1 / 38

การจัดการความรู้

การจัดการความรู้. การทำงานเป็นทีม โดย สำนักวิชาการ มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น. ทักษะในการทำงานเป็นทีม.

alexis
Télécharger la présentation

การจัดการความรู้

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การจัดการความรู้ การทำงานเป็นทีม โดย สำนักวิชาการ มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น

  2. ทักษะในการทำงานเป็นทีมทักษะในการทำงานเป็นทีม

  3. การทำงานให้สำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถสองอย่างเป็นสำคัญ คือสามารถในการใช้วิชาความรู้อย่างหนึ่ง สามารถในการประสานสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกอย่างหนึ่ง ทั้งสองประการนี้ต้องดำเนินคู่กันไป และจำเป็นต้องกระทำด้วยความสุจริตกาย สุจริตใจ ด้วยความคิด ความเห็นที่เป็นอิสระ ปราศจากอคติ และด้วยความถูกต้อง ตามเหตุตามผลด้วย จึงจะช่วยให้งานบรรลุจุดหมายและประโยชน์ที่พึงประสงค์โดยครบถ้วน ( พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว)

  4. การทำงานไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะ ไม่จำเป็นต้องเหนือผู้อื่น แต่ขอให้ทำงานร่วมกับเขาได้ งานนั้นก็จะสำเร็จ

  5. ทำไมจะต้องทำงานเป็นทีมทำไมจะต้องทำงานเป็นทีม ทำงานเก่งคนเดียว เก่งได้ไม่นาน เอาความเก่งของแต่ละคนมารวมกัน หลายหัวดีกว่าหัวเดียว

  6. ประเด็นที่สำคัญ แนวคิดและหลักการเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน ขั้นตอนการทำงานเป็นทีม ปัญหาและอุปสรรคของการทำงานเป็นทีม ลักษณะของทีมที่มีประสิทธิภาพ ความสำคัญในการสื่อสาร การเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการสื่อสารเพื่อประสานงานในการทำงานเป็นทีม

  7. ความสำคัญของทีม การสร้างทีมงานและการพัฒนาองค์กรนั้นเป็นกิจกรรมที่ดีที่สุด การทำงานเป็นทีม จะเป็นประโยชน์สูงสุดขององค์กร และมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่าการทำงานคนเดียว แต่การสร้างทีมงานนั้นต้องใช้ เวลา ในการพัฒนาบุคคล และพัฒนาทีมงานพอสมควร จึงจะเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ

  8. ลักษณะการทำงานร่วมกันลักษณะการทำงานร่วมกัน • ทำงานแบบเอาบุคคลมารวมกลุ่ม ไม่มีการแบ่งหน้าที่ ไม่มีกฏระเบียบ ไม่มีวัตถุประสงค์ ผลงานอาจสูงหรือต่ำ • ทำงานร่วมกันแบบเป็นคณะหรือเป็นทีม โดย สมาชิกทราบวัตถุประสงค์ รู้หน้าที่ มีกฏระเบียบผลงานออกมาสูงเป็นที่พอใจของสมาชิก ทุกคนพอใจในผลงาน

  9. ทีม ทีม ทีม ทีม ทีม กลุ่มของบุคคลที่ทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เดียวกัน โดยสมาชิกต้องเสียสละความเป็นส่วนตัว มีความเข้าใจ มีความผูกพันและให้ความร่วมมือกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของทีมได้

  10. ทีม การที่บุคคล 2 คน ขึ้นไป มาทำงานร่วมกัน เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ และผู้ปฏิบัติต่างเกิดความพอใจในการปฏิบัติต่อกัน และกัน ผลงานที่ได้มาจากการร่วมแรงร่วมใจกัน ของสมาชิกในทีมที่มีประสิทธิภาพ บรรยากาศใน - ทีมงานสมาชิกจะมีความรู้สึกมีความสุขสนุกสนาน และรู้สึกว่าตนเองก้าวหน้าประสบความสำเร็จ

  11. แนวคิดและหลักการเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันของบุคคลแนวคิดและหลักการเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันของบุคคล “No two persons are alike” ไม่มีคนสองคนที่เหมือนกัน

  12. 1. การยอมรับความแตกต่างของบุคคล ความเชื่อถือ ค่านิยม ทางด้านร่างกาย ด้านการรับรู้ จิตใจ ด้านประสบการณ์ อารมณ์ อื่นๆ ความรู้สึก บุคลิกภาพ

