1 / 24

ลุ่มน้ำโขง ที่ตั้ง ลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่ลุ่มน้ำ โขงเหนือ โขงอีสาน ภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝน

สำนักโครงการขนาดใหญ่ กรมชลประทาน. ลุ่มน้ำโขง ที่ตั้ง ลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่ลุ่มน้ำ โขงเหนือ โขงอีสาน ภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝน ปริมาณน้ำท่า - ตารางเปรียบเทียบน้ำท่า-น้ำฝน ในกลุ่มลุ่มน้ำ ทรัพยากรดิน การใช้ประโยชน์ที่ดิน พื้นที่ทำการเกษตร พื้นที่ที่มีศักยภาพพัฒนาระบบชลประทาน

Télécharger la présentation

ลุ่มน้ำโขง ที่ตั้ง ลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่ลุ่มน้ำ โขงเหนือ โขงอีสาน ภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝน

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. สำนักโครงการขนาดใหญ่ กรมชลประทาน ลุ่มน้ำโขง • ที่ตั้ง • ลักษณะภูมิประเทศ • พื้นที่ลุ่มน้ำ โขงเหนือโขงอีสาน • ภูมิอากาศ • ปริมาณน้ำฝน • ปริมาณน้ำท่า - ตารางเปรียบเทียบน้ำท่า-น้ำฝน ในกลุ่มลุ่มน้ำ • ทรัพยากรดิน • การใช้ประโยชน์ที่ดิน • พื้นที่ทำการเกษตร • พื้นที่ที่มีศักยภาพพัฒนาระบบชลประทาน • การประเมินความต้องการน้ำ • ปัญหาของลุ่มน้ำ • ด้านภัยแล้ง • แนวทางแก้ไข ส่วนอำนวยการและติดตามประเมินผล

  2. 2. ลุ่มน้ำโขง ที่ตั้ง ลุ่มน้ำโขง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย แม่น้ำโขงไหลผ่านทางทิศเหนือ และไหลผ่านตามแนวเขตแดนไทย-ลาว ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ลุ่มน้ำโขง แบ่งออกเป็น 2 ลุ่มน้ำ คือ ลุ่มน้ำโขง (เหนือ) ทิศเหนือติดกับประเทศพม่าและลาว ทิศใต้ติดกับแม่น้ำยม ทิศตะวันออกติดกับประเทศลาว และทิศตะวันตกติดกับลุ่มน้ำแม่กก ลุ่มน้ำโขง (อีสาน) ทิศเหนือและทิศตะวันออก ติดกับแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างไทย-ลาว ทิศใต้และทิศตะวันตกติดกับแนวเทือกเขาภูพาน รูปที่ 2-1 แสดงที่ตั้ง ลุ่มน้ำโขง

  3. ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะภูมิประเทศ ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงขนาดใหญ่ ขอบเขตของลุ่มน้ำ เป็นแนวเทือกเขาภูพาน ที่แผ่ขยายลงมาจากจังหวัดเลยไปยังจังหวัดนครพนม อยู่ทางทิศตะวันตกและตอนใต้ของลุ่มน้ำโขง และเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญ เนื่องจากเป็นแนวภูเขาที่คดเคี้ยวและยาวขนานคู่กันไป รูปที่ 2-2 สภาพภูมิประเทศในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำโขง (เหนือ) รูปที่ 2-3 สภาพภูมิประเทศในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำโขง (อีสาน)

  4. พื้นที่ลุ่มน้ำ ลุ่มน้ำโขง มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 57,424 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย ลุ่มน้ำโขง (เหนือ) และลุ่มน้ำโขง (อีสาน) โดยลุ่มน้ำโขง (เหนือ) แบ่งออกเป็น 9 ลุ่มน้ำ ตามตารางที่ 2-1 และรูปที่ 2-4 แสดงลุ่มน้ำย่อย ตารางที่ 2-1 ขนาดของพื้นที่ลุ่มน้ำย่อย 2.03 2.02 2.08 2.09 2.06 2.07 2.04 2.05 รูปที่ 2-4 แสดงลุ่มน้ำย่อย พื้นที่ลุ่มน้ำโขง (เหนือ)

