1 / 72

Information Technology for Organization Management

Information Technology for Organization Management. Text Book: “Information Technology for Management: Transforming organizations in the digital economy” By: Efraim Turban, Dorothy Leidner, Ephraim McLean, James Wetherbe 6 th Edition, Wiley. Chapter 1.

ira-hooper
Télécharger la présentation

Information Technology for Organization Management

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. Information Technology for Organization Management • Text Book: • “Information Technology for Management: Transforming organizations in the digital economy” By: Efraim Turban, Dorothy Leidner, Ephraim McLean, James Wetherbe 6 th Edition, Wiley Chapter 1

  2. Chapter 1 IT Support of Organizational Performance

  3. Learning Objectives • อธิบายถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของ digital economy และ digital enterprises. • กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพ ความกดดันทางธุรกิจ การสนองตอบขององค์กรและระบบสารสนเทศ • ระบุถึงความกดดันหลักๆในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และ อธิบายถึงการสนองตอบต่อความกดดันข้างต้น • นิยาม computer-based information systems และ information technology. • อธิบายถึงขอบเขตของ information technology ในการสนับสนุน functional areas, public services และ specific industries • ทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการเรียนรู้เกี่ยวกับ information technology. Chapter 1

  4. Chip War: Intel versus AMD • ปัญหา • Intel เป็นผู้ผลิตชิพ (Chip) รายใหญ่ มียอดขาย 38.8 B$ มีพนักงานประมาณ 10,000 คนและมีผลกำไร 8.7 B$ ในปี 05 • AMD คือผู้เข้ามาแย่งตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 05 มียอดขาย 5.8 B$ และผลกำไร 16.5 M$ • AMD ได้นำ Opteron Chip ออกสู่ตลาด ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาด ผลกำไร และ หุ้นของ Intel ลดลง (ดูรูปหน้าถัดไป) เพราะว่า Opteron Chip ของ AMD กินไฟน้อยกว่า ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ Pentium ของ Intel • ทั้งนี้เนื่องจากประมาณกลางปี 2004 ต้นทุนทางด้านพลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูกค้าของ Intel ทางด้าน high-end server business ไม่พึงพอใจกับค่าไฟที่ต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้น จึงได้หันไปใช้ Chip ของ AMD Chapter 1

  5. ตัวอย่างเช่น VeriCenter ซึ่งทำธุรกิจในเชิงผู้ให้บริการภายนอก (Outsourcer) แก่ 500 บริษัทขนาดใหญ่ run server รวมกันกว่า 8,000 เซิร์ฟเวอร์ คิดเป็นค่าไฟรวมกัน 500,000 USD/year เมื่อเปลี่ยนมาใช้ของ AMD ผลปรากฏว่า ประหยัดค่าไฟไปได้กว่า 150,000 USD/year • Intel-AMD stock movement 2004-2006 Chapter 1

  6. ทางแก้ • Intel เริ่มตระหนักว่า ภาพพจน์ที่ดีไม่พอเพียงที่จะดังลูกค้ากลับได้ ดังนั้นจึงลงมือออกแบบ Chip ใหม่ เพื่อให้กินไฟน้อยกว่าของ AMD และ มีประสิทธิภาพดีกว่า ชิพตัวแรกในกลุ่มนี้ออกมาประมาณ เมษา 2006 (ชื่อ Sossaman) • มันกินไฟแค่ 1 ใน 5 เมื่อเทียบกับ AMD ในราคาประมาณ 209$ ซึ่งเป็นราคาที่ลูกค้าคาดหวังว่า ถ้าราคาเท่านี้เขาจะเปลี่ยนจาก AMD กลับมาใช้ Intel อีกครั้ง • หลังจากนี้ Intel ได้เร่งออกแบบกลุ่มของ Chip (สนับสนุน)ใน Server ให้มีคุณสมบัติเช่นเดียวกัน (คือกินไฟน้อยลง) ในเวลาเดียวกัน Intel ได้ขยายกำลังการผลิต เพื่อทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง • ปัญหาของ Intel ตอนนี้คือเวลา (Time) อินเทลต้องขจัด Chip รุ่นเก่าออกไปจากสต็อก (เช่น ขายลดราคา เป็นต้น ถ้าขายไม่ได้ แล้วออกชิพรุ่นใหม่ ก็จะขายไม่ออก) ต้องเร่งรัดการออกแบบ เพราะค่าพลังงานสูงขึ้น คนก็เปลี่ยนไปใช้ AMD มากขึ้น Chapter 1

