1 / 40

ความปลอดภัยบนเครือข่าย และเทคนิคการเข้ารหัส

ความปลอดภัยบนเครือข่าย และเทคนิคการเข้ารหัส. Network Security and Cryptography. จุดประสงค์การเรียนรู้. นำมาตรฐานความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่เหมาะสมไปใช้งานจริงได้ เข้าใจเทคนิคพื้นฐานการเข้ารหัส และการถอดรหัสข้อมูล บอกศัพท์เทคนิคเกี่ยวกับคริพโตกราฟีได้

britany
Télécharger la présentation

ความปลอดภัยบนเครือข่าย และเทคนิคการเข้ารหัส

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ความปลอดภัยบนเครือข่ายและเทคนิคการเข้ารหัสความปลอดภัยบนเครือข่ายและเทคนิคการเข้ารหัส Network Security and Cryptography

  2. จุดประสงค์การเรียนรู้จุดประสงค์การเรียนรู้ • นำมาตรฐานความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่เหมาะสมไปใช้งานจริงได้ • เข้าใจเทคนิคพื้นฐานการเข้ารหัส และการถอดรหัสข้อมูล • บอกศัพท์เทคนิคเกี่ยวกับคริพโตกราฟีได้ • นำเทคนิควิธีการเข้ารหัสต่างๆ ไปประยุกต์ใช้ด้วยการเขียนโปรแกรมเพื่อใช้งานได้ • เข้าใจหลักการเข้ารหัสกุญแจสาธารณะ ลายเซ็นดิจิตอล และ PGP • อธิบายหลักการทำงานของไฟล์วอลล์ได้

  3. มาตรฐานความปลอดภัยขั้นพื้นฐานมาตรฐานความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน (Basic Security Measure)

  4. มาตรฐานความปลอดภัยขั้นพื้นฐานมาตรฐานความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน แบ่งได้เป็น 7 ประเภทดังนี้ • ความปลอดภัยด้านภายนอก (External Security) • ความปลอดภัยด้านการปฏิบัติงาน (Operational Security) • การตรวจตราเฝ้าระวัง (Surveillance) • การใช้รหัสผ่าน และระบบแสดงตัวตน (Passwords and ID Systems) • การตรวจสอบ (Auditing) • การกำหนดสิทธิการใช้งาน (Access Rights) • การป้องกันไวรัส (Guarding Against Viruses)

  5. ความปลอดภัยด้านภายนอก (External Security) • เป็นลักษณะการป้องกันความเสียหายทางด้านกายภาพ เน้นเพื่อสร้างความปลอดภัยกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น • การยึดอุปกรณ์ไว้กับโต๊ะ เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายและขโมย • การจัดวางสายเคเบิลให้ถูกสัดส่วน ไม่ระเกะระกะ • การป้องกันทางไฟฟ้าด้วยอุปกรณ์ปรับแรงดันไฟฟ้า ให้อยู่ในระดับแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสม

  6. ความปลอดภัยด้านการปฏิบัติงาน (Operational Security) • เน้นที่การสร้างข้อจำกัดในการเข้าถึงระบบ เช่น • การกำหนดระดับการใช้งานของผู้ใช้ (ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน, สิทธิการใช้งาน) • การกำหนดช่วงวันเวลาที่อนุญาตให้เข้าระบบ

  7. การตรวจตราเฝ้าระวัง (Surveillance) • เน้นที่การนำกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมาใช้งาน • เพื่อตรวจตราพฤติกรรม และเหตุการณ์เคลื่อนไหวของบุคคลต่างๆ ภายในบริเวณที่ติดตั้งกล้อง

  8. การใช้รหัสผ่าน และระบบแสดงตัวตน (Passwords and ID Systems) • เน้นที่การยืนยันรหัสผ่านก่อนเข้าสู่ระบบ • หากรหัสผ่านไม่ถูกต้อง จะไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้ • รวมถึงระบบการแสดงตัวตนด้วยเทคโนโลยีไบโอเมตริก ในกรณีที่ต้องการความปลอดภัยเป็นพิเศษ เช่น • การพิสูจน์บุคคลด้วยลายนิ้วมือ - ระบบแสกนลายนิ้วมือ • การพิสูจน์บุคคลด้วยเรตินา - การใช้เลนส์ม่านตา • การพิสูจน์บุคคลด้วยลายเซ็น • การพิสูจน์บุคคลด้วยอุณหภูมิ • การพิสูจน์บุคคลด้วยเสียง

