1 / 77

Chapter 04

Chapter 04. Networking:Computing, Collaboration. Learning Objectives. ทำความเข้าใจแนวความคิดของ Internet และ Web ความสำคัญและศักยภาพมัน ทำความเข้าใจถึงบทบาทของ intranets extranets และ corporate portal ขององค์กร ต่างๆ บ่งชี้แนวทางต่างๆ ที่มีการสื่อสารบน Internet

osric
Télécharger la présentation

Chapter 04

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. Chapter 04 Networking:Computing, Collaboration

  2. Learning Objectives • ทำความเข้าใจแนวความคิดของ Internet และ Web ความสำคัญและศักยภาพมัน • ทำความเข้าใจถึงบทบาทของ intranets extranets และ corporate portal ขององค์กร ต่างๆ • บ่งชี้แนวทางต่างๆ ที่มีการสื่อสารบน Internet • อธิบาถึงแนวทางที่ผู้คนร่วมมือกันโดยใช้ Internet intranets และ extranets ผ่านทาง เครื่องมือสนับสนุนที่หลากหลาย • อธิบายถึงความสามารถของ groupware • อธิบายและวิเคราะห์แนวทางของ e-learning และ distance learning . • ทำความเข้าใจกับข้อได้เปรียบและข้อด้อยของ telecommuting ทั้งในแง่ของผู้ว่าจ้าง และลูกจ้าง

  3. Super Bowl XXXIX Collaboration Portal • The business problem: • Jacksonville ถูกกำหนดเป็นเจ้าภาพ Super Bowl ครั้งที่ 39 ในปี 2005 ซึ่งในอดีตนั้น ได้เคยเป็นเจ้าภาพมาแล้วครั้งหนึ่งคือครั้งที่ 34 ในปี 2000 และพบว่า ปัญหาหลัก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย คือ การจราจร และ ฝูงชน โดยผลของเหตุการณ์การก่อการร้าย Sep 11 ที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลกลางบังคับใช้กระบวนการและแนวทางปฏิบัติใหม่ ๆ อันต้องทำงานร่วมกับ federal และ national security agency ต่าง ๆ • การสนับสนุนเกี่ยวกับความปลอดภัยและ logistic ในซูเปอร์โบล์วครั้งที่ 39 นั้น Jacksonville Sheriff’s office (JSO) ต้องเกี่ยวข้อกับ inspector 150,000 คน เพื่อดูแลความปลอดภัยประมาณ 6,000 สถานการณ์ และต้องประสานงานกับตัวแทนต่าง ๆ จาก53 ภาคส่วน

  4. IT Solution: • John Rutherford ได้ใช้ real-time Web-based communication ชื่อ E-Sponder มาใช้ร่วมกับ IE6 browser (ลองโหลดวิดีโอจาก e-sponder.com/dowloads/Superbowl-large.wmv มาชม) และ collaborate portal (convergencecom.com) มาใช้งาน • นักศึกษาควรเข้าไปโหลดแล้วมาอ่านดู จะได้เข้าใจถึงแนวทางประยุกต์ใช้ที่ประสบผลสำเร็จ • http://www.e-sponder.com/ • http://www.convergencecom.com/

  5. The Results: • ประโยชน์หลัก ๆ ของ collaborate tool คือ • ฟังก์ชันการควบคุมดำเนินการได้จากส่วนกลาง • การสื่อสารและการร่วมมือกัน (collaboration) เป็นแบบ real-time • Optimized situational awareness • การนำมาใช้งานใช้เวลาฝึกอบรมน้อย จึงเหมาะสมกับกรอบเวลาที่มีจำกัด • เมื่อใช้เครื่องมือข้างต้นทำให้ JSO ป้องกันเหตุร้ายได้ตามที่วางกรอบไว้

  6. 4.1 Network Computing- Overview and Driver • การให้บริการสารสนเทศที่หลากหลายอันได้แก่ ข้อมูล (data)และ เอกสาร (document), เสียง(voice) ภาพ (video) สิ่งเหล่านี้จะมีฟังก์ชันอิสระจากกัน และมักจะส่งออกไปโดยอาศัยโปรโตคอล (Protocol) และโครงข่าย (Network) ที่ต่างกัน ดังตารางที่ 4.1 • การจัดเตรียมข้อมูลและเอกสารเพื่อส่งออกไป จะต้องเปลี่ยนข้อมูลและเอกสารข้างต้นให้เป็น ดิจิตอล แพคเก็ต (digital packet)ซึ่งอยู่ในรูปแบบ(format)ของ Internet Protocol (IP) แล้วจัดส่งโดยอาศัยโครงข่ายคอมพิวเตอร์ (computer network) หรือ LAN แพคเก็ต จะถูกส่งออกไปโดยใช้โปรโตคอล Transmission Control Protocol (TCP) เมื่อรวมทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน (format กับ protocol) จะเรียกว่า TCP/IP model ซึ่งใช้ในอินเตอร์เน็ตปัจจุบันนี้ • กรณีเสียงและภาพให้อ่านจากตารางที่ 4.1 เพิ่มเติม

