ไ ฮ โ ด ร โ ป นิ ก ส์

1. ไ ฮ โ ด ร โ ป นิ ก ส์

2. รายชื่อสมาชิกในกลุ่ม • นางสาว ฤดีภรณ์ บุญฤทธิ์ 4881107006 การศึกษาปฐมวัย • นางสาว พวงผกา โมหนองเดิ่น 4881107036 การศึกษาปฐมวัย • นางสาว สุชาดา รักคง 4881110006 คณิตศาสตร์ • นางสาว หรรษา ถายะเดช 4881110026 คณิตศาสตร์

3. ไ ฮ โ ด ร โ ป นิ ก ส์ คื อ อ ะ ไ ร • เทคโนโลยีการปลูกพืชไม่ใช้ดิน ตรงกับคำในภาษาอังกฤษคือ Hydroponics โดย W.F.Gericke มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เป็นคนตั้งขึ้นจากคำในภาษากรีก 2 คำคือ Hydro แปลว่า น้ำ (Water) และ Ponos แปลว่า ทำงานหรือแรงงาน (Labor) รวมกันเป็น การทำงานที่เกี่ยวกับน้ำ (Water Working) เขาเป็นคนแรกที่นำเทคนิคการปลูกพืชแบบนี้ไประยุกต์ใช้เพื่อปลูกพืชเป็นการค้นในราวต้นศตวรรษที่ 19 จากการทดลองของเขาพบว่าวิธีนี้สามารถปลูกพืชได้เกือบทุกชนิด นอกจากจะผลิตพืชได้มากแล้วยังสามารถใช้ปลูกพืชได้ในพื้นที่ที่ไม่มีดินเหมาะสมต่อการปลูกพืช เช่น ในสภาพที่มีแต่หินบนหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งทหารชาวอเมริกนได้ใช้วิธีนี้ปลูกพืชฝักเพื่อรับประทานสดได้ทุกวัน โดยเฉพาะที่โซฟุ (Chofu) ประเทศญี่ปุ่นจากนั้นการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์จึงแพร่หลายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

4. การปลูกพืชไม่ใช้ดินอาจแบ่งเป็น 2 รูปแบบ • การปลูกพืชโดยให้ส่วนของรากแช่อยู่ในสารละลายธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชโดยตรง • ปลูกบนวัสดุอื่นที่ไม่ใช่ดินและรดด้วยสารละลายธาตุอาหารหรือน้ำปุ๋ย วัสดุที่ใช้ปลูกพืชอาจจะเป็นสารอนินทรีย์ เช่น กรวด ทราย หิน ที่ได้จากธรรมชาติหรือที่มนุษย์ทำขึ้นมา เช่น เพอร์ไลท์ (Perlite) เวอร์มิคิวไลท์

5. ข้ อ ดี แ ล ะ ข้ อ เ สี ย • เนื่องจากการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์มีการจัดปัจจัยต่าง ๆ เช่น น้ำ แร่ธาตุ แสงอุณหภูมิให้แก่พืชอย่างเหมาะสม พืชจึงเจริญเติบโตเร็ว และให้ผลผลติมากสม่ำเสมอ สะอาด มีคุณภาพดี ปลูกได้ต่อเนื่องตลอดปี สามารถปลูกพืชได้ในพื้นที่ไม่มีดิน หรือมีดินไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืช การใช้น้ำใช้ปุ๋ยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้แรงงานน้อยผู้หญิง เด็ก คนชรา คนพิการสามารถทำได้ การควบคุมโรค แมลงศัตรูพืชทำให้ง่ายกว่า ข้อเสียมักจะเป็นเรื่องการลงทุนในระยะแรก มีการลงทุนสูงถ้าเลือกใช้ระบบการปลูกที่มีความซับซ้อน ทำให้ผลผลิตที่ได้มีราคาแพง

6. ค ว า ม รู้ พื้ น ฐ า น พื ช กั บ แ ร่ ธ า ตุ • พืชจะเจริญเติบโตได้ดีต้องได้รับปัจจัยต่าง ๆ อย่างเพียงพอและเหมาะสม ปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่ น้ำ แร่ธาตุ ได้มาจากดิน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากบรรยากาศใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ก๊าซออกซิเจน ได้จากบรรยากาศและช่องว่างในดิน ใช้ในกระบวนการหายใจ และแสงได้จากดวงอาทิตย์

7. ในกระบวนการสังเคราะห์แสงพืชสีเขียวจะนำพลังงานแสงที่ได้จากดวงอาทิตย์มาเปลี่ยนสารอนินทรีย์ คือคาร์บอนไดออกไซด์ ทำปฏิกิริยากับน้ำเกิดเป็นสารอินทรีย์ คือ น้ำตาลกลูโคส และได้ก๊าซออกซิเจนเป็นผลพลอยได้ดังสมการ • คาร์บอนไดออกไซด์ + น้ำ พลังงานจากดวงอาทิตย์ น้ำตาลกลูโคส + ออกซิเจน

8. เมื่อพืชสร้างน้ำตาลกลูโคสแล้วจะเปลี่ยนไปเป็นแห้งและเก็บสะสมไว้เมื่อต้องการนำพลังงานออกมาใช้ในกระบวนการต่าง ๆ เช่น การดูดแร่ธาตุ พืชก็จะมีกระบวนการหายใจเพื่อเปลี่ยนสารอินทรีย์ไปเป็นสารอนินทรีย์ ดังสมการ • น้ำตาลกลูโคส + ออกซิเจน - - - - - - - - คาร์บอนไดออกไซด์ + น้ำ + พลังงาน

