1 / 67

ตาม

บทตัดพยานหลักฐาน. ตาม. ปวอ. และ กฎหมายอื่น. โดย นายวันชัย สร้อยทอง ผู้ตรวจราชการอัยการ นายมั่นเกียรติ ธนวิจิตรพันธ์ เลขาฯ นายภาคภูมิ มีอุดร ผู้ช่วยเลขาฯ. ปรับปรุง 14/พ.ค./52. บทตัดพยานหลักฐาน. . . 1. ด้านเนื้อหาตาม ปวอ. 2. ด้านวิธีปฏิบัติตาม ปวอ.

yeo-walsh
Télécharger la présentation

ตาม

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทตัดพยานหลักฐาน ตาม ปวอ.และ กฎหมายอื่น โดย นายวันชัย สร้อยทอง ผู้ตรวจราชการอัยการ นายมั่นเกียรติ ธนวิจิตรพันธ์ เลขาฯ นายภาคภูมิ มีอุดร ผู้ช่วยเลขาฯ ปรับปรุง 14/พ.ค./52

  2. บทตัดพยานหลักฐาน   1. ด้านเนื้อหาตาม ปวอ. 2. ด้านวิธีปฏิบัติตาม ปวอ.

  3. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. 226/1 134/4 ว.3 84 ว.4 226

  4. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. เกิดขึ้นจากการจูงใจ /มีคำมั่นสัญญา / ขู่เข็ญ / หลอกลวง / โดย มิชอบประการอื่น 226

  5. บทตัดพยานหลักฐาน ในด้านเนื้อหา ปวอ. พยานวัตถุ พยานเอกสาร หรือพยานบุคคล ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์ ให้อ้างเป็นพยานหลักฐานได้ แต่ต้องเป็นพยานชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น และให้สืบตามบทบัญญัติแห่ง ปวอ. หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง (ม.๒๒๖) บุคคลย่อมมีสิทธิไม่ให้ถ้อยคำเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเองอันอาจทำให้ตนถูกฟ้องคดีอาญา ถ้อยคำของบุคคลซึ่งเกิดจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง ถูกทรมาน ใช้กำลังบังคับ หรือกระทำโดยมิชอบประการใด ๆ ไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ (ร.ธ.น. ๒๕๔๐ มาตรา ๒๔๓ ยกเลิก) 226

  6. พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่น พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน พ.ศ.2542 (ม.46)

  7. พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่น พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.2519 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2545) (ม.14 จัตวา)

  8. พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่น พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 (ม.5, 7, 8, 10)

  9. พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่น พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 (ม.25)

  10. พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่น พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 ( แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551) (ม.4, 7, 10, 11, 12, 12/1)

  11. พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่น พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 (ม.3,18, 19, 22, 25)

  12. พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่น พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราม การค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 (ม.4, 30)

  13. พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่น พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ และวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 (ม.30 และข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและ การค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2540 ลักษณะ 2 ความอาญา ข้อ 40 ถึง 50)

  14. พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยชอบตามกฎหมายอื่น พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและ วิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2548) (ม.19 และข้อกำหนดคดีล้มละลาย พ.ศ.2549 ลักษณะ 2 ความอาญา ข้อ 26 ถึง 30)

  15. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. การกระทำผิดครั้งอื่น ๆ ของจำเลย  ความประพฤติในทางเสื่อมเสียของจำเลย  เกิดขึ้นโดยชอบ แต่ได้มาเนื่องจากการกระทำโดยมิชอบ ได้มาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยมิชอบ 226/2 226/1 •  ข้อความบอกเล่าที่พยานบุคคลมาเบิกความต่อศาล • ข้อความบอกเล่าที่บันทึกในเอกสาร • ข้อความบอกเล่าที่บันทึกไว้ในวัตถุอื่นใด  ถ้อยคำที่ผู้ต้องหาให้ไว้ต่อ พงส. ก่อนมีการแจ้งสิทธิตามวรรคหนึ่ง หรือก่อนที่จะดำเนินการตาม ม.134/1, 134/2,134/3 226/3 134/4 ว.3 84 ว.4 226/4  คดีความผิดเกี่ยวกับเพศ ห้ามจำเลย นำสืบหรือถามค้านเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศของผู้เสียหายกับบุคคลอื่น. ถ้อยคำที่ผู้ถูกจับให้ไว้ต่อเจ้าพนักงานผู้จับ หรือพนักงาน ปค.ตร. ในชั้นจับกุมหรือรับมอบตัวผู้ถูกจับถ้าเป็นคำรับสารภาพว่าตนได้กระทำผิดหรือถ้าเป็นถ้อยคำอื่นที่มิได้แจ้งสิทธิตามวรรคหนึ่ง หรือ ม.83 วรรคสอง