  7. Network, Protocols and Transfer Methods of Information Services

  8. Packet Technologies: An Enabler • Packet Technologiesเป็นการเปลี่ยน เสียง วิดีโอ และ ข้อมูลให้อยู่ในรูปของแพกเก็ต (packet) ที่สามารถส่งออกไปโดยใช้ single, high speed network • Converged Networks: A powerful architecture • หมายถึงสถาปัตยกรรมใหม่ที่มีพลัง มันก่อให้เกิดการบรรจบกัน (convergence) ทั่วทั้งองค์กร และเกิดการรวมสียง ข้อมูล วิดีโอ และการประยุกต์ใช้การสื่อสารอื่น ๆ เข้าด้วยกัน ถือเป็นการปรับปรุงการร่วมมือกัน (collaboration) ตลอดทั่วทั้งสายโซ่อุปทาน (Supply chain) พันธมิตร ซัพพลายเออร์ (supply) ลูกค้า อ่านเพิ่มเติมใน IT at Work 4.1 “The Future and Force of Convergent Solution” page 122

  9. SIP (Session initiation Protocol) • เป็นมาตรฐานในการกำหนดสัญญาณของการเรียขานหรือ การสื่อสาร (signaling of call or communication) ระหว่างอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน จากผู้ขายที่แตกต่างกัน เช่น IP Phone, Instant Message (IM) clients, soft phone, smart phone เป็นต้น • เมื่อใช้ร่วมกันได้ ก้เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านต้นทุนของโครงข่าย • อ่านเพิ่มเติมใน A Closer Look 4.1 “ Tech-Fueled Productivity Gains” page 123

  10. The internet and WWW • วิถีทางการดำเนินชีวิตหรือการทำงานในศตวรรตที่ 21 จะเกี่ยวข้องกับเวป(Web)ของโครงข่ายที่มีอยู่มากมาย หรือ บางทีเรียกว่า ทางด่วนข้อมูล (Information Superhighway) ซึ่งมักจะรู้จักกันในนาม “อินเตอร์เน็ต (Internet)” (ซึ่งถือว่าเป็น a global network of computer networks) • การประยุกต์ใช้อินเตอร์เน็ตในเชิงการค้าจะทำในสี่ส่วนหลัก ๆ คือ • 1) การแนะนำสินค้า (presence) • 2) การค้าขายเชิงอิเลคทรอนิคส์(e-commerce) • 3) การร่วมมือกัน (collaboration) • 4) การรวมตัวกัน (integration)

  11. Internet Application Categories • แต่ถ้าเรามองในเชิงนำเอาอินเตอร์เน็ตไปสนับสนุนงานแล้ว จะแยกได้เป็น • การค้นพบ (Discovery)อันประกอบด้วย การเรียกดูและการเรียกใช้สารสนเทศ และทำให้ลูกค้าสามารถดูสารสนเทศในฐานข้อมูล ดาวน์โหลด และ/หรือประมวลสาร สนเทศข้างต้น การกระทำข้างต้นมักกระทำผ่านทาง Software agents • การสื่อสาร (Communication)อินเตอร์เน็ตทำให้เกิดช่องทางในการสื่อสารต่างๆ ที่เร็ว และไม่แพง ตั้งแต่การส่งข้อความไปยัง online bulletin boards จนกระทั่งถึงการแลก เปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างองค์กรทั้งหลาย • การประสานงาน (Collaboration)ผลจากการปรับปรุงการสื่อสาร ทำให้การประสาน งานกันทางด้านอิเล็กทรอนิคส์ ระหว่างบุคคล และ/หรือกลุ่ม และระหว่างองค์กรกับ องค์กรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

  12. The Network Computing Infrastructure: • สิ่งที่เพิ่มเติมจาก internet และ Web ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก ๆ ของ Network Computing คือ • The Intranet: คือเน็ตเวิร์กที่ถูกออกแบบให้รองรับรองรับความต้องการใช้งานสาร สนเทศภายในองค์กรหนึ่ง ๆ โดยการใช้แนวความคิดและเครื่องมือต่างๆ ของอิน เตอร์เน็ต ทำให้มันมีความสามารถในการตรวจดูและค้นหาสารสนเทศได้ง่าย และ มีราคาถูก • Extranet: เป็นการเชื่อมต่ออินทราเน็ตหลายๆวงจากหลาย ๆ องค์กรเข้าด้วยกันโดยผ่านทางอินเตอร์เน็ตที่มีระบบการสื่อสารที่ปลอดภัย เพื่อใช้เป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจ

  13. Information Portals • การใช้งานของ intranet และ internet เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้นหลาย ๆ องค์กร กำลังเผชิญกับปัญหา information overload สารสนเทศมหาสารเหล่านี้ จะกระจาย อยู่ในรูปของ เอกสาร e-mail database ในสถานที่แตกต่างกันและระบบที่แตกต่างกัน การค้นหาสารสนเทศที่ต้องการอาจใช้เวลานานและต้องเข้าสู่ระบบที่แตกต่างกัน หลายระบบ เพื่อแก้ปัญหานี้จึงนำพอร์ตตอล(Portal)มาใช้ มาดูกันว่า Portal มีกี่ประเภท ก่อนอื่นมานิยามพอร์ตตอลกว้าง ๆ กันก่อน • Portal:เป็น Web-based ส่วนบุคคลใช้เป็นช่องทางผ่านเข้าออก (gateway)ของสารสนเทศและองค์ความรู้ซึ่งเป็นสารสนเทศจากระบบ IT หลากหลายระบบและอินเตอร์เน็ต โดยการใช้เทคนิคของการค้นหาขั้นสูง (advanced search) และเทคนิคของการอินเด็กซ์ (indexing technique) ต่าง ๆ Portal แบ่งออกได้หลายชนิด

