270 likes | 864 Vues
ความรู้เกี่ยวกับเส้นใย textile: ผ้า สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ผลิตจากเส้นใย ด้วยวิธีการทอ / วิธีอื่น. คุณสมบัติของเส้นใย 1.คุณสมบัติหลัก( primary properties ) 2.คุณสมบัติรอง( secondary properties ). คุณสมบัติหลัก. อัตราส่วนความยาวต่อความกว้าง ปกติควรมีเท่ากับ100เส้นใยส่วนใหญ่จะมีมากกว่านี้
E N D
ความรู้เกี่ยวกับเส้นใยtextile: ผ้า สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ผลิตจากเส้นใย ด้วยวิธีการทอ/วิธีอื่น คุณสมบัติของเส้นใย 1.คุณสมบัติหลัก(primary properties) 2.คุณสมบัติรอง(secondary properties)
คุณสมบัติหลัก • อัตราส่วนความยาวต่อความกว้าง ปกติควรมีเท่ากับ100เส้นใยส่วนใหญ่จะมีมากกว่านี้ • โมเลกุลหลายๆโมเลกุลมาเรียงตัวกันเป็นโซ่ยาวเรียกว่า โพลีเมอร์(polymer) • จำแนกเส้นใยโดยวัดขนาดความยาวเป็น 2 ชนิด เส้นใยที่วัดเป็นนิ้วเรียกเส้นใยสั้น(Staplefibers)เส้นใยวัดเป็นเมตร หลา กิโลเมตร ไมล์เรียกเส้นใยยาว(Filament fibles)
ความเหนียว(Tenacity) • เส้นใยยาววัดเป็นกรัมต่อดีเนียร์ • ผ้าโดยทั่วไปควรทอด้วยเส้นใยที่มีความเหนียวอย่างต่ำ2.5 กรัม/ดีเนียร์ • ผ้าที่มีความเหนียวไม่ใช่ทอจากเส้นใยที่มีความเหนียวอย่างเดียวมีคุณสมบัติอื่นประกอบด้วยเช่นใยขนสัตว์ • เส้นใย ฝ้าย ลินิน รามี เพิ่มความเหนียวเมื่อเปียก • เส้นใยไหม ขนสัตว์ลดความเหนียวลงเมื่อเปียกเช่นเดียวกับใยสังเคราะห์จากเซลลูโลส ใยโปรตีนสังเคราะห์
ความโค้งงอได้(flexibilty) • ความสามารถในการเข้าเกลียวได้ • เมื่อนำทอเป็นผ้าสามารถปรับเข้ารูปร่างได้ • นุ่ม อ่อนตัว จับจีบได้ดี
แรงดึงดูดหรือแรงเกาะกัน(Cohesiveness)ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน(Uniformity)แรงดึงดูดหรือแรงเกาะกัน(Cohesiveness)ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน(Uniformity) คุณสมบัติรอง *รูปร่างของเส้นใย *ความหนาแน่นและความถ่วงจำเพาะ บอกถึงนน.ของผ้า ความหนาแน่นวัดเป็นกรัม/ลบ.ซม. ความถ่วงจำเพาะคือเมื่อเปรียบเทียบกับนน.ของน้ำที่มีปริมาตรเท่ากันที่T4องศาc
การดูดซึมน้ำและความชื้นการดูดซึมน้ำและความชื้น • ความสามารถของเส้นใยในการดูดความชื้นในอากาศ • Hygroscopicity ความสามารถของเส้นใยหรืดผ้าดูดความชื้นในอากาศและไม่ทำให้รู้สึกเปียก • Moisture regain เส้นใยดูดความชื้นได้ในบรรยากาศทดสอบเส้นใยคือความชื้นสัมพัทธ์ 65%T70องศาF • เส้นใยที่ดูดซึมน้ำได้ดีสามารถย้อมติดสีดีด้วย • เส้นใยเซลลูโลสมีกลุ่มไฮดรอกซิลมากโมเลกุลเรียงตัวไม่เป็นระเบียบดูดซึมน้ำดีซึ่งตรงข้ามกับใยสังเคราะห์