  16. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. ถ้อยคำที่ผู้ถูกจับให้ไว้ต่อเจ้าพนักงานผู้จับ หรือพนักงาน ปค.ตร. ในชั้นจับกุมหรือรับมอบตัวผู้ถูกจับถ้าเป็นคำรับสารภาพว่าตนได้กระทำผิดหรือถ้าเป็นถ้อยคำอื่นที่มิได้แจ้งสิทธิตามวรรคหนึ่ง หรือ ม.83 วรรคสอง 226/1 134/4 ว.3 84 ว.4

  17. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. 226/1 (1) ถ้อยคำที่เป็นคำรับสารภาพในชั้นจับกุมหรือรับมอบตัว ห้าม มิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของ ผู้ถูกจับ 134/4 ว.3 84 ว.4

  18. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. 226/1 (2) ถ้อยคำอื่นจะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกจับได้ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้ 134/4 ว.3 84 ว.4 1.กรณีเจ้าพนักงานเป็นผู้จับ มีการแจ้งสิทธิตาม ม.83ว.2 คือ - ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือให้การ - ถ้อยคำของผู้ถูกจับอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้และ - ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะพบและปรึกษาทนายความหรือผู้ซึ่งจะเป็นทนายความ 2. กรณีราษฎรเป็นผู้จับ มีการแจ้งสิทธิตาม ม.84 ว.1 คือ - ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือให้การ และ - ถ้อยคำของผู้ถูกจับอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้

  19. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. 226/1 • ถ้อยคำที่ผู้ต้องหาให้ไว้ต่อ พงส. ก่อนมีการแจ้งสิทธิตามวรรคหนึ่ง หรือก่อนที่จะดำเนินการตาม ม.134/1,134/2, 134/3 134/4 ว.3 84 ว.4

  20. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. (1) ถ้อยคำที่ผู้ต้องหาให้ไว้ต่อพงส. ก่อนที่จะดำเนินการตาม ม.134/1 คือก่อนการจัดหาทนายความให้จะรับฟังเป็นพยานหลักฐาน ในการพิสูจน์ความผิดไม่ได้ 226/1 134/4 ว.3 84 ว.4

  21. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. (2) ถ้อยคำที่ผู้ต้องหาให้ไว้ต่อ พงส.ก่อนที่จะดำเนินการตามม.134/2 คือก่อนแยกกระทำเป็นส่วนสัดในสถานที่เหมาะสมสำหรับเด็กและให้มีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสังเคราะห์ บุคคลที่เด็กร้องขอและพนักงานอัยการร่วมอยู่ด้วยในการสอบสวนผู้ต้องหาที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดไม่ได้ 226/1 134/4 ว.3 84 ว.4

  22. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. (3) ถ้อยคำที่ผู้ต้องหาให้ไว้ต่อ พงส.ก่อนที่จะดำเนินการตาม ม.134/3 คือก่อนให้ทนายความ หรือ ผู้ซึ่งผู้ต้องหาไว้วางใจ เข้าฟังการสอบปากคำผู้ต้องหา จะรับฟังเป็นพยานหลักฐาน ในการพิสูจน์ความผิดไม่ได้ 226/1 134/4 ว.3 84 ว.4

  23. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. (4) ถ้อยคำที่ผู้ต้องหาให้ไว้ต่อ พงส.ก่อนที่จะดำเนินการตาม ม.134/4ว.1 คือก่อนแจ้งสิทธิ ดังนี้ - สิทธิจะให้การหรือไม่ก็ได้ - ถ้อยคำที่ให้การอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีและ - สิทธิจะให้ทนายความหรือผู้ซึ่งผู้ต้องหาไว้วางใจ เข้าฟังการสอบปากคำผู้ต้องหา จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดไม่ได้ 226/1 134/4 ว.3 84 ว.4