  9. การตรวจสอบ (Auditing) • เน้นที่การตรวจสอบ Transaction ต่างๆ ที่เข้ามาในระบบ • ปกติใช้ซอฟต์แวร์บันทึกTransaction ต่างๆ • โดยบันทึกใน Log File เพื่อใช้ในการตรวจสอบ และสังเกตพฤติกรรมของเจ้าของ Transaction นั้นได้

  10. การกำหนดสิทธิการใช้งาน (Access Rights) • เน้นที่การกำหนดสิทธิการใช้งาน ในเรื่องของไฟล์ข้อมูล และอุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่าย โดยพิจารณาจาก 2 ปัจจัย คือ • การกำหนดสิทธิการใช้งานให้กับใคร • ผู้ที่มีสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรในเครือข่าย จะเข้าถึงข้อมูลได้อย่างไร เช่น • อ่านได้อย่างเดียว • แก้ไขได้ • เพิ่มข้อมูลได้ • สั่งพิมพ์ได้

  11. การป้องกันไวรัส (Guarding Against Viruses) • เน้นที่การป้องกันไวรัสที่อาจแฝงเข้ามาผ่านระบบเครือข่าย หรือผ่านทางสื่อบันทึกข้อมูล • ปกติใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส และต้องอัปเดตโปรแกรมอย่างสม่ำเสมอ

  12. เทคนิคพื้นฐานการเข้ารหัสข้อมูลและการถอดรหัสข้อมูลเทคนิคพื้นฐานการเข้ารหัสข้อมูลและการถอดรหัสข้อมูล Basic Encryption and Decryption Techniques

  13. How are you feeling today HXEOWYLP 34ACJLKLO GDEABCQ…. Encryption Algorithm Ciphertext Plain text Key • คริพโตกราฟี (Cryptography) เป็นการรวมหลักการและกรรมวิธีของการแปลงรูปข้มูลข่าวสารต้นฉบับ ให้อยู่ในรูปแบบของข้มูลข่าวสารที่ได้ผ่านการเข้ารหัส และการนำข่าวสารนี้ไปใช้งาน จะต้องมีการแปลงรูปใหม่ เพื่อให้กลับมาเป็นข้อมูลข่าวสารเหมือนต้นฉบับเดิม • Plain text คือ ข้อมูลต้นฉบับซึ่งเป็นข้อความที่สามารถอ่านแล้วเข้าใจ • Encryption Algorithm คือ ขั้นตอนวิธีในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการแปลงข้อมูลต้นฉบับเป็นข้อมูลที่ได้รับการเข้ารหัส • Ciphertext คือ ข้อมูลหรือข่าวสารที่ได้รับการเข้ารหัส ทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง • Key คือ เป็นกุญแจที่ใช้ร่วมกับ อัลกอริทึมในการเข้ารหัส และถอดรหัส

  14. เทคนิคและแนวทางในการเข้ารหัสข้อมูลเทคนิคและแนวทางในการเข้ารหัสข้อมูล เพื่อแปลงเพลนเท็กซ์ เป็นไซเฟอร์เท็ก แบ่งได้ 2 วิธี ดังนี้ • เทคนิคการแทนที่ (Substitution Techniques) มีข้อเสียในเรื่องของการซ้ำกันของตัวอักษร ประกอบด้วย • การเข้ารหัสด้วยวิธีแทนที่แบบโมโนอัลฟาเบติค • การเข้ารหัสด้วยวิธีแทนที่แบบโพลีอัลฟาเบติค • เทคนิคการสับเปลี่ยน (Transposition Techniques) เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพดีกว่า สามารถแก้ปัญหาการซ้ำกันของตัวอักษรรวมถึงยากต่อการถอดรหัส ซึ่งประกอบด้วย • การเข้ารหัสด้วยวิธีการสับเปลี่ยนแบบเรลเฟ็นซ์ • การเข้ารหัสด้วยวิธีการสับเปลี่ยนแบบคอลัมน์