ความยืดได้(Elongation) • ความสามารถยืดของเส้นใยถึงจุดๆหนึ่ง คิดเป็น%การผลิตเส้นใยควรมีอย่างต่ำ10% • ลินินมี%การยืดน้อยมากคือ2.0 ฝ้าย 3.7 ขนสัตว์ 25 • สแปนเด็กซ์ 500
ความยืดหยุ่น(Elastic Recovery)เมื่อดึงยืดเส้นใยสามารถสปริงตัวกลับเท่าเดิมเรียกมีความยืดหยุ่นได้100%ขึ้นอยู่กับเวลา ขนาดความยืด เมื่อทอเป็นผ้าจะทนยับทนต่อการเสียดสี คงรูป ความคืนตัว(Resilience)เมื่อนำไปใช้สามารถคืนสภาพเดิมได้เร็ว เช่นพรมเช็ดเท้า เสื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์
ความทนต่อการเสียดสี: ความคงสภาพเดิมไว้ได้นานเมื่อได้รับการเสียดสี ใยที่ทนได้ดีเยี่ยมได้แก่ ไนลอน โอลิฟิน ได้ดีได้แก่ฝ้าย โพลิเอสเตอร์ ทนได้ต่ำคืออาซิเตด ใยแก้ว ความคงรูปของเส้นใย:ความสามารถในการรักษารูปทรงไว้ได้นานเมื่อใช้งาน แม้จะถูกความร้อน ความเย็น ความชื้น ขนสัตว์จะหดง่ายเพราะโครงสร้างเป็นสเกลซ้อนกัน เรยองเมื่อเปียกจะยืด
การทนต่อความร้อน คุณสมบัตินี้มีผลต่อการซักรีด ใยสังเคราะห์ไม่ทนต่อความร้อน ใยลินินทนต่อความร้อนได้ถึง500องศาF การนำไฟฟ้าผ้าที่ดูดซึมน้ำได้ดีจะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี ไม่ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต
ความมัน(Luster) ทำให้ผ้ามีความงาม ขึ้นอยู่กับปริมาณสะท้อนแสงของเส้นใย พื้นผิวของผ้า สีของผ้า สารติตาเนียมไดอ๊อกไซด์ช่วยลดความมันใช้กับผ้าใยสังเคราะห์ ความโปร่งแสงความโปร่งแสงของผ้าทำให้แสงผ่านได้ ผ้าจะดูบางหรือหนามากน้อยขึ้นอยู่กับสีและความมันของผ้านั้น สีอ่อนโปร่งแสงมากกว่าสีแก่
ความทนทานทางชีววิทยา(Biological Resistance)ผงซักฟอกเข้มข้น แมลง เชื้อราจะทำลายเส้นใยที่มีBRต่ำ มอดชอบกินใยขนสัตว์เพราะมีสปก.เป็นกำมะถัน ราชอบใยเซลลูโลส ความทนทานต่อแสงแดด ผ้าม่านมีความต้องการ ใยที่ทนแสงแดดได้ดีได้แก่ ใยแก้ว อะไครลิค ที่ทนได้ต่ำได้แก่ ไนลอน ขนสัตว์และไหม
โครงสร้างทางกายภาพของเส้นใยโครงสร้างทางกายภาพของเส้นใย • ความยาวของเส้นใย(Fiber length)แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ เส้นใยสั้นและเส้นใยยาว • เส้นใยยาว(Filaments)มี 2 ชนิด • 1.โมโนฟิลาเมนท์(Monofilaments):ใยยาวเดี่ยว เรียบ ทนทาน ทอเป็นผ้าเนื้อละเอียด บางเบา ใช้ทำเสื้อชั้นใน ถุงเท้า มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ • 2.มัลติฟิลาเมนท์(Multifilaments):ใยยาวรวม ใยยาวหลายเส้นมาเข้าเกลียวรวมกัน ทอเป็นผ้าผิวสัมผัสนุ่ม เงางาม จับจีบได้ดี ลักษณะคล้ายไหม