  5. พื้นที่ลุ่มน้ำ ลุ่มน้ำโขง มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 57,424 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย ลุ่มน้ำโขง (เหนือ) และลุ่มน้ำโขง (อีสาน) โดยลุ่มน้ำโขง (เหนือ) แบ่งออกเป็น 20 ลุ่มน้ำ ตามตารางที่ 2-2 และรูปที่ 2-5 แสดงลุ่มน้ำย่อย 2.23 2.16 2.17 2.19 2.20 2.21 2.13 2.18 2.10 2.24 2.22 2.12 2.15 2.14 2.11 ตารางที่ 2-2 ขนาดของพื้นที่ลุ่มน้ำย่อย รูปที่ 2-5 แสดงลุ่มน้ำย่อยพื้นที่ลุ่มน้ำโขง (อีสาน)

  6. พื้นที่ลุ่มน้ำ ตารางที่ 02-1 ขนาดของพื้นที่ลุ่มน้ำย่อย ลุ่มน้ำโขง มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 57,424 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย ลุ่มน้ำโขง (เหนือ) และลุ่มน้ำโขง (อีสาน) โดยลุ่มน้ำโขง (เหนือ) แบ่งออกเป็น 20 ลุ่มน้ำ ตามตารางที่ 2-2 และรูปที่ 2-5 แสดงลุ่มน้ำย่อย 2.26 2.27 2.25 2.28 2.30 2.29 2.31 2.33 2.32 2.34 2.35 2.36 2.37 2.38 รูปที่ 2-5 แสดงลุ่มน้ำย่อยพื้นที่ลุ่มน้ำโขง (อีสาน) ตารางที่ 2-2 ขนาดของพื้นที่ลุ่มน้ำย่อย (ต่อ)

  7. ภูมิอากาศ ข้อมูลภูมิอากาศที่สำคัญของลุ่มน้ำนี้ ได้แสดงไว้ ตามตารางที่ 2-3 ซึ่งแต่ละรายการเป็นค่าสูงสุด ค่าต่ำสุดและค่าเฉลี่ยรายปี ตารางที่ 2-3 แสดงข้อมูลภูมิอากาศที่สำคัญ

  8. ปริมาณน้ำฝน ลุ่มน้ำโขงมีปริมาณผันแปรตั้งแต่ 900 มิลลิเมตร จนถึง 2,900มิลลิเมตร โดยมีปริมาณน้ำฝนทั้งปีเฉลี่ยประมาณ 1,548.2 มิลลิเมตร ลักษณะการผันแปรของปริมาณฝนรายเดือนเฉลี่ยได้แสดงไว้ ตามตารางที่ 2-4 และ มีลักษณะการกระจายของปริมาณน้ำฝน ตามรูปที่ 2-6 ตารางที่ 2-4 ปริมาณน้ำฝนรายเดือนเฉลี่ย ลุ่มน้ำโขง (เหนือ) ลุ่มน้ำโขง (อีสาน) รูปที่ 2-6 ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายเดือนในแต่ละลุ่มน้ำย่อย

  9. ตารางที่ 2-5 ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรายเดือน ปริมาณน้ำท่า ลุ่มน้ำโขง มีพื้นที่รับน้ำทั้งหมด 57,424 ตารางกิโลเมตร จะมีปริมาณน้ำท่าตามธรรมชาติ เฉลี่ยทั้งหมด 30,769.0 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามตารางที่ 2-5 และคิดเป็นปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยต่อหน่วยพื้นที่รับน้ำฝน 16.99 ลิตร/วินาที/ตารางกิโลเมตร และตามรูปที่ 2-7 แสดงปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรายเดือนในแต่ละลุ่มน้ำย่อย ลุ่มน้ำโขง (เหนือ) ลุ่มน้ำโขง (อีสาน) รูปที่ 2-7 ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรายเดือนในแต่ละลุ่มน้ำย่อย

  10. ตารางเปรียบเทียบ ปริมาณน้ำฝน - ปริมาณน้ำท่า

  11. ทรัพยากรดิน พื้นที่ลุ่มน้ำโขงสามารถจำแนกชนิดดินตามความเหมาะสมของการปลูกพืชออกได้ 4 ประเภทตามรูปที่ 2-8 ซึ่งมีลักษณะการกระจายของกลุ่มดิน ตามรูปที่ 2-8 ซึ่งแต่ละกลุ่มดินมีจำนวนพื้นที่ตามตารางที่ 2-6 ลุ่มน้ำโขง (เหนือ) ตารางที่ 2-6 ลุ่มน้ำโขง (อีสาน) รูปที่ 2-8 การแบ่งกลุ่มดินจำแนกตามความเหมาะสมใช้ปลูกพืช