  15. เทคนิคการแทนที่ (Substitution Techniques) • การเข้ารหัสด้วยวิธีแทนที่แบบโมโนอัลฟาเบติค (Monoalphabetic Substitution-Based Cipher) • เป็นเทคนิคการเข้ารหัสอย่างง่าย โดยทำการจับคู่ตัวอักษร ระหว่างเพลนเท็กซ์ และไซเฟอร์เท็กซ์ • มีข้อเสีย เนื่องจากทำให้เกิดการซ้ำกันของตัวอักษรและถอดรหัสได้ง่าย

  16. เทคนิคการแทนที่ (Substitution Techniques) A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z A C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z A B . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . Z A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y • การเข้ารหัสด้วยวิธีแทนที่แบบโพลีอัลฟาเบติค (Polyalphabetic Substitution-Based Cipher) • ปรับปรุงข้อเสียของแบบโมโนอัลฟาเบติค • คล้ายคลึงกับแบบโมโนอัลฟาเบติค แต่จะมีคีย์เข้ามาเกี่ยวข้อง และใช้เมทริกซ์ร่วมด้วย

  17. เทคนิคการสับเปลี่ยน (Transposition Techniques) • การเข้ารหัสด้วยวิธีการสับเปลี่ยนแบบเรลเฟ็นซ์ (Rail Fence Transposition Cipher) • เป็นการเข้ารหัสอย่างง่าย ใช้ลักษณะของ Row-by-Row หรือ Zigzag Plaintext : Come home tomorrow Ciphertext : Cmhmtmrooeoeoorw

  18. เทคนิคการสับเปลี่ยน (Transposition Techniques) Column • การเข้ารหัสด้วยวิธีการสับเปลี่ยนแบบคอลัมน์ (Columnar Transposition Cipher) • เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่ง จะทำให้อักษรเดียวกันเมื่อผ่านการเข้ารหัสแล้วจะไม่มีการซ้ำกัน • โดยการกำหนดคีย์ขึ้นมา  เรียงลำดับคอลัมน์ตามคีย์ตัวอักษร  นำ Plaintext ไปเรียงตามคอลัมน์  ทำการเข้ารหัสตามคีย์ และ คอลัมน์ที่กำหนด Key Plaintext : this is the best class I have ever taken Ciphertext : TESVTLEEIEIRHBSESSHTHAENSCVKITAA

  19. การเข้ารหัสกุญแจสาธารณะ (Public Key Cryptography) มีด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ • การเข้ารหัสแบบซิเมตริก (Symmetric Cryptosystems) • การเข้ารหัสแบบอะซิเมตริก (Asymmetric Cryptosystems) หรือ การเข้ารหัสกุญแจสาธารณะ

  20. การเข้ารหัสกุญแจสาธารณะ (Public Key Cryptography) • การเข้ารหัสแบบซิเมตริก (Symmetric Cryptosystems) • เป็นการใช้อัลกอลิทึม หรือกุญแจในการเข้ารหัสดอกเดียวกัน ทั้งฝ่ายรับและฝ่ายส่ง • วิธีนี้ ทั้งผู้รับและผู้ส่งข้อความจะทราบคีย์ที่เหมือนกันทั้งสองฝ่ายในการรับหรือส่งข้อความ • ซึ่งหากมีขโมยนำกุญแจดอกนี้ไปได้ ก็สามารถถอดรหัสข้อมูลของเราได้

  21. Symmetric Encryption คีย์ที่เป็นความลับใช้เข้ารหัส ข้อความเดิมก่อนเข้ารหัส ข้อความที่เข้ารหัสแล้ว (Cipher text) เข้ารหัสลับ Internet ข้อความที่เข้ารหัสแล้ว (Cipher text) ข้อความเดิมก่อนเข้ารหัส ถอดรหัสด้วยคีย์ลับเดิม

