240 likes | 751 Vues
บทที่ 4. การกระจายตัวของยา (Drug Distribution). การกระจายตัวของยา หมายถึง การที่ยาเคลื่อนที่ จากเลือด ผ่านเนื้อเยื่อไปยังอวัยวะต่างๆ ของ ร่างกายและไปยัง บริเวณที่ยาออกฤทธิ์ ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกระจายของยา คือ น้ำเลือด ผนังเส้นเลือดฝอย และเยื่อบุของอวัยวะ.
E N D
บทที่ 4 การกระจายตัวของยา (Drug Distribution) การออกฤทธิ์ของยา
การกระจายตัวของยา • หมายถึง การที่ยาเคลื่อนที่จากเลือดผ่านเนื้อเยื่อไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกายและไปยัง บริเวณที่ยาออกฤทธิ์ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกระจายของยา คือ น้ำเลือด ผนังเส้นเลือดฝอยและเยื่อบุของอวัยวะ ปกติ “เลือด” ไม่ใช่บริเวณที่ยาออกฤทธิ์ แต่เป็นส่วนลำเลียงยาไปยังอวัยวะเป้าหมาย
เมื่อยาถูกดูดซึมแล้วจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน • 1. ส่วนที่เข้ารวมกับโปรตีนในเลือด (albumin) แบบชั่วคราว(reversible) เรียกว่า Bound drugทำให้โมเลกุลใหญ่ขึ้น จึงไม่สามารถผ่านผนังเส้นเลือดได้และยาส่วนนี้จะอยู่ในร่างกายได้นานกว่าปกติ • 2. ส่วนที่ไม่จับกับโปรตีนแต่ละลายอยู่ในน้ำเลือด เรียกว่า Free drugเป็นยาอิสระและเป็นส่วนที่ออกฤทธิ์ในการรักษา • 3. ส่วนสุดท้ายจะจับตัวกับเนื้อเยื่อของอวัยวะบางชนิด การออกฤทธิ์ของยา
รูปที่ 3-5 แสดงถึงชนิดและสัดส่วนของพลาสมาโปรตีนชนิดต่างๆ และตัวอย่างยาที่จับกับพลาสมาโปรตีนแต่ละชนิด การออกฤทธิ์ของยา
ยาที่มีค่า protein-binding ability สูง แสดงว่าละลายได้ดีในส่วน lipidของ plasma ส่วนค่าต่ำแสดงว่าละลายในส่วนน้ำ และลำเลียงไปในส่วน aqueous phase ของ plasma • free drug เป็นยาส่วนเล็กน้อยเท่านั้นที่ไปออกฤทธิ์ที่อวัยวะเป้าหมาย ยาพวกนี้ ออกจากกระแสเลือดได้เร็ว และขึ้นอยู่กับ concentration gradient คือจากความเข้มข้นสูงไปยังความเข้มข้นต่ำ • ยาส่วนใหญ่ที่เหลือยังคงอยู่ใน interstitial fluid, plasma, fatty tissue, non target organs การออกฤทธิ์ของยา
รูปที่ 3-6 แสดงถึง อิทธิพลของสิ่งต่างๆ ต่อระดับยาในเลือดและ/ หรือฤทธิ์ของยา การออกฤทธิ์ของยา
Dosage consideration • เมื่อยาจะออกฤทธิ์ โมเลกุลของยาที่เป็น free drug ต้องทำปฎิกริยากับตัวที่อวัยวะเป้าหมาย ซึ่งหากเข้ากันได้พอดี จะทำให้เกิด biological effect ได้ผลในการออกฤทธิ์ • เนื่องจาก 80% ของเซลเป็นของเหลวดังนั้นยาในรูปของแข็งจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้อยู่ในรูปของเหลวก่อนที่จะมีการดูดซึม และจะต้องมีขนาดยาที่สามารถกระจายไปทั่วร่างกาย และถึงระดับที่พอเพียงที่จะมาจับกับ receptor เพื่อทำให้เกิดฤทธิ์ การออกฤทธิ์ของยา