  7. ผล • Intel ยังมีโอกาสที่จะดึงลูกค้าเดิมกลับคืนบางส่วนหรืออาจทั้งหมด หรือ ได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น แต่ความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มากมายจนยากที่จะประเมิน • AMD ยังคงพัฒนา chip ให้ดีขึ้นต่อไป และ ลูกค้าที่เปลี่ยนใจไปใช้ AMD แล้ว อาจจะไม่เปลี่ยนกลับมาใช้อินเทลอีก Chapter 1

  8. Lesson learned • การแข่งขันทั่วโลกเป็นพลังขับดัน (ไม่เว้นแม้แต่บริษัทใหญ่) ให้หาทาง ลดต้นทุนการดำเนินการ เพิ่มประสิทธิผล และ ปรับปรุงการให้บริการ แก่ลูกค้าอันเป็นการเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน • ประสิทธิภาพขององค์กรนั้นไม่ได้ขึ้นกับประสิทธิภาพของการทำงานเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ (business environment) ด้วย • AMD มีความสามารถในการผลิตชิพที่ใช้พลังงานน้อยกว่าของอินเทล ค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานเป็นตัวเร่งให้ชิพของ AMD มีความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งก็คือแฟกเตอร์หนึ่งของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจนั่นเอง Chapter 1

  9. การต่อต้านกับความกดดันอันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและความได้เปรียบในการแข่งขัน อินเทลใช้วิธีการแบบเดิม ๆ (เช่น การลดราคาเป็นต้น) ไม่พอเพียงอีกต่อไปแล้ว อินเทลต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ของเขาใหม่ • ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อินเทลต้องทำอย่างรวดเร็ว เพื่อลดเวลาออกสู่ตลาด (time-to-market)ให้สั้นลง ดังนั้น อินเทลจึงต้องหาinformation technology ต่าง ๆ เช่น IT-based collaboration tools เป็นต้น มาใช้เพื่อลดเวลาลง Chapter 1

  10. 1.1 Doing Business in the Digital Economy • การทำธุรกิจในยุค Digital Economyหมายถึงการใช้ Web-based systems บน Internet และ electronic networks ใด ๆ เพื่อทำธุรกรรมทางอิเลกทรอนิคส์รูปแบบใดแบบหนึ่ง • E-businessคือ การดำเนินฟังก์ชันทางธุรกิจโดยอาศัยสื่ออิเลคทรอนิคส์เป็นหลัก • E-commerceคือ การธุรกรรมทางธุรกิจโดยอาศัยสื่ออิเลคทรอนิคส์บนอินเตอร์เน็ตและ computing network อื่น ๆ • ดังนั้นจะเห็นว่า โครงสร้างพื้นฐานของ EC ก็คือ networked computingซึ่งเป็นตัวเชื่อมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นโครงข่ายการสื่อสาร (telecommunication network) ถ้าโครงข่ายการสื่อสารนั้นใช้อยู่ภายในองค์กร เรียกว่า Intranetถ้าโครงข่ายนั้น ๆ มีการเชื่อม Intranet (ของพันธมิตรทางธุรกิจ)เข้าด้วยกัน เรียกว่า Extranet ถ้าโครงข่ายนั้นเชื่อมต่อกันทั่วโลก เรียกว่า Internet Chapter 1