  12. ●การใช้ประโยชน์จากที่ดินด้านการเกษตร●การใช้ประโยชน์จากที่ดินด้านการเกษตร ลุ่มน้ำโขง (เหนือ) 1) พื้นที่ทำการเกษตร............................ 57.61 % พืชไร่......................................... 40.25 % ไม้ผล-ไม้ยืนต้น.............................. 1.14 % ปลูกข้าว...................................... 58.07 % อื่นๆ.............................................. 0.62 % รูปที่ 2-9 การทำเกษตร ลุ่มน้ำโขง (อีสาน)

  13. การใช้ประโยชน์จากที่ดินด้านป่าไม้ ลุ่มน้ำโขง (เหนือ) 2) ป่าไม้................................................... 33.98 % เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า.................. 2.99 % อุทยานแห่งชาติ.......................... 10.05 % พื้นที่ป่าอนุรักษ์............................ 86.96 % ลุ่มน้ำโขง (อีสาน) รูปที่ 2-10 พื้นที่ป่าไม้และเพื่อการอนุรักษ์

  14. การใช้ประโยชน์จากที่ดินด้านที่อยู่อาศัยและอื่นๆ ลุ่มน้ำโขง (เหนือ) 3) ที่อยู่อาศัย...................................... 3.05 % 4) แหล่งน้ำ........................................ 1.47 % 5) อื่นๆ............................................... 3.89 % รูปที่ 2-11 การใช้ประโยชน์จากที่ดิน ลุ่มน้ำโขง (อีสาน)

  15. ลุ่มน้ำโขงมีพื้นที่การเกษตรทั้งหมด 33,080 ตารางกิโลเมตร และมีพื้นที่ที่เหมาะสมกับการเพาะปลูก 16,577.40 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 50.11 พื้นที่เหมาะสมสำหรับปลูกข้าว 19,210.53 ตารางกิโลเมตร (58.07%) พื้นที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชผัก 24.24 ตารางกิโลเมตร (0.16 %) พื้นที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชไร่ 13,316.22 ตารางกิโลเมตร (40.25 %) พื้นที่เหมาะสมสำหรับปลูกไม้ผล-ไม้ยืนต้น 376.24 ตารางกิโลเมตร( 1.14 %) พื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกพืช ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณที่ราบ ลุ่มของแม่น้ำโขงอีสาน โดยเฉพาะบริเวณที่ราบสูงโคราชและที่ราบตอนล่างของลุ่มน้ำย่อยแม่จัน กับที่ราบตอนกลางถึงตอนกลางถึงตอนล่างของลุ่มน้ำย่อยแม่อิงในลุ่มน้ำโขงเหนือ ซึ่งรวมกันแล้วประมาณร้อยละ 28.87 ของพื้นที่ทั้งลุ่มน้ำ ในการทำการเกษตรพบว่า การใช้พื้นที่ปลูกข้าวและพืชผักส่วนใหญ่ปลูกบนพืชที่ที่มีความเหมาะสมดีอยู่แล้ว แต่การปลูกพืชไร่และไม้ผล-ไม้ยืนต้นยังปลูกบนพื้นที่ที่ยังไม่มีความเหมาะสมอยู่ ลุ่มน้ำโขง (เหนือ) ลุ่มน้ำโขง (อีสาน) รูปที่ 2-11 การใช้ประโยชน์ที่ดินหลักด้านการเกษตร

  16. พื้นที่ที่มีศักยภาพพัฒนาระบบชลประทานพื้นที่ที่มีศักยภาพพัฒนาระบบชลประทาน พื้นที่ที่มีศักยภาพสำหรบการพัฒนาระบบชลประทานในลุ่มน้ำโขง ส่วนใหญ่จะกระจายบริเวณที่ราบลุ่มของแม่น้ำสายหลักและสาขาต่าง ๆ รวมทั้งสิ้นประมาณ 12,091.13 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ72.94 ของพื้นที่การเกษตรที่เหมาะสมกับ การเพาะปลูก หรือร้อยละ 36.55 ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมด ตารางที่ 2-7 ตารางเปรียบเทียบพื้นที่การเกษตรกับพื้นที่ที่มีศักยภาพสำหรับการพัฒนาระบบชลประทาน

  17. การประเมินความต้องการน้ำการประเมินความต้องการน้ำ จากการศึกษาด้านเศรษฐกิจและสังคม ได้คาดคะเนอัตราการเจริญเติบโตของประชากรทั้งที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองและนอก เขตเมืองรวมทั้งความต้องการน้ำสำหรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ช่วงปี 2544-2564 สรุปได้ตามรูปที่ 2-12 ชลประทาน รักษาระบบนิเวศ อุปโภค-บริโภค อุตสาหกรรม รูปที่ 2-12 สรุปแนวโน้มปริมาณความต้องการน้ำแต่ละประเภท

