายุง โดยใช้เครื่องพ่นชนิดฝอยละเอียดพ่นยาพวกมาลาไธออน หรือซูมิไธออนเป็นหมอก 2 ครั้ง ในระยะเวลาห่างกัน 10 วัน 4. ปัจจุบันไม่มีวัคซีนป้องกัน ขณะนี้กาลังพัฒนาวัคซีนที่สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกที่มีสาเหตุจากไวรัสเดงกีได้ทุกชนิดแล้ว

  14. การประเมินภาวะสุขภาพ การซักประวัติ • ประวัติของการมีผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกในชุมชน จากอาการ และอาการแสดงของผู้ป่วย เช่น มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง พบจุดเลือดออก บิดามารดาแสดงสีหน้าท่าทางบอกถึงความกลัวและวิตกกังวลสูง กลัวลูกเป็นอันตรายถึงชีวิต

  15. การประเมินภาวะสุขภาพ(ต่อ)การประเมินภาวะสุขภาพ(ต่อ) การตรวจร่างกายตามระบบ • เช่น ผิวหนังร้อน เลือดออกตามผิวหนัง หรือเหงื่อออก เป็นต้น ไม่พบเยื่อจมูกบวมแดง คอไม่แดง ทอนซิลไม่โต ชีพจรเบาเร็ว วัดความดันโลหิตได้ต่ำกว่าปกติ หรือวัดไม่ได้ พบตับโตกดเจ็บ เป็นต้น

  16. การประเมินภาวะสุขภาพ(ต่อ)การประเมินภาวะสุขภาพ(ต่อ) การตรวจทางห้องปฎิบัติการ • ทำ Tourniquet test • ส่งตรวจClinical blood count (CBC) • platelet count และ Hematocrit (Hct) • การตรวจหาเชื้อไวรัสเดงกี จากการตรวจหาแอนติบอดี หรือการแยกเชื้อไวรัสด้วยวิธีการต่างๆ เป็นต้น • การถ่ายภาพรังสีทรวงอก กรณีสงสัยว่ามีน้ำในช่องยื่อหุ้มปอด เป็นต้น

  17. วิธีทำTourniquet test หมายถึง การวัดความดันโลหิตด้วยเครื่องวัดที่มีขนาด cuffพอเหมาะกับขนาดต้นแขนส่วนบนของผู้ป่วยครอบคลุมประมาณ 2 ใน 3 ของต้นแขน บีบความดันไว้ที่กึ่งกลางระหว่าง systolicและ diastolic pressure รัดค้างไว้ประมาณ 5 นาที หลังจากนั้นจึงคลายความดัน รอ 1 นาที หลังคลายความดันจึงอ่านผลการทดสอบ ถ้าตรวจพบจุดเลือดออกเท่ากับหรือมากกว่า10 จุดต่อตารางนิ้ว ถือว่าให้ผลบวก ให้บันทึกผลเป็นจำนวนจุดต่อตารางนิ้ว ทั้งรายที่ให้ผลบวกและรายที่มีน้อยกว่า 10 จุด • ในการทำ Tourniquet test ถ้าให้ผลบวกมีโอกาสติดเชื้อเดงกี 63% • ติดตามอาการ ทำ Tourniquet test ซ้ำถ้ายังได้ผลลบ และส่งตรวจ CBC ซ้ำ เพื่อดู WBC

  18. การทำ Clinical blood count (CBC) • การทำ CBC จำเป็นในการวินิจฉัยโรคไข้เลือดออกและไข้เดงกี และที่สำคัญที่สุดคือผลของการตรวจจะช่วยบอกระยะวิกฤตของโรค ซึ่งต้องใช้เป็นแนวทางในการดูแลรักษาผู้ป่วย • ถ้าตรวจพบว่าผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย รับประทานอาหารไม่ได้ตามปกติ มีอาเจียน หรือปวดท้องควรพิจารณารับไว้ในโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการ หรือให้การรักษาโดยการเปลี่ยนแปลงที่พบตามลำดับระเมื่อใกล้ระยะ หรือเข้าสู่ระยะะวิกฤตของโรค คือ WBC ≤ 5,000 เซล/ลบ.มม. ร่วมกับมี Lymphocyte และ atypical lymphocyte, เกล็ดเลือด ≤ 100,000 เซล/ ลบ.มม. • Hematocrit (Hct)เพิ่มขึ้นจากเดิม 10-20%