  11. The Digital Enterprise • ได้มีการให้คำจำกัดความของ “Digital Enterprise (organization)”ไว้หลายแบบ เช่น Davis (2005) เชื่อว่า Digital Enterprise คือ โมเดลธุรกิจแบบใหม่ที่ใช้ IT ในแนวทางพื้นฐานเพื่อก่อให้เกิดหนึ่งหรือมากกว่าในสามวัตถุประสงค์ คือ ก) เข้าถึง (reach) และประสาน (engage) กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ข) เพิ่มผลิตผลให้แก่พนักงาน ค) เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน นั่นหมายความว่า Digital Enterprise ได้นำเทคโนโลยีการสื่อสารและการคำนวณที่มีอยู่มาใช้ปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ • Digital Enterprise เปลี่ยนมุมมองจากการบริหารจัดการอุปกรณ์ของ IT เฉพาะอย่าง เช่น อุปกรณ์ต่าง ๆ โปรแกรมประยุกต์ กลุ่มข้อมูล เป็นต้น มาเป็นการบริหารแบบองค์รวมของการให้บริการและworkflowที่ใช้กำหนดธุรกิจและจัดส่งคุณค่า (value) ระดับยอดไปให้ลูกค้าและผู้ใช้ปลายทาง (end users) Chapter 1

  12. ดังนั้น Digital Enterprise จึงใช้โครงข่ายของคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมต่อทางไฟฟ้าระหว่าง: • ส่วนภายในของ enterprise ทั้งหมด ผ่านทาง intranet • หุ้นส่วนทางธุรกิจของ enterprise ทั้งหมด ผ่านทาง internet หรือ extranet หรือ value-added private communication lines • ตัวอย่างเป็นดังรูปในหน้าถัดไป Chapter 1

  13. Digital networked enterprise A network is designed to serve the informational needs of a company, using Internet concepts and tools.

  14. What is the Digital Economy ? • Digital economyหมายถึง economy ที่มีพื้นฐานอยู่บน digital technology ทั้งนี้รวมถึง digital communication networks (Internet, Intranet และ Private value-added network หรือ VAN) computer software และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Information technology • Digital economy บางทีเรียกว่า Internet economy, New economy หรือ Web economy • คุณลักษณะหลัก ๆ ของ IT ในยุค Digital Economy จะเป็นดังตารางที่ 1.1 • Digital economy เปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ผู้ประกอบการในรูปแบบของ EC ตัวอย่างเช่น Don Kogen กับเวบ Thaigem.com (อ่านเพิ่มเติมใน IT at Work1.1 หน้า 6) Chapter 1

  15. Major IT Characteristics in Digital Economy Chapter 1

  16. Electronic Commerce and Networked Computing • E-commerce(EC) คือ การธุรกรรมทางธุรกิจโดยอาศัยสื่ออิเลคทรอนิคส์บนอินเตอร์เน็ตและ computing network อื่น ๆ • โครงสร้างพื้นฐานของ digital organization และ EC ก็คือ networked computingซึ่งเป็นตัวเชื่อมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นโครงข่ายการสื่อสาร (telecommunication network) ถ้าโครงข่ายการสื่อสารนั้นใช้อยู่ภายในองค์กร เรียกว่า Intranet ถ้าโครงข่ายนั้น ๆ มีการเชื่อม Intranet (ของพันธมิตรทางธุรกิจ)เข้าด้วยกัน เรียกว่า Extranet ถ้าโครงข่ายนั้นเชื่อมต่อกันทั่วโลก เรียกว่า Internet • Major Capabilities of Computerized Information System เป็นดังต่อไปนี้ Chapter 1

  17. Major Capabilities of Information Systems (1) • จัดการด้านการคำนวณเชิงตัวเลขที่มีขนาดใหญ่และความเร็วสูง • จัดให้มีการสื่อสารที่มีราคาไม่แพง แม่นยำ และ รวดเร็ว ให้มีใช้ภายใน/ระหว่างองค์กร • ทำการเก็บสารสนเทศขนาดใหญ่ที่ง่ายต่อการเข้าถึงและใช้เนื้อที่น้อย • ยอมให้มีการเข้าถึงสารสนเทศจำนวนมากจากทั่วโลกอย่างรวดเร็วและราคาไม่แพง • ยอมให้มีการสื่อสารและการทำงานร่วมกันจากทุกๆที่ ทุกเวลา • เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานเป็นกลุ่ม ที่สถานที่แห่งหนึ่ง หรือ สถานที่ที่แตกต่างกัน • การนำเสนอสารสนเทศเป็นไปอย่างชัดเจน อันเป็นการท้าทายจิตวิญญาณของมนุษย์ • ช่วยงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย Chapter 1