  18. ปัญหาของลุ่มน้ำ • ด้านอุทกภัย สภาพการเกิดอุทกภัยในลุ่มน้ำนี้ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ∶- 1) อุทกภัยที่เกิดบริเวณลุ่มน้ำตอนบนและลำน้ำสาขาต่างๆ เกิดจากการที่มีฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลากจากต้นน้ำลงมามาก จนลำน้ำสายหลักไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน ประกอบกับมีสิ่งกีดขวางจากเส้นทางคมนาคมขวางทางน้ำ และอาคารระบายน้ำไม่เพียงพอ พื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมเป็นประจำได้แก่ อำเภอเทิง อำเภอเชียงของ กิ่งอำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา อำเภอภูเรือ อำเภอท่าลี่ อำเภอเมือง จังหวัดเลย และอำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร 2) อุทกภัยที่เกิดในพื้นที่ราบลุ่ม เกิดบริเวณที่เป็นพื้นที่ราบลุ่ม และแม่น้ำสายหลักตื้นเขิน มีความสามารถในการระบายน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ พื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมเป็นประจำ ได้แก่ อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย อำเภอจุน อำเภอแม่ใจ อำเภอป่าแดด อำเภอดอกคำใต้ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา อำเภอโซ่พิสัย อำเภอพรเจริญ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย และ อำเภอนาหว้า อำเภอโพนสวรรค์ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม

  19. ปัญหาภัยแล้งในลุ่มน้ำโขง เกิดจากภาวะฝนทิ้งช่วงยาวนาน ทำให้พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทานเกิดความแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และการเกษตร รวมทั้งใช้น้ำในกิจกรรมอื่น ๆ ด้วย ตามข้อมูล กชช. 2 ค. ปี 2542 ในลุ่มน้ำนี้มีจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด 7,272 หมู่บ้าน พบว่ามีหมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำทั้งหมด 4,187 หมู่บ้าน (ร้อยละ 57.58) โดยแยกเป็นหมู่บ้านที่ขาดแคลนเพื่อการเกษตร จำนวน 2,656 หมู่บ้าน (ร้อยละ36.52) และหมู่บ้านขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร จำนวน 1,531 หมู่บ้าน (ร้อยละ 21.05) หมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดสกลนคร ถึง 694 หมู่บ้าน หรือคิดเป็นร้อยละ 16.58 ของหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งทั้งหมด หมู่บ้านที่มีน้ำอุปโภค-บริโภค แต่ขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร หมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร รูปที่ 2-13 แสดงลักษณะการกระจายตัวของหมู่บ้านที่ประสบปัญหาภัยแล้ง

  20. ●แนวทางการแก้ไข ปัญหาการเกิดอุทกภัย และภัยแล้งในลุ่มน้ำโขง มีลักษณะคล้ายกับพื้นที่ลุ่มน้ำอื่นๆ คือการผันแปรของปริมาณน้ำฝน ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งในช่วงที่ฝนทิ้งช่วง ในทางกลับกันเมื่อมีฝนตกหนักก็ทำให้เกิดน้ำไหลหลากท่วมพื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่การเกษตร การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงมีแนวทางแก้ไขในภาพรวมโดยสรุปดังนี้ 1) การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลางในแต่ละลุ่มน้ำสาขาที่มีศักยภาพ เพื่อเก็บกักปริมาณน้ำหลากในฤดูฝน และส่งน้ำให้กับพื้นที่ที่มีความต้องการน้ำในช่วงฤดูแล้งของลุ่มน้ำสาขานั้นๆ 2) เพิ่มประสิทธิภาพ หรือขีดความสามารถกระจายน้ำให้ทั่วถึง 3) ปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำ ควบคู่กับการก่อสร้างฝายและประตูระบายน้ำ เป็นช่วงๆ 4) ควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณเขตตัวเมือง และพื้นที่โดยรอบมิให้รุกล้ำแนวคลองและลำน้ำสาธารณะ 5) ก่อสร้างถังเก็บน้ำ สระเก็บน้ำประจำไร่นา ฯลฯ ในพื้นที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ำ / นอกเขตชลประทานตามความเหมาะสมของพื้นที่ _________________________

More Related