ความกว้างหรือเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นใยความกว้างหรือเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นใย • เส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นใยวัดเป็นไมครอน(1 micron =1/1000ม.ม. หรือ 1/25400 นิ้ว) • เส้นผ่าศูนย์กลางหรือขนาดของเส้นใยสังเคราะห์ ขึ้นกับหัวฉีด(Spinneret)และการยืดเส้นใยขณะปั่น ความยาวของเส้นใยยาววัดเป็นเดเนียร์(denier) • เดเนียร์ คือหน่วยวัดขนาดเส้นใยยาว วัดเป็นกรัมจากนน.ของเส้นใยยาว 9000เมตร
พื้นผิวของเส้นใย • เส้นใยธรรมชาติมีรูปร่างลักษณะไม่เป็นรูปแบบเดียวกันตลอดความยาว ตรงข้ามกับเส้นใยสังเคราะห์ซึ่งสามารถควบคุมได้ • การผสมเส้นใยสังเคราะห์กับใยธรรมชาติ ผู้ผลิตต้องผลิตเส้นใยสังเคราะห์ให้มีรูปร่างเหมือนกับใยธรรมชาตินั้น จึงจะผสมกันได้
รูปร่างหน้าตัดของเส้นใยรูปร่างหน้าตัดของเส้นใย • จาก sheet
ความหยิกงอของเส้นใย(Crimp)ความหยิกงอของเส้นใย(Crimp) • ทำให้เส้นใยรวมตัวหรือเกาะกลุ่มกันได้ดี เส้นใยธรรมชาติมีความหยิกงอลักษณะโค้งมน ใยสังเคราะห์มักเป็นมุมหัก • ใยที่หยิกงอจะรวมตัวกันง่าย ได้เส้นใยเหนียว นุ่ม หนา ดูดซึมน้ำได้ดี ให้ความอบอุ่น • ความหยิกงอแบ่งได้ 3 ชนิด • 1.ทำให้หยิกงอทางกล • 2.หยิกงอตามธรรมชาติ • 3.โดยทางเคมี
โครงสร้างภายในของเส้นใยโครงสร้างภายในของเส้นใย • เส้นใยประกอบด้วยโมเลกุลเรียงต่อกันยาว เรียกว่า Linear Polymers • การเรียงตัวของโมเลกุลมีผลต่อคุณสมบัติของผ้า เส้นใยที่มีห่วงโมเลกุลเรียงตัวกันดี ขนานกับแกนเส้นใยเรียกว่า high orientation เมื่อนำไปทอเป็นผ้า มีความเหนียว ทนทาน แต่ยืดน้อย • เส้นใยที่มีการเรียงตัวต่ำหรือเรียงไม่เป็นระเบียบ (amorphous) ทอเป็นผ้าจะไม่เหนียว
ตัวยึดห่วงโมเลกุล • 1.Hydrogen bonds เป็นแรงยึดที่มีความแข็งแรง จับกับระหว่างไฮโดรเจนกับอะตอมที่มีอิโทรเนกกะตีฟ • 2.Van der wals forces เป็นแรงยึดที่ไม่แข็งแรง • Crytalline เป็นห่วงโมเลกุลที่เรียงตัวขนานกัน และยึดเกาะกันแน่นเป็นกลุ่มเรียงซ้อนกัน ในเส้นใยเส้นเดียวกันอาจมีการเรียงตัวของโมเลกุลหลายแบบรวมกัน • Cross-linking เป็นตัวยึดข้ามระหว่างโมเลกุลที่เรียงตัวกันดี ทำให้ผ้าไม่ยับและคืนตัวได้ดี ไม่เกิดในamorphous เช่นใยขนสัตว์