  18. Major Capabilities of Information Systems (2) • ทำให้เป็นอัตโนมัติทั้งกระบวนการทางธุรกิจทั้งที่เป็นแบบกึ่งอัตโนมัติและงานที่ยังคงใช้มือทำ (manual) • ช่วยแปลความหมาย (interpretation)จากข้อมูลจำนวนมหาศาล • ช่วยด้านกิจการการค้าทั่วโลก (global trade) • สามารถดำเนินงานแบบไร้สาย (wireless) เพื่อสนับสนุนการประยุกต์ใช้งานในรูปแบบเฉพาะ • การดำเนินงานที่กล่าวมาข้างต้น ต้อง(มีราคา)ถูกกว่าการทำด้วยมือ Chapter 1

  19. นั่นหมายความว่า IT ช่วยสนับสนุนธุรกิจใน 5 ด้าน • ด้วยความสามารถข้างต้น ก่อให้เกิดการสนับสนุนวัตถุประสงค์ทางธุรกิจใน 5 ด้าน คือ • 1) ปรับปรุงผลิตผล (improving productivity) • 2) ลดต้นทุน (reducing cost) • 3) ปรับปรุงการตัดสินใจ (decision Making) • 4) เพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้า (enhancing customer relationship) • 5) พัฒนาการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ใหม่ ๆ Chapter 1

  20. The New vs. the Old: Examples • 1) Buying or Renting a Movie Online • 2) Paying for goods: The checkout experience • 3) The power of E-Commerce Chapter 1

  21. The Old Economy – Taking Photo’s • ซื้อฟิล์มจากร้าน • ใส่ฟิล์มเข้ากล้องถ่ายรูป • ถ่ายรูป • ส่งฟิล์มเข้าร้านเพื่อล้างรูป • รับฟิล์มกลับ • เลือกรูปที่ต้องการเพื่ออัด/ขยาย • ส่งไปให้ครอบครัว/เพื่อน Chapter 1

  22. The New Economy – Taking Photo’s • 1st Generation Digital Photography • ทำแบบเดิม ยกเว้นข้อ 6 และ 7 ทำโดยการใช้ scanner แล้วส่งโดย email • 2nd Generation Digital Photography • ใช้กล้องดิจิตอล (ไม่ต้องใช้ฟิล์ม, ไม่ต้องล้าง/อัด/ขยาย) • 3rd Generation Digital Photography • กล้องดิจิตอลอยู่ในโทรศัพท์มือถือหรือ palmtop computer. Chapter 1

  23. Business Models in the Digital Economy • รูปแบบทางธุรกิจ (business model)คือ วิธีการทำธุรกิจเพื่อให้เกิดรายได้เข้ามาเพื่อทำให้บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้ • รูปแบบข้างต้นแสดงให้เห็นว่า บริษัทใส่มูลค่าเพิ่มลงไปอย่างไรในการสร้างสินค้าหรือผลิตภัณฑ์หนึ่งขึ้นมา (มองในเชิง ห่วงโซ่แห่งคุณค่า หรือ Value Chain) • Nokia makes and sells cell phones • A TV station provides free broadcasting. Its survival depends on a complex model involving advertisers and content providers. • Internet portals, such as Yahoo, also use a complex business model. Chapter 1