  14. Portal มี 7 แบบ ได้แก่ • 1) Commercial (Public) Portal:เวปไซต์ (Web site)ที่ให้รายละเอียดในการสื่อสารแบบทั่วๆไป เป็นพอร์ตตอลที่นิยมมากที่สุดในอินเตอร์เน็ต โดยให้ผู้ใช้เป็นเพียงทำการเชื่อมต่อ(interface)ตามรูปแบบที่กำหนดให้เท่านั้น ตัวอย่างเช่น yahoo.com, lycos.com and msn.com • 2) Publishing Portal:เวปไซต์ที่มีจุดมุ่งหมายสำหรับกลุ่มชนที่มีความสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างเจาะจง โดยยอมให้ปรับแต่งเนื้อหาเพียงเล็กน้อย แต่ขยายการใช้การค้นหาแบบonline และบางแห่งมีความสามารถในการตอบโต้ ตัวอย่างเช่น techweb.com, zdnet.com • 3) Personal Portal:เวปไซต์ที่มีเป้าหมายจำเพาะในการกรองสารสนเทศเอาเฉพาะเป็นเรื่องๆไป โดยให้ narrow content ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้แต่ละราย • 4) Affinity Portal:เวปไซต์ที่ให้ a single point of entry เพื่อเข้าสู่การสื่อสารทั้งหมด ที่เกี่ยวพันกับสิ่งที่เราสนใจ

  15. Portals cont. • 5) Mobile Portal:เวปไซต์ที่เข้าถึงได้โดยใช้ mobile device ต่างๆ • 6) Voice Portal:เวปไซต์ที่มี audio interface ยอมให้มีการเข้าถึงโดยใช้รูปแบบมาตรฐาน หรือ cell phone ใช้ทั้ง speech recognition และ text- to speech technologies ตัวอย่าง เช่น AOLbyPhone, tellme.com, i3mobile.com • 7) Corporate Portal:เวปไซต์ที่มี single point of access ไปยัง critical business information ที่วางอยู่ภายใน หรือ ภายนอกองค์กร • อ่านเพิ่มใน “Kaiser Performanente Uses Google to Build a Portal”, page 127 • ที่ผ่านมาเป็น Portal แบบที่ของบริษัทเดียว Industrywide Communication Networks (Portals) เป็น Portal ที่ใช้ทั่วทั้งอุตสาหกรรมต่างๆ (รวมกันหลายบริษัทในกลุ่มอุตสาห กรรมเดียวกัน) เช่น chaindrugstore.net ซึ่งเชื่อมต่อผู้ขายต่างๆและโรงงานผู้ผลิตต่างๆ นอกจาก นั้นยังมีการรายละเอียดของสินค้า ข่าวสารต่างๆ การเรียกสินค้ากลับ และราย ละเอียด ของรายการส่งเสริมการขายต่าง ๆ

  16. A Corporate Portal Framework

  17. Factors determining the uses of information technologies for communicationการสื่อสาร (Communication) • สถานที่และเวลาสามารถนำมากำหนดกรอบการทำงาน(framework)ในการแบ่งชั้นของ IT communication และเทคโนโลยีต่างในการสนับสนุนความร่วมมือกัน เมื่อมองในเชิง ของเวลาแล้ว จะสามารถแบ่งการสื่อสารได้เป็นสองแบบคือ • Asynchronous Communicationการสื่อสารที่ข้อความถูกส่งออกที่เวลาหนึ่ง แล้วถูก รับในเวลาหลังจากนั้น เช่น การใช้ e-mail • Synchronous (real- time) Communicationการสื่อสารที่ข้อความถูกส่งออกไป แล้วถูก รับภายในเวลาที่ใกล้เคียงกัน เช่น การใช้โทรศัพท์คุยกัน

  18. ในแง่ของ Web แล้ว เราแยกการสื่อสารออกเป็น 3 โหมด คือ • 1) People-to-people เช่น คนใช้ e-mail คุยกัน • 2) People-to-machine เช่น คนใช้ Web ค้นหาสารสนเทศต่าง ๆ เช่น Google search • 3) People and machine-to-machine เช่น โปรแกรมประยุกต์หนึ่งคุยกับอีกโปรแกรมหนึ่ง จะเป็นระบบอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติก็ตาม และจะต้องมีคนเข้าไปมีส่วนร่วม

  19. แฟกเตอร์หลัก ๆ ที่ถูกนำมาพิจารณาในการจัดหาเรื่องการสื่อสาร คือ • 1) Participant จำนวนคนที่รับส่งข้อมูล • 2) Nature of sources and destinations หมายถึงต้นทางและปลายทางของข้อมูล วึ่งอาจเป็นคน ฐานข้อมูล ตัวตรวจจับ (sensor) และ อื่น ๆ • 3) Media การสื่อสารอาจมีหลายสื่อ เช่น ข้อความ เสียง ภาพ สื่อที่ต่างกันอาจให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่แตกต่างกัน (ในแง่ ความเร็ว ความจุ คุณภาพ) • 4) Place (Location) ผู้ส่งและผู้รับอยู่ในห้องเดียวกัน (face-to-face) หรือต่างสถานที่กัน • 5) Time แบ่งเป็น Synchronous และ Asynchronous ดังได้กล่าวผ่านมาแล้ว