  22. Symmetric Encryption • การเข้ารหัสแบบสมมาตรนี้ ก่อให้เกิดปัญหา 2 ส่วน คือ • ปัญหา Authenticationเนื่องจากผู้อื่นอาจทราบรหัสลับด้วยวิธีใดก็ตามแล้วปลอมตัวเข้ามาส่งข้อความถึงเรา • ปัญหา Non-repudiation คือ ไม่มีหลักฐานใดที่พิสูจน์ได้ว่าผู้ส่งหรือผู้รับได้กระทำรายการจริง ๆ

  23. การเข้ารหัสกุญแจสาธารณะ (Public Key Cryptography) • การเข้ารหัสแบบอะซิเมตริก (Asymmetric Cryptosystems) • ใช้แนวคิดของการมีคีย์เป็นคู่ ๆ ที่สามารถเข้าและถอดรหัสของกันและกันเท่านั้นประกอบด้วย กุญแจ 2 ดอก คือ • กุญแจสาธารณะ (Public key)ใช้สำหรับการเข้ารหัส • กุญแจส่วนตัว(Private key ) ใช้สำหรับการถอดรหัส • ที่สำคัญกุญแจที่เข้ารหัสจะนำมาถอดรหัสไม่ได้ ซึ่ง Public key จะแจกจ่ายไปยังบุคคลต่างๆ ที่ต้องการสื่อสาร ส่วน Private Key จะเก็บไว้ส่วนตัวไม่เผยแพร่ให้ใคร

  24. Asymmetric Encryption เข้ารหัสโดยการใช้คีย์สาธารณะ ของผู้รับ (Public Key) ข้อความเดิมก่อนเข้ารหัส ข้อความที่เข้ารหัสแล้ว (Cipher text) เข้ารหัสลับ Internet ข้อความที่เข้ารหัสแล้ว (Cipher text) ข้อความเดิมก่อนเข้ารหัส ถอดรหัสด้วยคีย์ส่วนตัว ( Private Key)

  25. Asymmetric Encryption • ประโยชน์ของระบบการเข้ารหัสแบบไม่สมมาตร มีดังนี้ • ใช้รักษาความลับของข้อความที่จะจัดส่งไป • แก้ปัญหาการ Authenticate คือ ตรวจสอบว่าบุคคลที่ส่งข้อความเข้ามาเป็นผู้ส่งเองจริง ๆ ซึ่งทำได้โดยใช้วิธีการเข้ารหัสด้วยคีย์ส่วนตัว • ** การใช้คีย์ส่วนตัวเข้ารหัสข้อความเปรียบได้กับการเซ็นชื่อของเราบน เอกสารที่เป็นกระดาษเพื่อรับรองว่าข้อความนี้เราเป็นผู้ส่งจริง

  26. ลายเซ็นดิจิตอล (Digital Signatures) • ใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ช่วยยืนยันตัวจดหมายว่าส่งมาจากผู้ส่งนั้นจริง • ใช้หลักการในการเปลี่ยนข้อความทั้งหมดให้เหลือเพียงข้อความสั้น ๆ เรียกว่า“Message digest” ซึ่งจะถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการเข้ารหัสยอดนิยมที่เรียกว่า One-way hash function • จะใช้ message digest นี้ในการเข้ารหัสเพื่อเป็นลายเซ็นดิจิตอล(Digital Signature) โดยจะแจก Public key ไปยังผู้ที่ต้องการติดต่อ

  27. หลักการทำงานของลายเซ็นดิจิตอลหลักการทำงานของลายเซ็นดิจิตอล Sender Recipient + Message Signature Message Signature Message + Signature Hash Function Hash Function Public key Private key ? = Digest Digest Digest

  28. การตรวจสอบลายเซ็นดิจิตอลการตรวจสอบลายเซ็นดิจิตอล ตัวอย่าง - ทิมต้องการส่งข้อความไปให้แอน ทิมก็นำข้อความที่ต้องการส่งมาคำนวณ หา message digest ของข้อความ - ทิมนำ message digest ที่ได้มาเข้ารหัสด้วยคีย์ส่วนตัวของทิม จะได้ผลลัพธ์ออก มาเป็นลายเซ็นดิจิตอล - ทิมส่งข้อความต้นฉบับที่ไม่ได้เข้ารหัส พร้อมกับลายเซ็นดิจิตอลของตนเองไป ให้แอน