  19. อุบัติการณ์ และการระบาดของโรค • โรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาสาธารณะสุขที่สำคัญของประเทศ มาเป็นเวลาเกือบ 45 ปี มีรายงานการระบาดครั้งแรกในประเทศไทย พ.ศ.2501 มีผู้ป่วย 2,158 คน • อัตราป่วย 8.87 ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิต 300 คน ซึ่งอัตราตายคิดเป็นร้อยละ 13.9 ปี • ปี พ.ศ. 2544 มีผู้ป่วย 139,225 คน เป็นอัตราป่วย 222. 5 ต่อประชากรแสนคน อัตราตาย 236 คน คิดเป็นร้อยละ 0.17 ( ศิริเพ็ญ กัลป์ยาณรุจิ์ , 2,545) • ปี พ.ศ. 2549 มีผู้ป่วย12,471 คน คิดเป็นอัตราป่วย 19.98ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิต 15 คน โดยพบว่าภาคกลางมีผุ้ป่วยมากที่สุด จำนวน 5,619 คน เสียชีวิต5 คน

  20. อุบัติการณ์ และการระบาดของโรค(ต่อ) • รายงานผู้ป่วยเด็กสงสัยว่าเป็นโรคไข้เลือดออก ตั้งแต่ที่ 1มกราคม ถึง 30มิถุนายน 2550 รวม21,251 คน อัตราป่วย 33.82ต่อประชากรแสนคน มากกว่าสัปดาห์เดียวกันของปี 2549 จำนวน5,640คน คิดเป็นร้อยละ 36.13 และมีการระบาดทั่วทุกภาค โดยเฉพาะภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ( สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค , 2550 )

  21. ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อมูลสนับสนุนข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อมูลสนับสนุน ข้อวินิจฉัยการพยาบาล: ผู้ป่วยมีไข้สูงมาก เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสแดงกี เป้าหมายการพยาบาล : ผู้ป่วยไข้ลดลง หรืออุณหภูมิกายปกติ เกณฑ์ประเมินผล : อุณหภูมิกายลดลง หรือไม่เกิน37.5องศาเซลเซียส ข้อมูลสนับสนุน • ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสแดงกี • ผู้ป่วยมีอุณภูมิกายสูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส • ผู้ป่วยมีภาวะไข้สูงลอยอยู่มากกว่า 2 วัน

  22. กิจกรรมการพยาบาล 1. เช็ดตัวลดไข้ โดยใช้น้ำธรรมดา หรือน้ำอุ่น 2. ดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานยาลดไข้ตามแผนการรักษา ซึ่งมักเป็นพาราเซตามอล ทุก 4-6 ชั่วโมง 3. พยายามกระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ โดยดื่มครั้งละน้อยๆตามที่ผู้ป่วยชอบ เช่น น้ำผลไม้เย็นๆ น้ำผสมผงเกลือแร่ (ORS) การดื่มน้ำผลไม้เย็นๆ จะช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน

  23. ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อมูลสนับสนุนข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อมูลสนับสนุน ข้อวินิจฉัยการพยาบาล :ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออก เนื่องจากหลอดเลือดเปราะแตกง่าย และมีเกล็ดเลือดต่ำ เป้าหมายการพยาบาล : ผู้ป่วยไม่เกิด/ปลอดภัยจากการเกิดภาวะเลือดออกในร่างกาย ข้อสนับสนุน : 1. ผู้ป่วยมีภาวะเลือดออกง่ายหยุดยาก เกณฑ์ประเมินผล 1. ไม่มีอาการและอาการแสดงของการมีเลือดออกในระบบต่างๆของร่างกาย เช่น อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระสีดำ เลือดกำเดาไหล ระดับความรู้สึกตัวลดลง ซึม หรือชัก พบจุดเลือดออกตามผิวหนัง เป็นต้น 2. สัญญาณชีพปกติตามวัย 3. ค่าเกล็ดเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติตามวัย 4. ค่าฮีมาโตคริทอยู่ในเกณฑ์ปกติตามวัย :

  24. กิจกรรมการพยาบาล 1. ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล ป้องกันการเกิดกระทบกระแทกร่างกาย ซึ่งจะทาให้เกิดภาวะเลือดออกได้ 2. ดูแลทำความสะอาดภายในช่องปากด้วยแปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม เพื่อไม่ให้มีเลือดออกในช่องปาก 3. ตัดเล็บให้สั้น เพื่อป้องกันการเกาจนเกิดแผลและเลือดออก 4. หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่ทำให้เลือดออก เช่น เจาะเลือด หรือ การแทงหลอดเลือดดำบ่อยๆ โดยไม่จำเป็น ดังนั้นควรดูแลผู้ป่วยขณะแทงหลอดเลือดดำอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเลื่อนหลุดของเข็ม รวมทั้งแนะนำบิดามารดาให้มีส่วนร่วมในการดูแลบุตรขณะให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เช่น ควรขยับหรือเลื่อนแขนขาบริเวณที่แทงเข็มด้วยความระมัดระวัง เป็นต้น

  25. กิจกรรมการพยาบาล (ต่อ) 5. ป้องกันอุบัติเหตุจากการตกเตียง โดยยกที่กั้นเตียงขึ้นทุกครั้ง เมื่อเสร็จกิจกรรมการพยาบาลและไม่ได้อยู่กับผู้ป่วย รวมทั้งแนะนำบิดามารดาให้ระมัดระวังและยกที่กั้นเตียงขึ้นสูงทุกครั้งเมื่อไม่ได้อยู่กับบุตร เป็นต้น 6. บันทึกสัญญาณชีพ เช่น ชีพจร ความดันโลหิต ทุก 2-4 ชั่วโมงเพื่อติดตามประเมินการมีเลือดออกในร่างกาย 7. ติดตามผลการตรวจค่าฮีมาโตคริท และเกล็ดเลือดเป็นระยะ เพื่อประเมินแนวโน้มการมีเลือดออกในร่างกาย

  26. ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อมูลสนับสนุนข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อมูลสนับสนุน • ข้อวินิจฉัยการพยาบาล :ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการภาวะช็อก เนื่องจากมีการรั่วของพลาสมา และหรือมีเลือดออก • เป้าหมายการพยาบาล : ผู้ป่วยไม่เกิด/ปลอดภัยจากภาวะช็อก • เกณฑ์ประเมินผล : ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะช็อก • ข้อสนับสนุน • มีอาการเหงื่อออก ตัวเย็น กระสับกระส่าย • ชีพจรเบาเร็ว • ความดันโลหิตต่ำลง pulse pressure แคบ และหรือวัดความดันโลหิตไม่ได้

  27. กิจกรรมการพยาบาล • 1. ดูแลสารน้ำทางหลอดเลือดให้เป็นไปตามแผนการรักษา จนกว่าผู้ป่วยจะพ้นภาวะวิกฤต รวมทั้งติดตามการเก็บปัสสาวะเพื่อตรวจหาค่าความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะ เพื่อดูความเพียงพอของปริมาณน้ำที่ให้ทางหลอดเลือดดำ เป็นต้น • 2. หลีกเลี่ยงหรือห้ามการทำหัตถการที่ทำให้เลือดออก เช่น การเจาะเลือด หรือการแทงหลอดเลือดดำ การแปรงฟันควรใช้แปรงสีฟันนุ่มๆเพราะระยะนี้ผู้ป่วยจะมีภาวะเลือดออกง่าย • 3. การดูแลใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในการดูแลผู้ป่วยไข้เลือดออกในภาวะวิกฤต ดังนี้ • บันทึกสัญญาณชีพทุก 1 ชั่วโมง ในระยะวิกฤต และอาจจำเป็นต้องบันทึกทุก 15-30 นาที ถ้ามีภาวะช็อกอย่างรุนแรงมาก จนกว่าผู้ป่วยจะพ้นภาวะวิกฤต และมีอาการคงที่

