1 / 109

กายวิภาคศาสตร์ (Anatomy)

กายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) เป็นวิชาที่กล่าวถึงรูปร่าง และโครงสร้าง (form and structure) ของสิ่งมีชีวิต คำว่า กายวิภาค หรือ Anatomy แยกออกตามรากศัพท์ได้เป็น Ana = up แปลว่าเพิ่ม และ Tomy หรือ Tome = cutting แปลว่าการตัด.

jaunie
Télécharger la présentation

กายวิภาคศาสตร์ (Anatomy)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. กายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) เป็นวิชาที่กล่าวถึงรูปร่าง และโครงสร้าง (form and structure) ของสิ่งมีชีวิต คำว่า กายวิภาค หรือ Anatomy แยกออกตามรากศัพท์ได้เป็น Ana = up แปลว่าเพิ่ม และ Tomy หรือ Tome = cutting แปลว่าการตัด

  2. Anatomy จึงแปลว่า การตัดอีก ซึ่งหมายถึงการชำแหละ หรือ ตัดออกเป็นส่วน ๆ เพื่อศึกษาถึงรูปร่างหรือโครงสร้างของอวัยวะ

  3. ประโยชน์ของวิชากายวิภาคศาสตร์ประโยชน์ของวิชากายวิภาคศาสตร์ 1.เพื่อสามารถเรียกชื่ออวัยวะต่าง ๆ ตามศัพท์เทคนิคซึ่งทั่วโลกยอมรับ เพื่อสามารถสื่อความหมายได้เข้าใจกัน 2.เพื่อรู้ตำแหน่งที่ตั้งของอวัยวะ ต่าง ๆ ในร่างกาย

  4. 3.เพื่อรู้ถึงรูปร่าง ลักษณะ และองค์ประกอบของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย 4.เป็นพื้นฐานของวิชาสรีรวิทยา (Physiology) 5.เป็นพื้นฐานของวิชาอายุรศาสตร์ (Medicine)

  5. 6.เป็นพื้นฐานของวิชาศัลยศาสตร์ (Surgery) 7.เป็นพื้นฐานของวิชาสูติศาสตร์เธนุเวชวิทยาและวิทยาการสืบพันธุ์ (Obsteric theriologyand Gynecology) 8.เป็นพื้นฐานของวิชาพยาธิวิทยา (Pathology)

  6. ระบบสืบพันธุ์โคเพศเมียระบบสืบพันธุ์โคเพศเมีย ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ คือ 1.ปากช่องคลอด (Vulva) 2.กระพุ้งช่องคลอด(Vestibule) 3.ช่องคลอด (Vagina) 4.มดลูก (Uterus) 5.ท่อนำไข่ (Oviduct) 6.รังไข่ (Ovary)

  7. 1.ปากช่องคลอด (Vulva)

  8. เป็นอวัยวะสืบพันธุ์ ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากภายนอกตัวโค ประกอบด้วยแคม(labia) ซึ่งมีลักษณะเป็นกลีบใหญ่ ๆ 2 กลีบประกบกัน กลีบทั้งสองจะเชื่อมกันทางด้านบนและล่าง

  9. กลีบใหญ่ 2 กลีบที่ประกบกัน ชาวบ้านเรียกว่าจิ๋ม มีชื่อว่า เรียกว่าเลเบียร์ เมเจอรา(Labia majora) ในโคเพศเมียที่โตเต็มที่กลีบนี้ จะยาวประมาณ 10 เซ็นติเมตร

  10. ในช่วงเวลาที่โคแสดงอาการเป็นสัด กลีบจะบวมแดงจนเห็นได้ชัด

  11. ถ่างกลีบใหญ่ 2 กลีบที่ประกบกันจะพบว่ามีกลีบเล็กอีก 2 กลีบอยู่ด้านใน เรียกกลีบเล็กนี้ว่า เรียกว่าเลเบียร์ ไมนอรา(Labiaminora)

  12. ปากช่องคลอด(Vulva) จะเป็นทางผ่านของอวัยวะเพศผู้ในขณะผสมพันธุ์ และเป็นทางออกของน้ำปัสสาวะ

  13. 2.กระพุ้งช่องคลอด (Vestibule)

  14. เป็นส่วนที่ถัดเข้าไปจากปากช่องคลอด โคสาวบางตัว มีแผ่นบาง ๆ ปิดอยู่ เรียกแผ่นบาง ๆ ที่มาปิดว่า เยื่อพรหมจารีย์ (Hymen)

  15. กระพุ้งช่องคลอด (Vestibule) จะเป็นส่วนสั้น ๆ ความยาวเพียง 2-5 เซ็นติเมตร ปลายด้านในของส่วนที่เป็นกระพุ้ง จะต่อกับช่องคลอด (Vagina)

  16. บริเวณที่เป็นรอยต่อระหว่างกระพุ้งช่องคลอด (Vestibule) และช่องคลอด (Vagina) จะมีรูเปิดของท่อปัสสาวะมาเปิด

  17. กระพุ้งช่องคลอด (Vestibule) มีต่อมผลิตน้ำเมือกจำนวนมาก ทำหน้าที่ผลิตน้ำเมือกลักษณะเหนียวใส โดยจะหลั่งออกมาในขณะที่โคแสดงอาการเป็นสัด มุมด้านล่างของกระพุ้งช่องคลอด มีปุ่มกระสัน (Clitoris) เป็นส่วนที่มีเส้นประสาทมาหล่อเลี้ยงมากทำให้ไวต่อการสัมผัส