  13. 2. แรงจูงใจของมนุษย์ 5. ความต้องการความสมหวังในชีวิต 4. ความต้องการที่จะมีชื่อเสียง 3. ความต้องการทางสังคม 2. ความต้องการด้านความมั่นคง 1. ความต้องการด้านร่างกาย

  14. 3. ธรรมชาติมนุษย์ 3.1 มนุษย์พฤติกรรม (การแสดงออกทางวาจา สีหน้า ท่าทาง) 3.2 มนุษย์มีความรู้สึกนึกคิด (เหตุที่มนุษย์มีความรัก เกลียด กลัว โกรธ ชิงชัง ชอบ) 3.3 มนุษย์มีปัญญา ( ฉลาด โง่ ในตัวเอง ) ก. ชอบแสดงตัว (EXTROVERT) ข. ชอบเก็บตัว (INTROVERT) ค. หัวรุนแรง (AMBIVERT)

  15. วัตถุประสงค์และเป้าหมายวัตถุประสงค์และเป้าหมาย การแก้ปัญหาข้อขัดแย้ง การสร้างความร่วมมือ กิจกรรม องค์ประกอบการทำงานเป็นทีม วิธีทำงาน ผลงานสูง การติดต่อสื่อสาร ความพอใจ หน้าที่และบทบาท ความเข้าใจซึ่งกันและกัน กฎ ระเบียบ ผู้นำ

  16. ทีมงานที่มีประสิทธิภาพทีมงานที่มีประสิทธิภาพ สมาชิกทุกคน เข้าใจวัตถุประสงค์และเป้าหมายชัดเจน เปิดเผยจริงใจและร่วมกันแก้ปัญหา สนับสนุนไว้วางใจ ยอมรับ และรับฟังกัน ร่วมมือกัน ใช้ความขัดแย้งในเชิงสร้างสรรค์ ทบทวนการปฏิบัติงานและตื่นตัวตลอดเวลา มีการพัฒนาตนเอง รู้จักตนเองและรู้จักผู้อื่น เข้าใจต่อเพื่อนร่วมงาน และสามารถร่วมกลุ่มกันได้เป็นอย่างดี

  17. ขั้นตอนการทำงานเป็นทีมขั้นตอนการทำงานเป็นทีม ขั้นตอนการทำงานเป็นทีม ประเมินขั้นสุดท้าย ติดตามผล และนิเทศงาน ปฏิบัติจริงตามแผน แบ่งงานให้สมาชิกของทีม กำหนดกิจกรรม วางแผนการทำงาน กำหนดเป้าหมายร่วมกัน วิเคราะห์งาน

  18. อุปสรรคของการทำงานเป็นทีมอุปสรรคของการทำงานเป็นทีม สามัคคีนั้นดีอยู่แต่ตัวข้าพเจ้าต้องเป็นใหญ่ ทำงานคนเดียวดีและเก่ง ทำงานหลายคนเจ๊ง ต่างคนต่างอยู่ ธุระไม่ใช่ มากคนก็มากเรื่อง ชิงดี ชิงเด่น ทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้ มองเห็นแต่ผลประโยชน์ส่วนตน มองไม่เห็นส่วนทั้งหมด

  19. ปัจจัยที่ทำให้ทีมไม่ประสบความสำเร็จปัจจัยที่ทำให้ทีมไม่ประสบความสำเร็จ คน วิธีการทำงาน

  20. อุปสรรคการทำงานเป็นทีมอุปสรรคการทำงานเป็นทีม 1. ขาดการตกลงกันตั้งแต่เริ่มต้น ขาดการพูดกัน ไม่แจ้งเป้าหมายของงาน 2. มีการปกปิดข้อมูลผิดพลาดที่ผ่านมา สมาชิกหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญปัญหาและ ร่วมกันวิเคราะห์ปัญหา 3. ไม่ได้ใช้วิธีการประชุมหารือ เป็นเครื่องกระตุ้นเพื่อให้สมาชิกเกิด ความรู้สึกผูกพัน 4. ขาดการวางแผนงานและเวลา 5. ไม่มีการแบ่งความรับผิดชอบ เพื่อให้สมาชิกได้รู้บทบาทที่ชัดเจน 6. ขาดการประเมินผลการทำงานของทีม ตารางตรวจติดตามประเมินผล