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการกระจายยา 1. Concentration gradient 2. สภาพร่างกาย 3. Barrier 4. ปริมาณเลือดที่ไหลไปยังอวัยวะ การออกฤทธิ์ของยา
1. Concentration gradient • ร่างกายสัตว์เป็น biological system ทำให้ยากระจาย จากบริเวณที่ให้ยาไป ยังส่วนต่างๆไม่เท่ากันทั่วร่างกาย เนื่องจากมีขบวนการหลายหลาก เช่น ขบวนการของเอ็นซัยม์ และ barrier ต่าง ๆ • ความแตกต่างของความเข้มข้นยาในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทำให้เกิด concentration gradient โดยที่โมเลกุลของยามีแนวโน้มเคลื่อนที่จากความเข้มข้นสูงไปยังความเข้มข้นต่ำ การออกฤทธิ์ของยา
2. สภาพร่างกาย • สัตว์อ่อนแอขาดอาหารจะทำให้โปรตีน ในเลือดต่ำ เมื่อยาถูกดูดซึมเข้าไปในเลือด ก็จะรวมกับโปรตีนในเลือดซึ่งมีอยู่ น้อยกว่าระดับปกติ ทำให้เหลือยาในรูป free drug มากเกินไป เปรียบเหมือนกับ การได้รับยาในขนาดที่สูงกว่าปกติ ทำให้มีโอกาสแพ้ยาได้ง่ายขึ้น การออกฤทธิ์ของยา
2. สภาพร่างกาย (ต่อ) • สัตว์ที่อ้วนหรือถ้าขาดอาหารไม่สมดุลและมีไขมันมาก ไขมันจะเก็บยาไว้ได้มาก ทำให้ต้องเพิ่มขนาดยาขึ้นเพื่อให้ออกฤทธิ์ได้ตามปกติ แต่ต่อมายาในไขมันอาจจะออกมาในกระแสเลือดอีก • กรณีบวมน้ำ จะมียาเข้าไปอยู่ในน้ำระหว่างเซลมาก ทำให้ต้องเพิ่มขนาดยา กรณีขาดน้ำซึ่งมีการสูญเสียน้ำในเซลและน้ำระหว่างเซล ทำให้มียาในเลือด สูงเกินไป การออกฤทธิ์ของยา
3. Barrier 3.1. Blood-brain barrier (BBB) • ยาเคลื่อนที่ไปยังระบบประสาทส่วนกลางได้ 2 ทาง คือ • 1. ทางหลอดเลือดฝอย • 2. ทางน้ำหล่อเลี้ยงสมองส่วนไขสันหลัง (cerebrospinal fluid) การออกฤทธิ์ของยา
3. Barrier 3.1. Blood-brain barrier (BBB) (ต่อ) • เป็นโครงสร้างทางกายภาพของเส้นเลือดฝอย (capillaries) ที่ไปเลี้ยงเนื้อเยื่อสมอง ซึ่งต่างจากเส้นเลือดฝอยที่อวัยวะอื่น ๆ คือ • 1. มีลักษณะเป็น tight junction ไม่มีช่องเปิดเหมือนกับ peripheral capillaries • 2. มีจำนวน mitochondria มากเพื่อใช้ในการสร้าง ATP สำหรับขบวนการ active transport system • 3. รอบ ๆ brain capillaries มี cells ชนิดหนึ่งเรียก astrocyte ซึ่งจะมี ส่วน astrocyte foot process มี sheath ที่หนาประมาณ 300-500 0 A ไม่มีรูที่มองเห็นได้มาหุ้มรอบ brain capillaries ทำให้มีผลควบคุม brain capillary permeability
3.1. Blood-brain barrier (BBB) (ต่อ) • โดยปกติอาหารแทรกผ่าน BBB ได้แต่สิ่งแปลกปลอม (เช่นยา) ผ่านเข้ายาก • เนื่องจากไม่มีช่องว่างระหว่างเซลที่พอจะให้โมเลกุลแทรกผ่านได้ ยาจะต้องมีความสามารถซึมผ่านเซลประสาทได้โดยตรง ซึ่งยานั้นจะต้องโมเลกุลยาขนาดเล็กมาก หรือมีคุณสมบัติที่ละลายในไขมันได้ดีและอยู่ในสภาพ non-ionized form การออกฤทธิ์ของยา รูปที่ 3-7 แสดงผนังเส้นเลือดฝอย
ภาพแสดงการกระจายตัวของยาเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลางที่ตำแหน่งแตกต่างกันภาพแสดงการกระจายตัวของยาเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลางที่ตำแหน่งแตกต่างกัน การออกฤทธิ์ของยา
3.1. Blood-brain barrier (BBB) (ต่อ) • การทำงานของ BBB จะเสียไปถ้าสมองได้รับกระทบกระเทือนเช่นได้รับบาดเจ็บทางสมอง หรือเกิดการติดเชื้อที่สมองทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ การออกฤทธิ์ของยา
3.2 Placental barrier • เป็น barrier ที่ไม่แน่นหนาเท่ากับที่สมอง เนื่องจากมีโครงสร้างกายภาพของ capillaries เหมือนอวัยวะอื่น ๆ แต่ที่รกนี้จะมีเนื้อเยื่อ ของส่วนแม่และลูกมาประสานกันทำให้มีเซลหลายชั้นมากขึ้นและเป็นผลทำให้มีการดูดซึมของยาได้น้อยลง • ยาที่จะดูดซึมผ่านรกได้ จะต้องมีโมเลกุลไม่ใหญ่เกิน ไป (<600 A) หรือมีคุณสมบัติที่ละลายในไขมันได้ดีและอยู่ในสภาพ non-ionized form • มียาหลายชนิดที่สามารถผ่านไปสู่รก และมีผลเสียต่อลูกได้ เช่น ยาสลบ ยาสเตียรอยด์ แอลกอฮอล์ เป็นต้น การออกฤทธิ์ของยา
4. ปริมาณเลือดที่ไหลไปยังอวัยวะ ส่วนของร่างกายที่มีปริมาณเลือดไปเลี้ยงสูง เช่น หัวใจ ปอด ตับ ไต ได้รับยาในปริมาณสูงกว่าและระดับสมดุลได้เร็วกว่าอวัยวะที่มีเลือดไปเลี้ยงน้อย เช่น กล้ามเนื้อ ไขมัน แต่การกักเก็บยาในเนื้อเยื่อนั้นก็ขึ้นกับปัจจัยอื่นด้วย การออกฤทธิ์ของยา
การสะสมของยาในร่างกายการสะสมของยาในร่างกาย • ยาไม่กระจายอย่างสม่ำเสมอในทุกอวัยวะ แต่จะมีการสะสมในบางอวัยวะ เช่น 1. เนื้อเยื่อไขมัน • ยาพวก lipid-soluble ที่อยู่ในกระแสเลือด ผ่านเข้าไปในเนื้อเยื่อไขมันได้อย่างง่าย โดยไขมันจะทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บยาทำให้เหลือปริมาณยาfree drug ในเลือดไม่ถึงระดับที่ต้องการ ซึ่งจะต้องให้ยาเพิ่ม แต่ถ้าให้ยามากเกินไปอาจจะเป็นอันตรายจากการที่มียาซึมออกจากไขมัน(Redistribution) การออกฤทธิ์ของยา
การสะสมของยาในร่างกาย(ต่อ)การสะสมของยาในร่างกาย(ต่อ) 2. ตา • ยาหลายชนิดมีความจำเพาะที่จะจับกับสารสีในretina ในตา อาจทำให้เกิดการเป็นพิษต่อตาได้ 3. ไต • เนื่องจากไตเป็นอวัยวะที่มีเลือดมาเลี้ยงมาก และยังมีโปรตีนชื่อ metallothionein ทำให้สามารถจับกับโลหะและเป็นที่สะสมของยาบางชนิดได้ เช่น ยาต้านจุลชีพในกลุ่ม Aminoglycosides การออกฤทธิ์ของยา
4. ปอด • เป็นอวัยวะที่รับเลือดมากที่สุดในร่างกาย ยาที่มีการสะสมที่ปอดคือยาที่มีคุณสมบัติเป็นเบส 5. กระดูก • ยาที่สะสมที่กระดูกคือยาที่สามารถสร้างสารประกอบกับส่วนประกอบของกระดูกได้ เช่น Tetracycline และ โลหะหนักเป็นต้น การออกฤทธิ์ของยา