  28. กิจกรรมการพยาบาล (ต่อ) • กรณีผู้ป่วยมีอาการหายใจเหนื่อยหอบ เนื่องจากอยู่ในภาวะช็อก ต้องดูแลให้ออกซิเจน ตามแผนการรักษาร่วมทั้งการอธิบายให้บิดามารดาและญาติเข้าใจถึงแผนการรักษาเพื่อคลายความวิตกกังวล • บันทึกจำนวนปัสสาวะทุก 1 ชั่วโมง เพื่อประเมินระบบการไหลเวียนของเลือด และปริมาณน้ำทางหลอดเลือดดำที่ได้รับ ปกติจำนวนปัสสาวะต้องไม่น้อยกว่า 1 มิลลิลิตร/กิโลกรัม/ชั่วโมง • 4. ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะช็อก เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

  29. กิจกรรมการพยาบาล (ต่อ) 5. ติดตามประเมินอาการแสดงของการมีเลือดออก เช่น อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด/ถ่ายอุจจาระดำ เลือดกำเดาไหล รายงานแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือ 6. ติดตามประเมินค่าวิเคราะห์ก๊าซในเลือดแดง ค่าอิเล็กโทรลัยท์ในเลือด และค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดแดง เพื่อประเมินความสมดุลของกรด ด่าง และอิเล็คโทรลัยท์ในร่างกาย รวมทั้งประเมินภาวะพร่องออกซิเจนขณะมีอาการช็อก ตามลำดับ

  30. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง งานวิจัย: พฤติกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออก (มหัศจรรย์กระบอกไม้ไผ่ช่วยคนไทยห่างไกลไข้เลือดออก) กรณีศึกษาบ้านท่าแพและบ้านหัวเห่วพัฒนา อาเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อศึกษา เพื่อศึกษาพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออกของชาวบ้าน เพื่อศึกษาความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไขเลือดออกของประชาชนบ้าน เพื่อศึกษาเจตคติในการป้องกันโรคไข้เลือดออก ของประชาชน บ้าน เพื่อศึกษาความแตกต่างระหว่างข้อมูลส่ วนบุคคลกับ พฤติกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออก เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง เจตคติในการ ป้องกันโรคไข้เลือดออก กับพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออก

  31. ขั้นตอนการดำเนินงาน เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่สร้างจากไม้ไผ่ที่เป็นวัตถุดิบที่มีในชุมชน เพื่อเป็นภาชนะในการเลี้ยงปลาหางนกยูงเพื่อปล่อยในโอ่งน้าหลังคาเรือนประชาชนในเขตรับผิดชอบ แทนการเลี้ยงในบ่อประเภทอื่นๆ ใช้การปล่อยปลากินลูกน้ายุงลายแทนการการใส่สารเคมี ก็จะส่งผลดีต่อประชาชนที่สามารถพึ่งตนเองได้ ถือได้ว่าเป็นหมู่บ้านที่มีการจัดการสุขภาพ ประชาชนปลอดโรคไข้เลือดออกในปี 2554 ที่ผ่านมา ประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้านตื่นตัวและให้ความสาคัญมากเพราะสามารถที่จะป้องกันโรคไข้เลือดออกโดยชุมชนพึ่งชุมชน ประชาชนปลอดสารเคมีจากการใส่ทรายกาจัดลูกน้ายุงลายที่ผ่านมา การปฏิบัติเช่นนี้ก็ยังคงมีการดาเนินต่ออย่างต่อเนื่องและพยายามที่จะผลักดันนาไปใช้ในหมู่บ้านในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลโขงเจียมในปี 2555 และ ปีต่อๆไป ซึ่งนาไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