  21. แนวทางการลดปัญหาในการทำงานเป็นทีมแนวทางการลดปัญหาในการทำงานเป็นทีม 1. สร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี 2. มอบหมายงานต้องชัดเจนแน่นอน 3. ยอมรับในเรื่องความแตกต่างของสมาชิก 4. ให้ใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 5. ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย 6. กำหนดจำนวนผู้ทำงานให้เหมาะสม 7. ให้ทุกคนมีวินัยในการทำงาน และทำตามกฎระเบียบ

  22. แนวทางการลดปัญหาในการทำงานเป็นทีมแนวทางการลดปัญหาในการทำงานเป็นทีม 8. จะต้องกำหนดกิจกรรมนั้นๆ จะมีวิธีปฏิบัติอย่างไร 9. จะต้องทำที่ไหน อย่างไร เพื่ออะไร เวลาใด โดยใคร 10. จะต้องใช้ทรัพยากรอะไรบ้าง 11. จะประสานกับกิจกรรมอื่น ๆ อย่างไร

  23. ทีมที่ดีควรเป็นอย่างไรทีมที่ดีควรเป็นอย่างไร 1. สมาชิกทุ่มเทกำลังกาย ความคิด เพื่องาน และความสำเร็จ 2. ทุกคนตระหนักว่าเป็นผลงานของทีม ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง 3. ทุกคนแสดงความคิดเห็นอย่างจริงใจ เปิดเผย 4. ไม่มีการเล่นการเมือง 5. แก้ปัญหาโดยเร็ว

  24. 6. แข่งขันกันเพื่อดีกว่า หรือมากกว่า ไม่ใช่ เพื่อเด่นหรือทำลาย 7. เชื่อมั่น และไว้วางใจกัน 8. มีบรรยากาศของการช่วยเหลือเกื้อกูล 9. มีความผิดพลาดจะต้องช่วยกันแก้ไข เหมือนของตนเอง 10. ถือความสำเร็จของงานเป็นหลัก เปิดโอกาส ให้มีการเรียนรู้

  25. ทีมงานสร้างผลสัมฤทธิ์ทีมงานสร้างผลสัมฤทธิ์ ขั้นที่หนึ่ ง เป็นหนึ่งเดียวกัน (ONENESS) ขั้นที่สอง ประชุมสม่ำเสมอ ขั้นที่สาม สื่อสารทั่วถึง และหาแนวร่วม ขั้นที่สี่ นำเสนอเป็นระยะ ขั้นที่ห้า พบปัญหา ทบทวนใหม่ (เป้าหมาย วัตถุประสงค์ ผลสัมฤทธิ์ที่คาดหมาย) ขั้นที่หก ประเมินตรวจสอบเป็นระยะ ขั้นที่เจ็ด ตรวจสอบความรู้สึก ความคิด สร้างบรรยากาศร่วมกันในการทำงาน

  26. ยุทธวิธีเสริมสร้างตัวเราให้ผู้อื่นอยากร่วมงานด้วยยุทธวิธีเสริมสร้างตัวเราให้ผู้อื่นอยากร่วมงานด้วย มีอารมณ์มั่นคง มีความเป็นประชาธิปไตย มีความรับผิดชอบสูง มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ ไม่จู้จี้จุกจิกเจ้าระเบียบเกินไป

  27. ยุทธวิธี (ต่อ) ไม่เป็นคนดูถูกดูหมิ่นผู้อื่น มีความสุภาพ อ่อนโยน เมตตา เห็นประโยชน์ส่วนรวม มีความซื่อสัตย์ สุจริต รู้จักชมเชยให้กำลังใจเพื่อนร่วมงาน

  28. การให้และรับความร่วมมือการให้และรับความร่วมมือ ความร่วมมือเป็นฉันใดใคร่จะรู้ มันแฝงอยู่แห่งไหนให้ฉงนเหตุไฉนจึงติดปากแทบทุกคน บ้างก็บ่น “เขาไม่ให้ความร่วมมือ”ใครได้รับ ความร่วมมือ ก็ชอบจิต งามสัมฤทธิ์สมหวังดังยึดถือทุกคนต่างหวังจะได้ “ความร่วมมือ” ใครบ้างหรือคิดจะ “ให้” โดยไม่แคลง หากคิดอยากจะ “ได้” จากใครเขาก็ตัวเรา “ให้” หรือยัง ดังแถลง อันน้ำใจไมตรีที่แสดง ย่อมเป็นแหล่งสร้างมิตรสนิทนาน ผศ. กิติยวดี บุญซื่อ