  24. Four Representative Business Models of the Digital Age(A Closer Look 1.1, page 10) • McKay and Marshall (2004) กล่าวว่า business model ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบคือ • 1) รายละเอียดทั้งหมดของผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ ของธุรกิจที่นำเสนอ • 2) รายละเอียดของกระบวนการทางธุรกิจ (business process)ที่ใช้ในการสร้างและจัดส่งผลิตภัณฑ์หรือบริการ • 3) รายละเอียดของลูกค้าต่างๆและความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับลูกค้า รวมถึงคุณค่าอะไรจากบริษัทที่ลูกค้าต้องการ (มองในมุมมองของลูกค้า) • 4) รายละเอียดของทรัพยากรที่ต้องการและการบ่งชี้ว่าสิ่งใดมีแล้ว สิ่งใดต้องพัฒนาขึ้นมาภายในบริษัทและสิ่งใดต้องจัดหามาจากภายนอก • 5) รายละเอียดของโซ่อุปทานขององค์กร รวมถึง Suppliersและพันธมิตรทางธุรกิจ • 6) รายละเอียดของผลประกอบการที่คาดหวัง ต้นทุน แหล่งทุน และผลกำไรที่คาดหวัง Chapter 1

  25. Four popular e-commerce models • 1) Tendering (bidding) via Reverse Auctions • โดยอาศัยการเสนอราคา (request for quote, RFQ)ผู้ซื้อจะแสดงให้ทราบว่าต้องการ ประกวดราคาเพื่อซื้อในสิ่งที่เขาต้องการ ผู้ขายจะเข้าไปเป็นผู้เสนอราคา เพื่อที่จะ ขายของข้างต้นแข่งกัน • (ที่ใช้คำว่า Reverse Auction หมายถึง กลับกับแบบเดิม ๆ กล่าวคือ ในอดีตผู้ขายจะ ขายของให้กับผู้ซื้อที่ซื้อในราคาสูงสุด (เหมือนการประ มูลในปัจจุบันนี้) แต่กระ บวนการ Reverse Auction นั้น ฝ่ายผู้ซื้อจะประกาศบน Web ว่า จะซื้อของสิ่งนี้ จำนวนหนึ่ง ผู้ขายหลาย ๆ รายจะเข้าไปเสนอขายใน Web ข้างต้น รายใดเสนอขาย ราคาต่ำสุด เราจะซื้อจากรายนั้น Chapter 1

  26. Four popular e-commerce models (Cont….) • 2) Affiliate Marketing • พันธมิตรทางการตลาดวาง a banner ad ของเขาเอาไว้ Web ของเรา ถ้าลูกค้า Click ไปซื้อของของเขาผ่านทาง Web เรา เขาจะจ่ายค่า commission ให้เรา • 3) Group Purchasing • ผู้ซื้อสินค้าชนิดเดียวกันรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างอำนาจการต่อรองทางด้านราคา เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลง • 4) E-Marketplace and Exchanges • คือตลาดที่ผู้ซื้อและผู้ขายพบปะตกลงราคากันแบบ online (ถ้า E-marketplace นั้น ๆ มีสินค้าครบวงจรก็เรียกว่า Vertical e-marketplace) Chapter 1

  27. สรุปง่าย ๆ ….Digital Age Business Models • Four representative business models of the Digital Age • 1) Tendering vs. Reverse Auctions ((เรา)เสนอซื้อ vs. (เขา)เข้ามาเสนอขายแข่งกัน) • 2) Affiliate Marketing (ทำการตลาดร่วมกัน เช่น วาง banner บน Web) • 3) Group Purchasing (buying groups หรือ รวมกันซื้อ) • 4) E-Marketplaces and Exchanges (เป็นตลาดกลาง Online สำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย) • หมายเหตุ ในหนังสือหน้า 10 จะมีรายละเอียดมากกว่านี้ ลองอ่านเพิ่มเติมได้ Chapter 1