  20. แต่เมื่อมองทั้งทางด้านสถานที่และเวลา จะสามารถแบ่ง ได้ 4 แบบคือ • 1) same time/same place ผู้มีส่วนร่วมสื่อสารกันซึ่งหน้า ที่ที่ใดที่หนึ่งในเวลาเดียวกัน เช่น คุยกันในห้องประชุมห้องเดียวกัน • 2) same time/different place ผู้มีส่วนร่วมสื่อสารกันโดยอยู่คนละที่ แต่ในเวลาเดียว กัน เช่น โทรศัพท์คุยกัน • 3) different time/same place ผู้มีส่วนร่วมสื่อสารกันที่ใดที่หนึ่ง แต่ต่างเวลากัน เช่น เขียนบันทึกช่วยจำวางไว้บนโต๊ะ • 4) different time/different place ผู้มีส่วนร่วมสื่อสารโดยอยู่กันคนละที่ และต่างเวลา กัน เช่น การใช้ web-board เป็นต้น • รูปในหน้าถัดไปจะแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสถานที่กับเวลา

  21. A framework for IT communication

  22. 4.2 Discovery, Search and Customized Delivery • อินเตอร์เน็ตยินยอมให้ผู้ใช้เข้าถึงสารสนเทศที่อยู่ในฐานข้อมูลต่างๆ กระจายอยู่ทั่ว โลก ความสามารถในการค้นพบยังประโยชน์ให้เกิดกับวงการศึกษา การให้บริการ ต่าง ๆ ของรัฐ ความบันเทิง และ การค้าขาย • การค้นพบจะทำโดยการ browsing และ searching แหล่งข้อมูลต่าง ๆ บนเวป ปัญหาใหญ่ในการค้นพบก็คือการมีสารสนเทศมากมายมหาศาล เพื่อแก้ปัญหานี้ เราคงต้องเลือกใช้ การค้นหาหลายๆ รูปแบบและซอฟท์แวร์ที่แตกต่างกันออกไป • The Role of Internet Software Agents • Software agent :โปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ที่ประกอบด้วยชุดของกลุ่มคำสั่ง ของ คอมพิวเตอร์เพื่อให้ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการและให้องค์ความรู้บางอย่างออก มาสอดรับกับเป้าประสงค์ของผู้ใช้

  23. The Role of Internet Software Agents • เราลองมาดู agent บางตัวที่พบบ่อย ๆ • Search Engines, Directory และ Various Software Agents: • เราประมาณว่า จำนวนสารสนเทศบน Web เพิ่มขึ้นเท่าตัวทุก ๆ ปี ทำให้การใช้ Web และการเข้าถึงสารสนเทศที่ต้องการมีความยุ่งยากมากขึ้น Search engines และ Directories เป็นตัวช่วยขั้นพื้นฐานที่อยู่บน Web ที่มีความแตกต่างกัน • Search engine:โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถติดต่อกับ network resource ต่าง ๆ บนอินเตอร์เน็ต เพื่อทำการค้นหาสารสนเทศที่ต้องการผ่านทาง key word ที่ต้องการ และรายงานผลต่าง ๆ ออกมาให้ทราบ เช่น Google เป็นต้น Search engine จะอาศัย index Web page อยู่หลายร้อยล้าน page ซึ่ง search engine จะใช้ index นี้ค้นหา page ที่ตรงกับ key word ที่ผู้ใช้ต้องการ

  24. ทุก ๆ Search engine จะดำเนิน 3 งานพื้นฐาน ได้แก่ • 1) มันจะค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตโดยอาศัย Keyword • 2) มันจะเก็บดัชนี (ฐานข้อมูล)ของคำต่าง ๆ ที่มันค้นพบ และ ที่ ๆ มันค้นพบเอาไว้ • 3) มันจะยอมให้ผู้ใช้ค้นหาคำต่าง ๆ หรือ คำที่ผสมกันในดัชนีข้างต้น • Search engineจะมีสามแบบด้วยกัน คือ • 1) ทำงานโดย Intelligence agents สร้าง Index ขึ้นมาเช่น S/W agent, robots หรือ botsIndex ข้างต้นจะถูกสร้างและ update โดยใช้ Software Robot เรียกสั้น ๆ ว่า Softbot • ซอฟท์บอต (Softbot): Software robots ที่กระทำงานต่างๆ ในลักษณะที่ซ้ำๆ ( เช่น ดูแลรักษา search engines) เพื่อยังประโยชน์ให้กับผู้ใช้ต่าง ๆ

  25. Software Robot will visit your Web site Search Engine spiders are robots that traverse your website in order list it on Search Engines. This report shows a breakdown of which spiders have visited your site. (Feb 18,04) http://www.mach5.com/support/analyzer/annotated-report/index-files/