  29. การสื่อสาร คือ การถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ จากผู้พูดไปสู่ผู้ฟังโดยใช้ถ้อยคำ ภาษา น้ำเสียงและกิริยาท่าทาง

  30. การสื่อสารเพื่อความเข้าใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องการสื่อสารเพื่อความเข้าใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง คุณลักษณะและตัวชี้วัดการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพ การพูดเพื่อโน้มน้าวและสร้างการยอมรับ การสื่อสารด้วยภาษาเขียน รายงานผลกระชับ และเป็นที่ยอมรับ  เทคนิคการนำเสนอต่อกลุ่ม

  31. ปัจจัยความสำเร็จของผู้พูดปัจจัยความสำเร็จของผู้พูด 1.ทำความเข้าใจกับผู้รับข่าว 2.ทำให้เป็นเรื่องง่าย 3.ตรงประเด็น 4.สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง

  32. ข้อปฏิบัติของผู้รับข่าว หรือผู้ฟังข้อมูลข่าวสาร 1.สบตาผู้พูดระหว่างฟัง 2.ใช้ภาษาท่าทางและสีหน้า แสดงให้เห็น ว่าตั้งใจฟัง เช่น สบตา 3.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เบี่ยงเบน ความสนใจหรือแสดงการเบื่อ 4.ถามคำถามที่เกี่ยวข้อง

  33. 5.ทบทวนด้วยการใช้คำพูดของผู้ฟัง5.ทบทวนด้วยการใช้คำพูดของผู้ฟัง 6. หลีกเลี่ยงการขัดจังหวะผู้พูด 7.อย่าพูดมากกว่าผู้ให้ข้อมูล หรือ ผู้สื่อสาร 8.เชื่อมโยงบทบาทอย่างนุ่มนวล ระหว่าง ผู้สื่อสารและผู้รับสารด้วยการทบทวนความเข้าใจ ถามคำถาม ฯลฯ

  34. พูดโน้มน้าวหรือจูงใจ การพูดในเชิงชักชวน เกลี้ยกล่อม โน้มน้าว ให้ผู้ฟังเชื่อถือ ศรัทธา มีความคิดเห็นคล้อยตาม ยอมรับ และปฏิบัติตาม ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ

  35. ตากับตีน ตีนกันตาอยู่กันมาแสนผาสุก จะนั่งลุกยืนเดินเพลินหนักหนา วันหนึ่งตีนทะลึ่งเอ่ยปรัชญา ว่าตีนมีคุณต่อตา เสียจริง ๆ ตีนพาตาไปในที่ต่าง ๆ ตาจึงได้ชมนาง สรรพสิ่ง เพราะฉะนั้นดวงตาจงประวิง ว่าตีนนี้เป็นสิ่ง ควรบูชา

  36. ตาได้ฟังตีนคุยโม้ก็หมั่นไส้ ตาได้ฟังตีนคุยโม้ก็หมั่นไส้ จึงร้องบอกออกไป ด้วยโทสา ว่าที่ตีนไปไหนมาไหนได้ก็เพราะตา ดูมรรคาเศษแก้วหนาม ไม่ตำตีน เพราะฉะนั้นตาจึงสำคัญกว่า ขอตีนอย่าได้มา คิดดูหมิ่น สรุปแล้วตามีค่าสูงกว่าตีน ทั่วธานินตีนไปได้ ก็เพราะตา

  37. ตีนได้ฟังให้คั่งแค้นแสนจะโกรธตีนได้ฟังให้คั่งแค้นแสนจะโกรธ ก็พิโรธกระโดดไปใกล้หน้าผา เพราะอวดดีคุยเบ่งเก่งกว่าตา ดวงชีวาจะดับไป ไม่รู้เลย ตาเห็นตีนทำเก่งเร่งกระโดด ก็พิโรธแกล้งระงับ หลับตาเฉย ตีนพาตาถลาล้มทั้งก้มเงย ตกแล้วเหวยตายห่า ทั้งตาตีน

  38. สวัสดีคะ

More Related