  28. 1.2 Business Pressures, Organizational Responses, and IT Support • The Business Environment And Its Impact • องค์กรส่วนมากทำการวัดประสิทธิภาพเป็นระยะ โดยเปรียบเทียบกับตัววัดที่กำหนดขึ้นมาและพันธกิจ เป้าประสงค์และแผนต่าง ๆ ขององค์กร บางครั้งประสิทธิภาพไม่ได้ขึ้นกับสิ่งที่ท่านทำเท่านั้น มันยังขึ้นกับการกระทำที่มาจากส่วนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งเรียกว่า Business Environmentสภาพแวดล้อมข้างต้นอาจกระทบต่อประสิทธิภาพขององค์กรมากมายและควบคุมไม่ได้ นอกจากนั้นยังทำนายได้ยาก • Business Critical Response Activities • ทำให้บริษัทต้องตอบสนองบ่อยขึ้นและรวดเร็วขึ้นทั้งทางด้านอุปสรรค (threats) และโอกาส (opportunities) อันเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น • การสนองตอบมีทั้งแรงกดดันที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน แรงกดดันที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อใช้ต่อต้านแรงกดดันในอนาคต หรือ การดำเนินงานเพื่อรองรับโอกาสที่เกิดจากข้อกำหนดเดิมเปลี่ยนแปลงไป Chapter 1

  29. The Business Environment Impact Model EC and Chapter 1

  30. Business Environmental Pressures Chapter 1

  31. The Three Types of Business Pressure(Online File W1.4) (1) แรงกดดันทางด้านการตลาด (Market Pressure): • สภาพเศรษฐกิจโดยรวม (global economy) และ คู่แข่งที่แข็งแกร่ง (strong competition) การสื่อสารที่เร็วขึ้น ทำให้เกิด global economy เช่น เขตการค้า เสรี นอกจากนั้นการรวมกันของสหภาพยุโรปทำให้เกิดคู่แข่งที่แข็งแกร่งมาก ขึ้น ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่เป็นพลังกดดันคือค่าจ้างแรงงานที่ต่างกัน ทำให้ เกิดการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่ถูกกว่า IT จึงเข้ามามีบทบาท เป็นอย่างมาก • การเปลี่ยนแปลงออกไปจากสภาวะปกติของแรงงาน เช่น พนักงานสามารถทำ งานได้จากบ้านโดยอาศัยเครือข่ายความเร็วสูง Chapter 1

  32. The Three Types of Business Pressure(2) • ความต้องการการทำงานแบบ Real Time โลกหมุนเร็วขึ้นเรื่อย ๆการตัดสินใจต้องรวดเร็ว ดังนั้น ความเร็วยังคงเป็นข้อได้เปรียบ • ลูกค้าที่ฉลาดมากขึ้นเขาสามารถหารายละเอียดของสินค้าจากอินเตอร์เน็ต ทำการเปรียบเทียบราคา จัดซื้อโดยการประมูล เป็นต้น ทำให้เรามีแรงกดดัน ในการรักษาลูกค้าเอาไว้ให้ได้ (CRM) Chapter 1

  33. The Three Types of Business Pressure(3) แรงกดดันจากเทคโนโลยี (Technology Pressures) • เทคโนโลยีใหม่ ๆ และ เทคโนโลยีที่ล้าสมัยสามารถกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีใน ปัจจุบันพัฒนาออกมาเร็วมา ทำให้เทคโนโลยีที่เรามีอยู่ล้าสมัยเร็วกว่าอายุการใช้งานจริง • การท่วมล้นของสารสนเทศ (Information Overload) หมายถึง สารสนเทศหลั่งไหลเข้ามามากมายจนกระทั่งการคัดแยกทำได้ยาก Chapter 1