  26. Two types of search facilities available on the web: • 2) ทำงานโดย คนเข้ามาดำเนินการสร้าง Directory ขึ้นมาในส่วน Directories จะเป็น software agent ที่ต่างออกไป ซึ่งหลายคนสับสนกับ Search engine • Directory:เป็นการจัดรวบรวมแบบระดับชั้น(hierarchically organized collection)ของ link ไปยัง web pageต่าง ๆ มีการสร้างโดยใช้ manual (เช่น Yahoo, About.com)ซึ่งแตกต่างกับ search engine index ที่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นมา • 3) ใช้สองวิธีข้างต้นผสมกัน • อ่านเพิ่มเติมใน IT at Work 4.3 “Browsers Compete for Business”, page 131 • อ่านเพิ่มเติมใน A Close Look 4.2 “Web Search Leader Google Simplifies Data Sharing”

  27. Enterprise Search Technology

  28. Blog and Weblogging (Blogging) • Blogs เริ่มมาจากInternet journaling และ personal publishing tools • ปัจจุบัน Enterprise ใช้ blogs แทนเมล์ และ support collaborative work • Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog (บางคนอ่านว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่บ่งบอกถึงความหมายเดียวกันคือบล็อก (Blog) • ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง

  29. Blog ต่างจาก Web อย่างไร ? • Blog จะแตกต่างจากเว็บไซต์แบบ Static ตรงที่ Blog จะมีเรื่องให้น่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นบทความใหม่ ๆ ที่มีให้อ่านมากกว่า มีพื้นที่ให้ผู้อ่านได้โต้ตอบได้ จนกระทั่งมีผู้กล่าวไว้ว่า Blog จะมาแทนที่เว็บไซต์นิ่ง ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนโบรชัวร์ออนไลน์สำหรับประเด็นที่ทำให้ Blog แตกต่างจากเว็บไซต์ทั่วไป มีดังนี้ • 1. มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้เขียนและผู้อ่านได้ หรือที่เรียกว่า Interactive นั่นเอง • 2. บทความใน Blog จะเขียนในรูปแบบที่เป็นกันเอง และดูเหมือนการสนทนา มากกว่าในเว็บไซต์ • 3. ระบบที่ใช้เขียน Blog นั้นง่าย ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเซียนคอมพิวเตอร์ ก็สามารถเขียน Blog ได้ • 4. อัพเดทได้บ่อยมาก และยิ่งอัพเดทบ่อย จะยิ่งดีต่อการมาเก็บข้อมูลของ Search Engine 5. Blog เป็นรูปแบบหนึ่งของการทำการตลาดแบบไวรัส (Viral Marketing) • (นำมาจาก http://www.keng.com)

  30. WIKIS • Wikiคือ web-based writing environment ซึ่ง (a) ทำการ link ข้าม page ต่าง ๆ ได้ง่ายมาก ๆ (b) ใช้ some simple text formats เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ต้องเกิดปัญหาในการขียน HTML tag ต่าง ๆ • เริ่มต้นนั้น Wiki ออกแบบมาให้กลุ่มใช้เป็น collaborative writing environment ดังนั้นสมาชิกในกลุ่มสามารถแก้ไข any page at any time. • Wikilog (หรือ Wikiblog) คือรูปแบบหนึ่งของ Wiki หรือ เป็นส่วนขยายของ blogทั้งนี้เนื่องจาก blog นั้น มักจะสร้างขึ้นโดยคน ๆ หนึ่ง (หรือกลุ่มเล็ก ๆ) และ อาจใช้เป็น discussion board แต่ Wikilog คือ blog ที่ยอมให้ทุกคนเข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะคนในกลุ่มหนึ่ง ๆ (a peer) ทุกคนสามารถเพิ่ม ลบ เปลี่ยน เนื้อหาได้ • การรวมกันระหว่าง Wikis กับ Blogs บางทีเรียกว่า Bliki

  31. Podcasting • Podcastingหรือ Podcastคือขั้นตอนของสื่อชนิดหนึ่งบนระบบอินเตอร์เน็ตที่ยินยอมให้ผู้ใช้ทั่วไปทำการสมัครเพื่อรับ feed news • มันเริ่มได้รับความนิยมประมาณปลายปี 2004 ที่ผ่านมา ตัว feed news นี้จะทำงานอัตโนมัติ เพื่อทำการดาวด์โหลดไฟล์มัลติมีเดียต่างๆ เข้าสู่ computer หรือ portable music player (เรียกติดปาก ว่า mp3 player) • คำว่า Podcasting หลายๆ คนคิดว่าอาจจะเป็นคำคว]มาจากคำว่า Broadcasting กับ iPod แต่ตามข้อกำหนดแล้ว มันเป็นการเข้าใจผิด แต่เป็นความบังเอิญ อันสอดคล่องพอดี หรือประจวบเหมาะ กับ iPod ของ Apple นั้นเอง ซึ่ง Steve Jobs ก็ใช้โอกาสนี้ โฆษณา feature ใหม่เป็น Broadcasting + iPod  = Podcasting นั้นเอง  