  24. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. 226/1  เกิดขึ้นโดยชอบ แต่ได้มาเนื่องจากการกระทำโดยมิชอบ ได้มาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดย มิชอบ 134/4 ว.3 84 ว.4

  25. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. ข้อยกเว้น ? 226/1 134/4 ว.3 84 ว.4

  26. พยานหลักฐานใดเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยชอบแต่ได้มาเนื่องจากการกระทำโดยมิชอบ หรือเป็นพยาน หลักฐานที่ได้มาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิด ขึ้นหรือได้มาโดยมิชอบ ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานนั้น เว้นแต่การรับฟังพยาน หลักฐานนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสียอันเกิดจากผล กระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญาหรือสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชน ในการใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลพิจารณาถึงพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดี โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ด้วย (๑) คุณค่าในเชิงพิสูจน์ ความสำคัญ และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานนั้น (๒) พฤติการณ์และความร้ายแรงของความผิดในคดี (๓) ลักษณะและความเสียหายที่เกิดจากการกระทำโดยมิชอบ (๔) ผู้ที่กระทำการโดยมิชอบอันเป็นเหตุให้ได้พยาน หลักฐานมานั้นได้รับการลงโทษหรือไม่เพียงใด

  27. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. การกระทำผิดครั้งอื่น ๆ ของจำเลย  ความประพฤติในทางเสื่อมเสียของจำเลย 226/2 226/3 226/4

  28. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. ข้อยกเว้น ? 226/2 226/3 226/4

  29. ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดครั้งอื่น ๆ หรือความประพฤติในทางเสื่อมเสียของจำเลย เพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดในคดีที่ถูกฟ้อง เว้นแต่พยานหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ (๑) พยานหลักฐานที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับองค์ประกอบความผิดของคดีที่ฟ้อง (๒) พยานหลักฐานที่แสดงถึงลักษณะ วิธี หรือรูปแบบเฉพาะในการกระทำความผิดของจำเลย (๓) พยานหลักฐานที่หักล้างข้อกล่าวอ้างของจำเลยถึงการกระทำ หรือความประพฤติในส่วนดีของจำเลย ความในวรรคหนึ่งไม่ห้ามการนำสืบพยาน หลักฐานดังกล่าว เพื่อให้ศาลใช้ประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษหรือเพิ่มโทษ

  30. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. •  ข้อความบอกเล่าที่พยานบุคคลมาเบิกความต่อศาล •  ข้อความบอกเล่าที่บันทึกในเอกสาร •  ข้อความบอกเล่าที่บันทึกไว้ในวัตถุอื่นใด 226/2 226/3 226/4

  31. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. ข้อยกเว้น ? 226/2 226/3 226/4

  32. ข้อความซึ่งเป็นการบอกเล่าที่พยานบุคคลใดนำมาเบิกความต่อศาลหรือที่บันทึกไว้ในเอกสารหรือวัตถุอื่นใดซึ่งอ้างเป็นพยานหลักฐานต่อศาล หากนำเสนอเพื่อพิสูจน์ความจริงแห่งข้อความนั้น ให้ถือเป็นพยานบอกเล่า ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบอกเล่า เว้นแต่ (๑) ตามสภาพ ลักษณะ แหล่งที่มา และข้อเท็จจริงแวดล้อมของพยานบอกเล่านั้นน่าเชื่อว่าจะพิสูจน์ความจริงได้ หรือ (๒) มีเหตุจำเป็น เนื่องจากไม่สามารถนำบุคคลซึ่งเป็นผู้ที่ได้เห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเกี่ยวในเรื่องที่จะให้การเป็นพยานนั้นด้วยตนเองโดยตรงมาเป็นพยานได้ และมีเหตุผลสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานบอกเล่านั้น กรณีที่ศาลเห็นว่าไม่ควรรับไว้ซึ่งพยานบอกเล่าใด และคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องร้องคัดค้าน ก่อนที่ศาลจะดำเนินคดีต่อไป ให้ศาลจดรายงานระบุนาม หรือชนิดและลักษณะของพยานบอกเล่า เหตุผลที่ไม่ยอมรับ และข้อคัดค้านของคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องไว้ ส่วนเหตุผลที่คู่ความฝ่ายคัดค้านยกขึ้นอ้างนั้น ให้ศาลใช้ดุลพินิจจดลงไว้ในรายงานหรือกำหนดให้คู่ความฝ่ายนั้นยื่นคำแถลงต่อศาลเพื่อรวมไว้ในสำนวน