  34. The Three Types of Business Pressure(4) แรงกดดันทางสังคม (Societal Pressure) • การตอบสนองทางสังคม (Social responsibility) คนในองค์การหนึ่ง ๆ จะมีพื้น ฐานการศึกษาแตกต่างกัน ปัญหาที่ตามมาก็คือ เกิดการแบ่งแยกในเชิงการเข้า ถึงข้อมูลและการสื่อสาร (เมื่อมองในแง่เทคโนโลยี) • การออกกฎหมายและการยกเลิกของรัฐ เกี่ยวกับ ชีวะอนามัยและความ ปลอด ภัยในการทำงาน การความคุมสภาพแวดล้อม และ การมีโอกาสทัดเทียมกัน • การป้องกันการโจมตีจากการก่อการร้าย ทั้งนี้รวมทั้งที่การโจมตี เกิดจากมนุษย์ และ การโจมตีในโลกไซเบอร์ • สิ่งที่เกี่ยวข้องกับจรรยาบรรณ (Ethical Issues) ความถูก/ผิดในการใช้สารสน เทศ • อ่านเพิ่มเติมใน A Close Look 1.2 “Complying with SOX-A Major Challenge for Corporations” Chapter 1

  35. Organization Responses (Online file W1.5) (1) • การตอบสนองขององค์การสามารถแบ่งได้เป็น 7 แบบ คือ • 1) Strategic Management and System • เพื่อให้เกิดการได้เปรียบทางในการแข่งขันทางด้าน ส่วนแบ่งการตลาด การทำกำไร การต่อรองราคากับผู้ขาย การกกีดกันคู่แข่ง • 2) Customer Focus • ให้การบริการต่อลูกค้าอย่างดียิ่ง เพื่อเป็นการรักษาลูกค้าเอาไว้ • 3) Continuous Improvement • ทำการพัฒนาปรับปรุงผลิตผลและคุณภาพอย่างต่อเนื่อง (โดยใช้ IT เข้าช่วย) เช่น ทำ TQM, JITเป็นต้น Chapter 1

  36. Organization Responses (2) • 4) Restructuring Business Process • ทำการปรับรื้อกระบวนการธุรกิจใหม่ (Business Process Reengineering, BPR) • 5) Make-To-Order and Mass Customization • Build- to- order: The strategy of producing customized products and services. • Mass customization: Production process in which items are produced in a large quantity but are customized to fit the desires of each customers. • 6) Business Alliance • Virtual corporation: ธุรกิจหนึ่ง ๆ ที่ผลิตสินค้าหรือบริการ มีการดำเนินงานผ่าน ทางเครือข่ายสื่อสาร ไม่มีที่ตั้ง HQ ที่ถาวร • 7) Electronic Business and E-Commerce Chapter 1

  37. Organization Responses (3) Chapter 1

  38. Chapter 1

  39. Control Process Input Feedback Output 1.3) Information Systems and Information Technology • Information System (IS)คือ การรวบรวม, ประมวล, เก็บ, วิเคราะห์และเผยแพร่สารสนเทศให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ • information system ประกอบด้วยinputs(data, instructions) และoutputs (reports, calculations) IS จะprocessesอินพุตต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยี เช่น PCs เพื่อสร้างเอาท์พุตต่างๆออกมา แล้วส่งให้ผู้ใช้หรือระบบที่เกี่ยวข้องผ่านทาง electronic networks และมีกลไกfeedbackเพื่อcontrolsการดำเนินงาน Chapter 1

  40. Information System is a system Chapter 1

  41. What is a Computer-based Information System? • Computer-based Information System (CBIS) คือ ระบบสารสนเทศแบบหนึ่งที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อจัดการงานที่ต้องการบางส่วนหรือทั้งหมด องค์ประกอบของระบบจะประกอบด้วย Chapter 1

  42. Application Hardware Software Data People Applications and Operations • Retail operations • Wholesale • Manufacturing • Human Resources • Marketing • Content management • … Chapter 1

  43. Information Systems • Functional Perspective • Sales • Contact customers • Sell the product • Take the order • Follow-up on the sale • 5 year sales forecast • Functional Perspective Marketing • Identify customers • Determine what they want • Planning products • Advertising and promoting products • Determine prices for products Chapter 1

  44. Information Systems • Functional Perspective • Purchasing • Which vendors • Quantity to purchase • Coop, rebate tracking • Handle delivery discrepancies • Generate the purchase order • Functional Perspective Manufacturing • Control Equipment and machinery • Design new products • When and quantity of products to produce • New production facilities • Generate the work order Chapter 1