  18. 3.ช่องคลอด (Vagina)

  19. มีลักษณะเป็นท่อ ยาวประมาณ 20-30 เซ็นติเมตร ผนังบางมีลักษณะเป็นหลืบ (Fold) ยืดหยุ่นได้ดี

  20. ช่องคลอดมีต่อมสร้างน้ำเมือกเป็นจำนวนมาก ต่อมสร้างเมือก จะสร้างเมือกที่ใส เพื่อล้างช่องคลอดและขับสิ่งแปลกปลอม ที่ผ่านเข้าไปให้หลุดออกมา เมือกจะถูกขับออกมามากในขณะที่โคแสดงอาการเป็นสัดเช่นเดียวกับต่อมในกระพุ้งช่องคลอด

  21. ช่องคลอดมีหน้าที่ รองรับอวัยวะเพศของเพศผู้(Penis) ขณะผสมพันธุ์ เป็นทางออกของลูกและรกในกระบวนการคลอด

  22. 4.มดลูก (Uterus)

  23. มดลูกของโค แบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ 1.คอมดลูก หรือปากมดลูก(Cervix) 2. ตัวมดลูก (Body of uterus) 3.ปีกมดลูก (Horn of uterus) มี 2 ข้าง ซ้าย-ขวา

  24. คอมดลูก (Cervix) อาจเรียกว่าปากมดลูก มีลักษณะเป็นท่อ ประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแรง

  25. คอมดลูกจะอยู่ระหว่างตัวมดลูก (Body of uterus) กับช่องคลอด (Vagina) คอมดลูก(Cervix) ยาวประมาณ 5 – 10 เซ็นติเมตร

  26. เส้นผ่าศูนย์กลางส่วนที่ติดกับตัวมดลูก จะประมาณ 1.5 - 7 เซ็นติเมตร

  27. คอมดลูกจะมีรูเล็ก ๆ ผ่านตลอดความยาว รูเปิดเล็ก ๆ นี้ ถูกล้อมรอบด้วยส่วนของเนื้อเยื่อซึ่งพับไปพับมา(Annular Rings) และเป็นกล้ามเนื้อที่หนา

  28. เนื้อเยื่อซึ่งพับไปพับมาถ้าอยู่ที่ปลายด้านนอกส่วนที่ติดกับช่องคลอด เรียกว่า External os ถ้าอยู่ที่ปลายด้านในส่วนที่ติดกับตัวมดลูก เรียกว่า Internal os

  29. คอมดลูกจะมีต่อมสร้างน้ำเมือกซึ่งจะขับออกมาในขณะที่โคแสดงอาการเป็นสัด ในขณะที่แม่โคตั้งท้องน้ำเมือกที่คอมดลูกจะจับกันเป็นก้อนแข็ง (Mucus plug) อุดแน่น ป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เข้าไปทำอันตรายต่อลูกอ่อนในมดลูก

  30. ตำแหน่งของคอมดลูก ปกติจะพาดอยู่บนกระดูกเชิงกราน แต่ถ้ามีการตั้งท้อง หรือเกิดมีการผิดปกติขึ้นคอมดลูกอาจเลื่อนไปอยู่ที่ขอบกระดูกเชิงกรานหรืออยู่ในช่องท้อง

  31. ตัวมดลูก(Body of uterus)

  32. จะอยู่ต่อจากคอมดลูก(Cervix) จะอยู่ต่อจากคอมดลูก(Cervix) ตัวมดลูกยาวประมาณ 2.5-3 เซ็นติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3-4 เซ็นติเมตร ผนังบาง

  33. ปลายของตัวมดลูก จะถูกแบ่งเป็นซ้ายและขวา และเป็นท่อยาวออกไปทั้ง 2 ข้าง ซึ่งจะไปเชื่อมต่อเป็นปีกมดลูก ตัวมดลูกจะมีต่อมซึ่งสร้างน้ำเมือกซึ่งจะขับออกมาในขณะที่โคแสดงอาการเป็นสัด

  34. ปีกมดลูก(Horn of uterus)

  35. ปีกมดลูกจะเป็นส่วนที่ต่อมาจากตัวมดลูก มี 2 ข้าง ซ้ายและขวา ปีกมดลูกแต่ละข้างยาวประมาณ 30 เซ็นติเมตร

  36. บริเวณตรงกลางระหว่างปีกซ้ายและขวา จะมีเอ็นเรียกว่าเอ็นระหว่างปีกมดลูก ( Intercornualligament) ยึดอยู่ เอ็นระหว่างปีกมดลูก (Intercornualligament) มี 2 เส้น ด้านบนและด้านล่าง

  37. เอ็นด้านบนเรียกว่าเอ็นระหว่างปีกมดลูกด้านบน(Dorsal intercornusl ligament) ด้านล่าง เรียกว่าเอ็นระหว่างปีกมดลูกด้านล่าง (Ventral intercornual ligament)

  38. ขณะที่โคแสดงอาการเป็นสัดปีกมดลูกจะแข็ง ยืดหยุ่น และจะม้วนขดเข้าคล้ายเขาของแกะ โคยังไม่แสดงอาการเป็นสัดปีกมดลูกจะนิ่มเหลวและยืดยาวออก

More Related