  33. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ.  คดีความผิดเกี่ยวกับเพศ ห้ามจำเลยนำสืบหรือถามค้านเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศของผู้เสียหายกับบุคคลอื่น 226/2 226/3 226/4

  34. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. ข้อยกเว้น ? 226/2 226/3 226/4

  35. บทตัดพยานหลักฐานในด้านเนื้อหา ปวอ. ศาลจะอนุญาต ตามคำขอได้ในเฉพาะในกรณีที่ศาลเห็นว่าจะก่อให้เกิดความยุติธรรมในการพิจารณาพิพากษาคดี 226/2 226/3 226/4

  36. บทตัดพยานในด้านวิธีปฏิบัติตาม ปวอ. พยานหลักฐาน พยานเอกสาร และ พยานวัตถุ

  37. บทตัดพยานหลักฐาน 1. กรณีที่กำหนดวันตรวจพยานหลักฐาน (ม. 173/1) คดีที่จำเลยไม่ให้การหรือให้การปฏิเสธและศาลกำหนดให้มีวันตรวจพยานหลักฐานก่อน กำหนดวันนัดสืบพยานโดยแจ้งให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 14 วัน คู่ความต้องยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลพร้อมสำเนา ในจำนวนที่เพียงพอ เพื่อให้คู่ความฝ่ายอื่นรับไปจากเจ้าพนักงานศาลก่อนวันตรวจพยานหลักฐานไม่น้อยกว่า 7 วัน ยื่นเมื่อใดและอย่างไร ?

  38. ยื่นเพิ่มเติมได้หรือไม่ ? (1)คู่ความฝ่ายใดมีความจำนงจะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ให้ยื่นต่อศาลก่อนการตรวจพยานหลักฐานเสร็จสิ้น(ไม่ต้องขออนุญาตจากศาล) (2)การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อล่วงพ้นระยะเวลาเมื่อการตรวจพยานหลักฐานเสร็จสิ้นจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาล และผู้ร้องขอแสดงเหตุอันสมควรว่าไม่สามารถทราบถึงพยานหลักฐานนั้นหรือเป็นกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม หรือให้โอกาสแก่จำเลยในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่

  39. ไม่ยื่นผลเป็นอย่างไร?ไม่ยื่นผลเป็นอย่างไร? (ม. 229/1 วรรคท้าย) ห้ามมิให้ศาลอนุญาตให้สืบและรับฟังพยานหลักฐานใดซึ่งคู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งอ้างพยานหลักฐานนั้นมิได้แสดงความจำนงจะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นตามมาตรา ๑๗๓/๑ วรรคสองหรือวรรคสาม ถ้าศาลเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องคุ้มครองพยาน หรือจะต้องสืบพยานหลักฐานดังกล่าวเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม หรือเพื่อให้โอกาสแก่จำเลยในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ให้ศาลมีอำนาจอนุญาตให้สืบและรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้

  40. 2. กรณีที่มิได้กำหนดวันตรวจพยานหลักฐาน (ม. 229/1) ยื่นเมื่อใดและอย่างไร ? (1) กรณีการไต่สวนมูลฟ้อง หรือการพิจารณาโจทก์ต้องยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐาน โดยแสดงถึงประเภทและลักษณะของวัตถุ สถานที่พอสังเขป หรือเอกสารเท่าที่จะระบุได้ รวมทั้งรายชื่อ ที่อยู่ของบุคคลหรือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งโจทก์ประสงค์จะนำสืบหรือขอให้ศาลไปตรวจหรือแต่งตั้งต่อศาลไม่น้อยกว่า15 วัน ก่อนวันไต่สวนมูลฟ้องหรือวันสืบพยานพร้อมทั้งสำเนาบัญชีระบุพยานหลักฐานดังกล่าวในจำนวนที่เพียงพอเพื่อให้จำเลยรับไป ส่วนจำเลยให้ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานพร้อมสำเนาก่อนวันสืบพยานจำเลย (2) กรณีการไต่สวนกรณีร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบ หรือร้องขอ ให้ศาลริบทรัพย์ บุคคลที่เกี่ยวข้องต้องยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนวันไต่สวนพร้อมทั้งสำเนาบัญชีระบุพยาน หลักฐานดังกล่าวในจำนวนที่เพียงพอ เพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอื่น ถ้ามี รับไป