  45. Information Systems • Functional Perspective • Accounting • Accounts Receivable(รับ) • Disbursements (จ่าย) • Payroll (เงินเดือน) • Depreciation (ค่าเสื่อมราคา) • Earned Coop and Rebates • Functional Perspective Finance • Financial Assets • Investment management • Banking • Long term budgets Chapter 1

  46. Information Systems • Functional Perspective Human Resources • Employee wages, salaries & benefits • Long term labor requirements • Tracking vacation, sick, • Track employee skills • Interview and review employees Chapter 1

  47. The Difference Between Computers and Information Systems • คอมพิวเตอร์มีวิธีการในการประมวลข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และมันจะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของระบบสารสนเทศ • สำหรับระบบสารสนเทศนั้น มันเป็นอะไรที่มากว่าระบบคอมพิวเตอร์ การประสบผลสำเร็จในการประยุกต์ใช้ IS จำเป็นต้องเข้าใจธุรกิจ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ต้องได้รับการสนับสนุนโดย IS • ดังนั้น เราจะเห็นว่า IS มักจะมองในเชิง Function อันเป็นผลลัพธ์ของโปรแกรมประยุกต์มากกว่า และฟังก์ชันนั้น ๆ จะต้องสอดรับกับธุรกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่นำโปรแกรมประยุกต์มาใช้งาน Chapter 1

  48. What is Information Technology ? • นิยามกว้าง ๆ“Information Technology (IT) คือ การรวมกันของระบบคำนวณต่าง ๆ ที่ใช้ในองค์กร” • นิยามให้แคบลง“Information Technology (IT) คือ ด้านเทคโนโลยี (technological side) ของระบบสารสนเทศ (IS)” ซึ่งประกอบด้วย ฮาร์ตแวร์ ซอฟต์แวร์ ฐานข้อมูล โครงข่าย อุปกรณ์ทางอิเลคทรอนิคส์ต่าง ๆ • บางครั้งจะใช้ IT สลับกับ IS Chapter 1

  49. 1.4 The Adaptive, Agile, Real-Time Enterprise • เพื่อที่จะอยู่รอดหรือประสบความสำเร็จท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม องค์กรต้องเปลี่ยนเป็นแบบ ปรับตัวเอง (Adaptive) หรือ มีความคล่องตัว (Agile) โดยทำตามกระบวนการต่อไปนี้: • 1) ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและขององค์กรให้เร็วที่สุดเมื่อมันเกิดขึ้น หรือ ก่อนเกิดขึ้น • 2) เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงถูกต้องและเหมาะสม • 3) ปรับเปลี่ยนตัวเองเป็น digital และ Agile Enterprise • 4) อย่ารอให้คู่แข่งทำการเปลี่ยนแปลงก่อนท่าน • 5) เปลี่ยนระบบ IS อย่างรวดเร็ว • 6) ติดตามผลการดำเนินงานตามตารางที่ 1.3 ตามความจำเป็น Chapter 1

  50. The HP Model of Building Adaptive Enterprise • 1) IT คือ ผู้ช่วยของ Adaptive Enterprise • 2) ทำการวัดการสนองตอบของ IT ต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมและธุรกิจทำได้ดีเพียงใด • 3) ระบบสนับสนุนของ IT ควรทำให้ง่าย เพื่อใช้ต้นทุนในการ adapt, use, connect, manage และ modify ได้ง่าย • 4) จัดทำให้เป็นมาตรฐานในเรื่องการสนับสนุนของ IT • 5) จัดทำระบบให้เป็นโมดูล จะทำให้เปลี่ยนแปลงได้ง่าย และไม่แพง • 6) การรวมส่วนต่าง ๆ ของ IT เข้าด้วยกัน จะต้องง่าย รวดเร็ว และไม่แพง • 7) มีการร่วมมือกันระหว่างพนักงานและพันธมิตรธุรกิจ • 8) ปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจด้วยแนวทางที่ถูกต้อง Chapter 1

More Related