  32. ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้น ตั้งแต่ที่ได้ยินมานับตั้งแต่ Podcasting เกิดขึ้นมาบนโลกมา ระบบนี้สามารถใช้ได้กับ iPod หรือพวก portable music player อื่นๆ และรวมไปถึงเครื่อง computer ได้อยู่แล้ว ซึ่งในความเป็นจริง แล้วนั้น ตั้งแต่ กันยายน ปี 2004 นั้น ได้มีการบัญญัติคำว่า POD ซึ่งเป็นคำย่อมาจาก “Personal On-Demand” หรือ "อุปสงค์ส่วนบุคคล" นั้นเอง เมื่อรวมกับ Broadcasting ก็กลายเป็น PODcasting นั้นเอง ซึ่ง Broadcasting เป็นการนำสื่อต่างๆ มาอยู่ในรูปของภาพ และเสียง ต่างๆ มากมาย ไม่ขึ้นกับ formatของไฟล์ หรือ type ของไฟล์แต่อย่างใด นำมาเผยแพร่ให้บุคคลภายนอก (The public in general) ฟังโดยที่ไม่จำเป็นเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และเป็นเทคโนโลยีในการถ่ายทอดสัญญาณภาพและเสียง ผ่านสื่อต่างๆ หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นเทคโนโลยีที่สามารถโยกย้ายข้อมูลขนาดมหึมาของภาพและเสียงจากจุดหนึ่ง ไปยังอีกจุดหนึ่งระหว่างเครือข่ายชนิดต่างๆ • http://www.thaicyberpoint.com/ford/blog/id/168/

  33. RSS • RSS คืออะไร? • ปัจจุบัน RSS ถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็นรูปแบบกลางในการบริหารข้อมูลทางธุรกิจ และมีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะธุรกิจที่มี การแชร์ข้อมูล เช่น เว็บไซต์ข่าว เว็บล็อก ซึ่งจะมีการแสดงข้อมูลบนหน้าต่างพรีวิวแยกต่างหาก เพื่อให้ผู้ใช้ไม่สับสน รวมถึง สามารถสืบค้นข้อมูลได้ • RSS ย่อมาจาก Really Simple Syndication คือ บริการที่อยู่บนระบบ อินเตอร์เน็ท จัดทำข้อมูลข่าวสารให้อยู่ในรูปแบบ XML เพื่ออำนวยความสะดวกให้ กับผู้ใช้ โดยส่งข่าวหรือข้อมูลใหม่ๆ ให้ถึงเครื่องตลอดเวลาที่มีการ Updateไม่ต้อง เสียเวลาเปิดเว็บไซต์เข้ามาค้นหา • ข้อดีของ RSSRSS ช่วยลดข้อจำกัดในการคัดลอกข้อมูลในเว็บไซต์ โดยเฉพาะกรณีการละเมิด ลิขสิทธิ์ขณะที่ผู้สร้างไม่ต้องเสียเวลาทำหน้าเพจแสดงข่าว ซึ่งต้องทำทุกครั้งเมื่อ ต้องการเพิ่มข่าว โดย RSS จะดึงข่าวมาอัตโนมัติ ทำให้ข้อมูลในเว็บไซต์เป็น ศูนย์กลางมากขึ้น

  34. จุดเด่นของ RSS คือ ผู้ใช้จะไม่จำเป็นต้องเข้าไปตามเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อดูว่ามีข้อมูล อัพเดทใหม่หรือไม่ ขณะที่เว็บไซต์แต่ละแห่งอาจมีระยะความถี่ในการอัพเดท ไม่เท่ากัน บางครั้งผู้ใช้ยังอาจหลงลืมจนเข้าไปดูเนื้อหาอัพเดทใหม่บนเว็บไซต์ ไม่ครบถ้วน รูปแบบ RSS จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับข่าวสารอัพเดทใหม่ได้ โดยไม่ต้องเข้าไปดูทุกครั้งให้เสียเวลา ซึ่งจะได้ประโยชน์ทั้งฝ่ายผู้บริโภคและ ฝ่ายเจ้าของเว็บไซต์ • รู้ได้อย่างไรว่าเว็บไหนมีบริการ RSSสังเกตได้จากสัญลักษณ์ที่มีเครื่องหมาย ส่วนใหญ่มักอยู่บริเวณเมนูหลักของเว็บ หรือบริเวณส่วนล่างของหน้าเว็บเพจ

  35. XML และ XBRL • XMLคืออะไรXML ย่อมาจากคำว่า e X tensible M arkup L anguage เป็นภาษาที่ใช้กำหนดรูปแบบของคำสั่งภาษา HTML หรือที่เรียกว่า Meta Data ซึ่งจะใช้สำหรับกำหนดรูปแบบของคำสั่ง Markup ต่าง ๆ แต่มีข้อแตกต่างกับ HTML ที่เป็น Markup Language ซึ่ง XML ได้รับการพัฒนามาจาก SGML (Standard Generalized Markup Language) ที่เป็นข้อกำหนดในการสร้างหรือจัดทำเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่กำหนดโดย W3C หรือ World Wide Web Consortium ซึ่งเป็นภาษาที่นิยมใช้และได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานบนเว็บ โดย XML จะประกอบด้วย 3 ส่วนพื้นฐานด้วยกัน คือ เอกสารข้อมูล (Data document) เอกสารนิยามความหมาย (definition document ) และ นิยามภาษา (definition language) • http://www.vcharkarn.com/include/article/showarticle.php?aid=17792