  41. ยื่นเพิ่มเติมได้หรือไม่ ? กรณีที่ระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานดังกล่าว สิ้นสุดลง (1) คู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งได้ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานไว้แล้วมีเหตุอันสมควรแสดงได้ว่าตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบ หรือ ไม่ทราบว่าพยานหลักฐานบางอย่างได้มีอยู่ หรือ มีเหตุสมควรอื่นใด อาจร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานดังกล่าวต่อศาลพร้อมกับบัญชีระบุพยานหลักฐาน และสำเนาบัญชีระบุพยานหลักฐานนั้นไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนเสร็จสิ้นการสืบพยานของฝ่ายนั้น (2) คู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องฝ่ายใด ซึ่งมิได้ยื่นบัญชีระบุพยาน หลักฐานเช่นว่านั้นแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลได้ว่า มีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้ อาจร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานดังกล่าวต่อศาลพร้อมกับบัญชีระบุพยานหลักฐานและสำเนาบัญชีระบุพยานหลักฐานนั้นไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนเสร็จสิ้นการพิจารณา ทั้งสองกรณี ถ้าศาลเห็นว่าจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานดังกล่าว เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมให้ศาลมีอำนาจอนุญาตให้สืบและรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้

  42. ไม่ยื่นผลเป็นอย่างไร?ไม่ยื่นผลเป็นอย่างไร? ห้ามมิให้ศาลอนุญาตให้สืบและรับฟังพยานหลักฐานใดซึ่งคู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งอ้างพยานหลักฐานนั้นมิได้แสดงความจำนงจะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้นตามวรรคหนึ่ง วรรคสองหรือวรรคสาม แต่ถ้าศาลเห็นว่าจำเป็นที่จะ ต้องคุ้มครองพยาน หรือจะต้องสืบพยานหลักฐานดังกล่าวเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม หรือเพื่อให้โอกาสแก่จำเลยในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ให้ศาลมีอำนาจอนุญาตให้สืบและรับฟังพยาน หลักฐานเช่นว่านั้นได้

  43. บทตัดพยานเอกสาร และ วัตถุ (ม.240) การอ้างและยื่นพยานเอกสาร 1. ศาลมิได้กำหนดให้มีวันตรวจพยานหลักฐานตาม ม. ๑๗๓/๑ 2. คู่ความประสงค์จะอ้างเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของตนเป็นพยานหลักฐาน 3. ต้องยื่นต่อศาลก่อนวันไต่สวนมูลฟ้องหรือวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 15 วัน 4. เพื่อให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมีโอกาสตรวจและขอคัดสำเนาเอกสารก่อนที่จะนำสืบพยานเอกสารนั้น เว้นแต่ (1) บันทึกคำให้การของพยาน (2) เอกสารที่ปรากฏชื่อหรือที่อยู่ของพยาน (3) ศาลเห็นสมควรสั่งเป็นอย่างอื่นอันเนื่องจากสภาพและความจำเป็นแห่งเอกสาร กรณีที่ไม่ต้องส่งเอกสารดังกล่าว เมื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล ให้อ่านหรือส่งให้คู่ความตรวจดู ถ้าคู่ความฝ่ายใดต้องการสำเนา ศาลมีอำนาจสั่งให้ฝ่ายที่อ้างเอกสารนั้นส่งสำเนาให้อีกฝ่ายหนึ่งตามที่เห็นสมควร