9. การเจริญเติบโตของพืช • พืชจะเจริญเติบโตดำรงชีวิตอยู่ได้ต้องได้รับแร่ธาตุจำเป็นอย่างน้อย 16 ชนิด คือ คาร์บอน (C) ไฮโดรเจน (H) ออกซิเจน (O) ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โปตัสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) และกำมะถัน (S) ที่พืชต้องการในปริมาณมาก และธาตุเหล็ก (Fe) แมงกานีส (Mn) โบรอน (B) สังกะสี (Zn) ทองแดง (Cu) คลอไรด์ (C) และโมลิบดีนั่ม (Mo)

10. วั ส ดุ ป ลู ก • จะเลือกใช้วัสดุชนิดใดต้องคำนึงถึง คุณภาพ ราคา หาได้ง่ายในท้องถิ่นหรือไม่ และเหมาะสมกับระบบการปลูกพืชที่จะเลือกใช้หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพ เมื่อเราจะใช้วัสดุปลูกแทนดิน วัสดุที่ใช้ก็จะต้องมีคุณสมบัติทดแทนดินได้ เช่น มีขนาดที่เหมาะสม ไม่เล็ก หรือใหญ่เกินไป มีความพรุนสามารถอุ้มน้ำได้พอควร ขณะเดียวกันต้องระบายน้ำได้ดีเพื่อให้มีช่องว่างอากาศ มีความเป็นกลางไม่เป็นกรดหรือด่างมากเกินไป และไม่เป็นพิษต่อพืช

11. ท ำ ไ ม จึ ง ต้ อ ง ป ลู ก พื ช แ บ บ ไ ฮ โ ด ร โ ป นิ ก ส์ • ไฮโดรโปนิกส์ เป็นทางเลือกหนึ่งของการปลูกพืชให้มีคุณภาพ มีความสม่ำเสมอผลผลิตสูง สามารถวางแผนการปลูก กำหนดปริมาณการผลิตให้เป็นไปตามเป้าหมาย หรือความต้องการของตลาดได้ดีกว่า เนื่องจากสามารถควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่ให้แก่พืชได้อย่างเหมาะสม ทำให้ปลกพืชได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทยมีความเป็นไปได้ที่จะนำวิธีการปลูกพืชแบบนี้มาใช้ทำให้สามารถปลูกพืชในพื้นที่ไม่มีดินหรือดินมีปัญหา บริเวณรอบ ๆ เมืองใหญ่ มีคนอาศัยอยู่หนาแน่น เพราะการปลูกแบบนี้จะใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลผลิตมาก จะเลือกปลูกพืชชนิดใดต้องศึกษาความต้องการของตลาดก่อน ความต้องการผลผลิตเพื่อใช้บริโภคภายในประเทศ หรือต้องการผลิตเพื่อส่งออกไปขายที่ต่างประเทศ จะผลิตพืชผัก ไม้ดอกหรือไม้ประดับ ควรจะเป็นพืชที่มีราคาแพงหรือให้ผลตอบแทนสูงถ้าทำเป็นการค้า เมื่อเลือกชนิดพืชที่มีตลาดรองรับแน่นอนแล้ว จึงเลือกระบบการปลูกที่เหมาะสม ควรเป็นระบบที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก

12. ระบบการปลูกพืชไม่ใช้ดิน (ไฮโดรโปนิกส์) รูปภาพประกอบ

14. ขั้ น ต อ น ก า ร ป ลู ก • นำแผ่นฟองน้ำมาขีดเส้นทำตารางขนาด 3-4 ซม.ใช้มีดคัตเตอร์ตัดตามรอยเส้น ลึกพอประมาณ แต่อย่างให้ขาดออกจากกันกรีดเป็นรูปกากบาทลงตรงกลางฟองน้ำในแต่ละส่วน ลึกประมาณ 1 ซม. สำหรับเป็นที่เพาะเมล็ดวางแผ่นฟองน้ำลงในถาด รดน้ำให้ชุ่ม หยอดเมล็ดพืชลงในกากบาท หลุมละ 2-3 เมล็ด เก็บไว้ในที่มือ 2-3 วัน แล้วจึงค่อยนำออกมารับแสงเมื่อเมล็ดงอก เริ่มให้สารละลายเจือจาง ซึ่งเตรียมได้โดยนำสารละลายที่จะใช้ปลูกพืช 1 ส่วน ผสมกับน้ำ 1 ส่วน รดต้นกล้าจนกระทั่งมีใบจริง 2-3 ใบ จึงย้ายปลูกโดยฉีกฟองน้ำออกเป็นชิ้น ๆ ตามรอยตัดรูปสี่เหลี่ยม เลือกต้นกล้าที่สมบูรณ์ที่สุดไว้เพียง 1 ต้น ต่อฟองน้ำ 1 ชิ้น นำไปปลูกบนแผ่นโฟมที่เจาะรูไว้แล้ววางแผ่นโฟมลงบนภาชนะปลูกซึ่งบรรจุสารละลายธาตุอาหารพืชตามสัดส่วน (ดูสูตรด้านหลักปก) ข้อควรระวัง ต้องให้รากพืชแช่อยู่ในสารละลาย และอุณหภูมิของสารละลายไม่ควรเกิน 35 องศาเซลเซียสตั้งภาชนะปลูกไว้กลางแจ้ง หรือในที่ที่มีแสงวิธีนี้ใช้ปลูกพืชผักชนิดต่าง ๆ เช่น ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ผักกาดขาว ผักกาดหอม ผักบุ้งจีน คึ่นฉ่าย สะระแหน่ และไม้ดอก เช่น ดาวเรือง บานชื่น เป็นต้น

15. สิ้นสุดการนำเสนอสวัสดีค่ะสิ้นสุดการนำเสนอสวัสดีค่ะ