  36. XBRL (eXtensible Business Reporting Language)เป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ในการรายงานงบการเงินผ่านอินเตอร์เน็ทที่ใช้มาตรฐานและหลักปฏิบัติด้านการรายงานทางการเงินที่ได้รับการยอมรับเพื่อแปลรายงานทางการเงินให้เป็นข้อมูลที่นักลงทุนทุกประเภทสามารถเข้าถึงและนำมาวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจลงทุนได้ทันที • XBRL เป็นภาษามาตรฐานของการรายงานงบการเงิน (Financial Reporting Standards) แต่ไม่ใช่มาตรฐานการบัญชี (Accounting Standards) ดังนั้นการนำเอา XBRL มาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย จึงเป็นเพียงการจัดทำภาษาของรายงานงบการเงินให้อยู่ในรูปแบบมาตรฐาน เพื่อให้สามารถนำงบการเงินมาเปรียบเทียบกันได้ทั้งในระดับองค์กร ระดับอุตสาหกรรม ระดับประเทศ และระดับสากลได้ โดยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการแก้ไขมาตรฐานบัญชีในประเทศไทยแต่อย่างใด • http://www.set.or.th/th/xbrl/about.html

  37. 4.3 Communication • CDMA Network • CDMA (Code Division Multiple Access) • Code Division Multiple Access (CDMA) จัดเป็นระบบโทรศัพท์มือถือที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมา เทคนิคการส่งสัญญาณแบบ 'เข้ารหัส' ชนิดนี้ ถูกมองว่าเป็นเทคนิคการส่งสัญญาณสำหรับโทรศัพท์มือถือยุคอนาคต ซึ่งก็คือยุค 3G หรือคลื่นลูกที่ 3 ของเทคโนโลยีการส่งข้อมูลที่กำลังจะเกิดขึ้น

  38. GSM (Global System for Mobile Communications Services) • GSMนั้นเป็นระบบเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเซลลูล่าร์ชนิด ดิจิตอลเซลลูล่าร์ (Digital Cellular) ซึ่งคำว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเซลลูล่าร์ หรือ Cellular Network หรือ Cellular System  นั้น หมายถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ติดต่อกับเครือข่ายซึ่งจำแนกพื่นที่การใช้งานโดยแบ่งเป็น เซลล์ (cell) ถ้าจะเปรียบเทียบลักษณะการใช้งาน กับระบบ อนาลอกเซลลูล่าร์ (Analog Cellular) แล้วมีข้อดีกว่ากันมาก เช่น ความปลอดภัยจากการดักฟัง และด้านการโทรข้ามประเทศหรือ International Roaming (เพราะเนื่องจาก มาตรฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ อนาลอก ได้ออกมมาตรฐานาจากหลายประเทศ และไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ ทำให้โทรข้ามเครือข่าย ไปยังประเทศอื่นไม่ได้) เป็นต้น โดยย่อมาจาก Global System for Mobile ครับ

  39. 3GSM • 3GSM (Third-generation Global System for Mobile Communications Services) • Cellular => GSM (CDMA) => GPRS => EDGE => W-CDMA • 1G 2G 2.5G 2.75G 3G • เทคโนโลยี 3G คืออะไร3G หรือ Third Generation เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 อุปกรณ์การสื่อสารยุคที่ 3 นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนำเสนอข้อมูล และ เทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น PDA โทรศัพท์มือถือ Walkman กล้องถ่ายรูป และ อินเทอร์เน็ต • 3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลในขั้นต้น ทั้งยังมีข้อจำกัดอยู่มาก การพัฒนาของ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการมัลติมีเดีย และ ส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น

  40. ลักษณะการทำงานของ 3Gเมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลแอพพลิเคชั่น รวมทั้งบริการระบบเสียงดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการมัลติมีเดียได้เต็มที่ และ สมบูรณ์แบบขึ้น เช่น บริการส่งแฟกซ์, โทรศัพท์ต่างประเทศ ,รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่ ,ประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร, ดาวน์โหลดเพลง, ชมภาพยนตร์แบบสั้นๆ

  41. SMS (Short Message Service) • Point-to-point SMS กับ cell-broadcast SMS • SIM Card • ย่อมาจาก Subscriber Indentity Module เป็นอุปกรณ์ซึ่งใส่ในเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อให้เครื่องสามาถติดต่อกับเครือข่ายได้

  42. EDGE Network • EDGE (Enhanced Data rates for GSM Evolution) • EDGE - (Enhanced Data rates for Global Evolution) ทางเลือกก่อนก้าวเข้าสู่ยุค 3G อย่างต่อเนื่อง และคุ้มค่าเทคโนโลยี 'EDGE' คือเทคโนโลยีที่ใช้งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ TDMA (Time Division Multiple Access) หรือพูดง่ายๆ คือระบบ 'GSM' นั่นเอง (GSM คือหนึ่งในระบบ TDMA) ระบบ TDMA เป็นระบบการแบ่งเวลากันใช้ในช่องสัญญาณเดียวกัน สามารถอธิบายการทำงานง่ายๆ โดยเปรียบช่องสัญญาณให้เป็นเสมือนขนมชั้นที่ถูกวางอยู่ในแนวตั้ง เมื่อใดที่มีการใช้โทรศัพท์ เครื่องโทรศัพท์แต่ละเครื่องก็จะถูกจัดสรรเวลาให้ใช้ภายในช่องความถี่เดี่ยวกัน การใช้วิธีจัดสรรเวลาในระบบ TDMA มีข้อดีคือ เวลาของผู้ใช้ทุกคนจะเท่ากันหมด ถือว่าทุกคนมีช่องเวลาที่ชัดเจนตายตัว จึงทำให้ง่ายต่อการจัดการข้อมูล โดยเฉพาะเรื่องของเสียง อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องใช้ส่งข้อมูลปริมาณมากๆ ปัญหาด้านความเร็วจึงได้เกิดขึ้น (เนื่องจาก TDMA ถูกจำกัดความเร็วต่อช่องสัญญาณที่ 9.6 กิโลบิตต่อวินาทีเท่านั้น) ดังกล่าว ในเวลาต่อมา ผู้ประกอบการจึงหาวิธีแก้ปัญหาโดยการนำเอาช่องสัญญาณหลายๆ ช่องมารวมกัน เพื่อให้ได้ความเร็วที่สูงขึ้น ซึ่งนั่นคือที่มาของเทคโนโลยี GPRS (General Packet Radio Service) นั่นเอง