  29. - แอนได้รับข้อความก็จะนำคีย์สาธารณะของทิมมาถอดรหัสลายเซ็นดิจิตอล ของทิม ได้ออกมาเป็น message digest ที่ทิมคำนวณไว้ - แอนมั่นใจได้ว่าข้อความที่ได้รับนั้นส่งมาโดยทิมจริง ๆ เพราะถอดรหัสลาย เซ็นของทิมได้ - แอนใช้แฮชฟังก์ชันตัวเดียวกับที่ทิมใช้ (ต้องตกลงกันไว้ก่อน) มาคำนวณหา message digest จากข้อความที่ทิมส่งมาเพื่อเปรียบเทียบกัน - ถ้า message digest ที่ได้จากการคำนวณทั้งสองตรงกัน แสดงว่า ลายเซ็นดิจิตอลเป็นของทิมจริง และไม่มีผู้ใดมาเปลี่ยนแปลงแก้ไข มันแต่อย่างใดก่อนจะมาถึงแอน

  30. Pretty Good Privacy (PGP) • เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับเข้ารหัสและถอดรหัส โดยใช้หลักของกุญแจสาธารณะมาใช้งาน • สนับสนุนอัลกอลิธึมที่ใช้สำหรับการเข้ารหัสหลายชนิด • ใช้สำหรับวิธีการเข้ารหัสแบบอะซิมเมตริกหรือแบบกุญแจสาธารณะ และการเข้ารหัสแบบซิมเมตริกด้วย • มีอัลกอลิธึมซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ในด้านการเข้ารหัสความปลอดภัย

  31. หลักการทำงานของ PGP + Message Signature Message Signature Hash Function Random Secret Key, K s Ks () Digest e() Recipient’s Public Key E(Ks) Private key E(Message) E(Key) PGP Encrypted Message

  32. Pretty Good Privacy (PGP)

  33. ไฟล์วอลล์ (Firewall) • มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันบุคคลภายนอก หรือแฮกเกอร์เข้ามาเจาะระบบภายในเครือข่ายได้ • อุปกรณ์ไฟร์วอลล์ อาจเป็นเราเตอร์ เกตเวย์ หรือคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันแฮกเกอร์ • โดยทำหน้าที่ในการตรวจสอบติดตามแพ็กเก็ตที่เข้าออกระบบเพื่อป้องกันการเข้าถึงเครือข่าย • หน้าที่ของไฟร์วอลล์จะอนุญาตให้ผู้มีสิทธิหรือมีบัตรผ่านเท่านั้น ที่จะเข้าถึงเครือข่ายทั้ง 2 ฝั่ง

  34. Firewall เป็นการติดตั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์บนคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเราท์เตอร์ที่มีหน้าที่จัดการ ควบคุมการเชื่อมต่อจากภายนอกสู่ภายในองค์กร และจากภายในองค์กรสู่ภายนอกองค์กร แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ • แพ็กเก็ตฟิลเตอร์ (Packet Filter) • พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์หรือแอปพลิเคชันเกตเวย์ (Proxy Server/Application Gateway)

  35. Firewall • Packet Filtering • ทำงานในระดับเน็ตเวิร์ก ปกติหมายถึงเราเตอร์ • ใช้วิธีตรวจดูหมายเลข IP หรือหมายเลขพอร์ต TCP ที่ได้รับอนุญาติเท่านั้น • มีข้อเสียในเรื่องของการหลอกลวงหมายเลข IP (Spoofing)

  36. Firewall • Proxy Server/Application Gateway • ทำงานคลอบคลุมถึงลำดับชั้นแอปพลิเคชัน • ทุก Transaction ที่ร้องขอเข้ามาในเครือข่าย จะต้องผ่านพร็อกซี และจัดเก็บข้อมูลใน Log file เพื่อตรวจสอบได้ภายหลัง • ทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ใช้ติดต่อการร้องขอจากภายนอกสู่ภายในองค์กรเพื่อนำข้อมูลจากภายในส่งกลับไปให้ยังภายนอกที่ร้องขอเข้ามาซึ่งมีระดับความปลอดภัยสูงกว่าแบบแรก

  37. นำหลักการทำงานของ Packet Filter และ Proxy Server มาใช้งานร่วมกันได้

More Related