  32. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การวิจัยเรื่องพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออกของประชาชน กรณีศึกษา หมู่บ้านในเขตตำบลควนโพธิ์อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออกของประชาชนในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค และพื้นที่ที่ไม่มีการระบาด ผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วยผู้นำชุมชน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ผู้ปกครองของผู้ป่วยไข้เลือดออก เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย อาสาสมัครสาธารณสุข และชาวบ้านในชุมชนทั้งสองแห่งเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม การสังเกตอย่างไม่มีส่วนร่วม และการสุ่มสำรวจลูกน้ำยุงลาย ตรวจสอบความเชื่อถือได้ของข้อมูลด้วยวิธีสามเส้าตามระเบียบวิธีวิทยา วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแปลความหมายของข้อมูล จัดหมวดหมู่ และสรุปเนื้อหาแต่ละประเด็น

  33. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า ประชาชนทั้งสองพื้นที่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก ประชาชนในพื้นที่ที่มีการระบาดไม่ค่อยให้ความสำคัญในการกำจัดยุงลาย และยังพบว่าค่าดัชนีลูกน้ำยุงลายสูงกว่าพื้นที่ที่ไม่มีการระบาด โดยมองว่าการป้องกันและควบคุมโรคเป็นหน้าที่ของหน่วยราชการ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้นำชุมชน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยและอาสาสมัครสาธารณสุข มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชน เพราะเป็นผู้ที่ประชาชนให้ความเคารพ เกรงใจ และมีส่วนร่วมในการรณรงค์ป้องกันโรคไข้เลือดออกในชุมชน

  34. สมาชิกในกลุ่ม • นางสาวดาริกา โซะดาแล รหัสนักศึกษา 54113147 • นางสาวธันย์ชนก ศรีประวรรณ์ รหัสนักศึกษา 54113659 • นางสาวปณิตา อินธิสาร รหัสนักศึกษา 54114582 • นางสาวผกามาศ วุฒิพงศ์ รหัสนักศึกษา 54115209 • นางสาวสุบัยด๊ะ ยาเเดง รหัสนักศึกษา 54119524 • นางสาวอรณี พิมสุคะ รหัสนักศึกษา 54120456 • นางสาวฮาซาน่า ชอบงาม รหัสนักศึกษา 54121397 • นางสาวกอแก้ว ดาประดิษฐ์ รหัสนักศึกษา 54140165

  35. สมาชิกในกลุ่ม (ต่อ) • 9. นางสาววรรณทิพย์ พึ่งสมศักดิ์ รหัสนักศึกษา 54142286 • 10. นางสาวปรางทิพย์ สุขเกษม รหัสนักศึกษา 54146204 • 11. นางสาวสุรัยดา สะอาดธำรง รหัสนักศึกษา 54146683 • 12. นางสาวขวัญฤดี ด่านสืบสกุล รหัสนักศึกษา 54146808 • 13. นางสาวธิราวรรณ ตังตกาญจนารหัสนักศึกษา54146816 • 14. นางสาวกษมา หะยีสาเเละรหัสนักศึกษา 54146840 • 15. นางสาวนัสรินยาร์ ยูโซะรหัสนักศึกษา54146857 • 16. นางสาวสุดา มะเเน รหัสนักศึกษา 54146873 • 17. นางสาวพนิดา ทองสายลวดรหัสนักศึกษา 54161542 • 18. นางสาวสินาภรณ์ สังฆมณีรหัสนักศึกษา54162532

More Related