  44. ผลของการไม่ส่งพยานเอกสารและพยานวัตถุผลของการไม่ส่งพยานเอกสารและพยานวัตถุ (ม.240 ว.ท้าย) ถ้าคู่ความฝ่ายใดไม่ส่งเอกสารหรือสำเนาเอกสารดังกล่าวหรือไม่ส่งพยานเอกสารหรือพยานวัตถุตามมาตรา ๑๗๓/๒ วรรคหนึ่ง ให้ศาลมีอำนาจไม่รับฟังพยานหลักฐานนั้นเว้นแต่ศาลเห็นว่าเป็นกรณีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม หรือการไม่ปฏิบัติดังกล่าวมิได้เป็นไปโดยจงใจและไม่เสียโอกาสในการดำเนินคดีของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง

  45. หมายเหตุ มาตรา ๑๗๓/๒ ในวันตรวจพยานหลักฐาน ให้คู่ความส่งพยานเอกสารและพยานวัตถุที่ยังอยู่ในความครอบครองของตนต่อศาลเพื่อให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตรวจสอบ เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นอันเนื่องจากสภาพและความจำเป็นแห่งพยานหลักฐานนั้นเอง หรือพยาน หลักฐานนั้นเป็นบันทึกคำให้การของพยาน หลังจากนั้นให้คู่ความแต่ละฝ่ายแถลงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานต่อศาล และให้ศาลสอบถามคู่ความถึงความเกี่ยวข้องกับประเด็นและความจำเป็นที่ต้องสืบพยาน หลักฐานที่อ้างอิงตลอดจนการยอมรับพยานหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง เสร็จแล้วให้ศาลกำหนดวันสืบพยาน และแจ้งให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ในกรณีที่โจทก์ไม่มาศาลในวันตรวจพยานหลักฐาน ให้นำบท บัญญัติมาตรา ๑๖๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

  46. บทชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานบทชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน   บทชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง บทชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานเฉพาะ

  47. บทชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง มาตรา ๒๒๗ ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง อย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย

  48. บทชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานเฉพาะ มาตรา ๒๒๗/๑ ในการวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานบอกเล่า พยานซัดทอดพยานที่จำเลยไม่มีโอกาสถามค้าน หรือพยานหลักฐานที่มีข้อบกพร่องประการอื่นอันอาจกระทบถึงความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานนั้น ศาลจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรเชื่อพยานหลักฐานนั้นโดยลำพังเพื่อลงโทษจำเลย เว้นแต่ จะมีเหตุผลอันหนักแน่น มีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดี หรือมีพยานหลักฐานประกอบอื่นมาสนับสนุน พยานหลักฐานประกอบตามวรรคหนึ่ง หมายถึง พยานหลักฐานอื่นที่รับฟังได้ และมีแหล่งที่มาเป็นอิสระต่างหากจากพยานหลักฐานที่ต้องการพยานหลักฐานประกอบนั้น ทั้งจะต้องมีคุณค่าเชิงพิสูจน์ที่สามารถสนับสนุนให้พยานหลักฐานอื่นที่ไปประกอบมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย หมายเหตุ ?

  49. พยานหลักฐานประกอบ ม. 172 ว.4 ในการสืบพยาน ให้มีการบันทึกคำเบิกความพยานโดยใช้วิธีการบันทึกลงในวัสดุ ซึ่งสามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพและเสียงซึ่งสามารถตรวจสอบถึงความถูกต้องของการบันทึกได้ และให้ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาใช้การบันทึกดังกล่าวประกอบการพิจารณาคดีด้วย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา

  50. พยานหลักฐานประกอบ ม. 172 ตรี ว.ท้าย ในกรณีที่ไม่ได้ตัวพยานมาเบิกความตามวรรคหนึ่งเพราะมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง ให้ศาลรับฟังสื่อภาพและเสียงคำให้การของพยานนั้นในชั้นสอบสวนตามมาตรา ๑๓๓ ทวิ หรือชั้นไต่สวนมูลฟ้องตามมาตรา ๑๗๑ วรรคสอง เสมือนหนึ่งเป็นคำเบิกความของพยานนั้นในชั้นพิจารณาของศาล และให้ศาลรับฟังประกอบพยานอื่นในการพิจารณาพิพากษาคดีได้

More Related