  43. แม้ว่าเทคโนโลยี GPRS จะให้ความเร็วที่สูงกว่าเดิม แต่ GPRS ก็มีข้อจำกัดทางด้านความเร็วอยู่ดี นั่นคือใน 1 ช่องสัญญาณ จะส่งข้อมูลได้ 9.6 กิโลบิตต่อวินาที และเมื่อได้รวมทุกช่องสัญญาณเข้าด้วยกันแล้ว บนการใช้งานจริง GPRS ก็ยังให้ความเร็วการส่งข้อมูลสูงสุดที่ประมาณ 40 กิโลบิตต่อวินาทีเท่านั้น และด้วยความเร็วระดับนี้ แม้การส่งข้อมูลภาพ เสียง หรือข้อมูล จะสามารถจัดการได้ดีพอสมควร หากแต่ในส่วนของวิดีโอคลิป ความเร็วของ GPRS ก็ยังจัดว่าเป็นความเร็วที่รองรับได้ไม่สมบูรณ์อยู่ดี ในวันนี้เอง จึงได้มีการนำเอาระบบ EDGE เข้ามา ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีต่อยอดของ GPRS และถูกเรียกกันว่าเทคโนโลยียุค 2.75 G (อย่างไม่เป็นทางการ) โดยมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่อยู่ในช่วงกลางระหว่างยุค 2.5G และ 3G • ในทางทฤษฎี เทคโนโลยี EDGE จะมีความเร็วในการส่งข้อมูลมากกว่า GPRS ประมาณ 3 เท่า หรือมีความเร็วสูงสุดประมาณ 384 กิโลบิตต่อวินาที อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น GPRS หรือ EDGE ก็ตาม ความเร็วการส่งข้อมูลที่ได้บนการใช้งานจริงจะต่ำกว่านั้น เนื่องจากข้อจำกัดของระบบ TDMA ที่ต้องมีการแบ่งช่องสื่อสารสำหรับการใช้งานด้านเสียงไว้ด้วย (Technical Limited) ดังกล่าว บนการใช้งานจริง ความเร็วในการใช้งาน EDGE จึงอยู่ที่ประมาณ 80-100 กิโลบิตต่อวินาที (ประมาณ 40 กิโลบิตต่อวินาที สำหรับเทคโนโลยี GPRS)

  44. TDMA (Time-Division Multiple Access)

  45. WI-FI Network • Wi-Fi (Wireless fidelity) • ในอดีตนั้น การที่ คอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องจะมาเชื่อมต่อกัน เพื่อประโยชน์ในการแชร์ข้อมูลซึ่งกันและกันหรือ เอามาแชร์ Internet เพื่อใช้งาน (เสมือนว่า ต่อ Internet เพียงแค่เครื่องเดียว เครื่องอื่นๆที่อยู่ในเครือข่ายก็สามารถใช้งาน Internet ได้ด้วย) ซึ่งการต่อเชื่อมคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องเข้าด้วยกันนี้ แต่เดิมจะใช้สาย Lan ต่อเข้ากับ Lan card ของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องเพื่อจะเชื่อมเข้าหากัน ซึ่งการต่อแบบใช้สายนี้มันมีค่าใช้จ่ายไม่แพงมาก แต่จะยุ่งยากหน่อยก็ตรงที่ในบ้าน หรือใน office ที่จะเชื่อมต่อนั้น จะต้องเดินสาย Lan เหมือนกับเดินสายไฟภายในบ้านซึ่งมันก็วุ่นมากทีเดียว

  46. ปัจจุบัน มีผู้คิดค้นวิธีเชื่อมต่อ Lan แบบใหม่ขึ้นมาโดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมโยงสายให้มันวุ่นวาย แต่คราวนี้เราจะใช้คลื่นวิทยุเชื่อมแทน หรือ Wireless LAN นั่นเอง • ด้วยระบบเทคโนโลยี Lan ไร้สาย 802.11 จึงเกิดขึ้นมาโดยการพัฒนาจากสถาบันวิศวกรไฟฟ้า และ อิเลคทรอนิคส์ หรือ Institute of Electrical and Electronics Engineering (IEEE) นั่นเอง เลยทำให้กลายเป็นศัพท์ใหม่ที่เห็นกันบ่อยๆว่า  IEEE 802.11 ซึ่งก็ได้มีการพัฒนากันมาเรื่อยจาก 802.11 ธรรมดา มาเป็น  802.11b  802.11a  802.11g ซึ่งมันจะต่างกันเรื่องของความเร็วในการรับส่งข้อมูลเป็นหลัก

More Related