1 / 14

ที่มาของ 3G

ที่มาของ 3G. 3 G หรือ มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 ( อังกฤษ : 3G,3rd generation mobile telecommunications ) เป็นมาตรฐาน โทรศัพท์มือถือ ในยุคที่ 3 ถูกพัฒนาเพื่อแทนที่ ระบบโทรศัพท์ 2 G ซึ่ง 3 G นั้นได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของมาตรฐาน IMT- 2000 ภายใต้กลุ่มของ สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ

elita
Télécharger la présentation

ที่มาของ 3G

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ที่มาของ 3G

  2. 3 Gหรือ มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 (อังกฤษ: 3G,3rd generationmobiletelecommunications ) เป็นมาตรฐานโทรศัพท์มือถือในยุคที่ 3 ถูกพัฒนาเพื่อแทนที่ ระบบโทรศัพท์ 2G ซึ่ง 3G นั้นได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของมาตรฐาน IMT-2000 ภายใต้กลุ่มของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ มาตรฐานโทรศัพท์มือถือยุคที่ 3 หรือที่เรียกว่า ระบบ UMTS หรือ W-CDMA ในระบบ GSM ใช้ช่วงความถี่ตั้งแต่ 850 , 900 , 1800 , 1900 และ 2100 ผสานเทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน มีสามารถการนำเสนอข้อมูล ใช้งานด้านมัลติมีเดีย ส่งผ่านข้อมูลทั้งภาพและเสียงในระบบไร้สายด้วยความเร็วที่สูง

  3. มาตรฐาน IMT-2000 • พื้นฐาน ที่สามารถรองรับบริการต่างๆ เช่น บริการประจำที่ บริการเคลื่อนที่ สื่อสารด้วยเสียง รับส่งข้อมูล เข้าถึงอินเทอร์เน็ต มัลติมีเดีย จะต้องเป็นไปในทางเดียวกัน คือสามารถโอนถ่าย ส่งต่อ ซึ่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์โทรคมนาคมอื่นที่สามารถรับส่งข้อมุลได้ • โครงข่ายข้ามแดน (Global Roaming) สามารถใช้อุปกรณ์เดียวในทุกพื้นที่ทั่วโลก • ความต่อเนื่องการสื่อสาร (Seamless Delivery Service) สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องแม้จะมีการเคลื่อนที่แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงของสถานีรับส่งสัญญาณ • อัตราความเร็วการรับส่งข้อมูล (Transmission Rate) 4.1 ขณะประจำที่หรือความเร็วเท่าการเดินสามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างน้อย 2 เมกะบิต/วินาที 4.2 ขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วระดับยานพาหนะ สามารถรับส่งข้อมูลอย่างน้อย 384 กิโลบิต/วินาที 4.3 ในทุกสภาพการใช้งาน มีความสามารถในการรับส่งข้อมูลสูงสุด 14.4 เมกะบิต/วินาที

  4. เทคโนโลยี 3G คืออะไร 3G คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่สาม หรือมาตรฐาน IMT-2000 นั้นนิยามสั้นๆ เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่า “ต้องมี แพลทฟอร์ม (Platform) สำหรับการหลอมรวมของบริการต่างๆ อาทิ กิจการประจำที่ (Fixed Service) กิจการเคลื่อนที่ (Mobile Service) บริการสื่อสารเสียง ข้อมูล อินเทอร์เน็ต และ พหุสื่อ (Multimedia) เป็นไปในทิศทางเดียวกัน” คือ สามารถถ่ายเท ส่งต่อข้อมูล ดิจิตอล ไปยังอุปกรณ์โทรคมนาคมประเภทต่างๆ ให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ • “ความสามารถในการใช้โครงข่ายทั่วโลก (Global Roaming) ” คือ ผู้บริโภคสามารถ ถืออุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง • “บริการที่ไม่ขาดตอน (Seamless Delivery Service) ” คือ การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยน เซลล์ไซต์ (Cell Site) เขาใช้คำว่า Seam less นั้นแปลว่า ไร้รอยตะเข็บนะครับ • อัตราความเร็วในการส่งข้อมูล (Transmission Rate) ในมาตรฐาน IMT-2000 นั้นกำหนดไว้ว่าต้องมีอัตราความเร็วดังนี้ [ • ในสภาวะอยู่กับที่หรือขณะเดิน มีความเร็วอย่างน้อยที่สุด 2 เมกะบิต/วินาที • ในสภาวะเคลื่อนที่โดยยานพาหนะ มีความเร็วอย่างน้อยที่สุด 384 กิโลบิต/วินาที • ทุกสภาวะ มีความเร็วอย่างมากที่สุด 14.4 เมกะบิต/วินาที

  5. จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี 3G มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 (Third Generation Mobile Network หรือ 3G) เป็นเทคโนโลยียุคถัดมาจากการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 2 หรือ 2G ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจสื่อสารไร้สายอย่างมหาศาลนับ ตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา ในยุคของโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G มีมาตรฐานที่สำคัญที่มีการนิยมใช้งานทั่วโลกอยู่ 2 มาตรฐาน กล่าวคือมาตรฐาน GSM (Global System for Mobile Communication) อันเป็นมาตรฐานของกลุ่มสหภาพยุโรป ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั่วโลกสูงที่สุด และมาตรฐาน CDMA (Code Division Multiple Access) อันเป็นมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่สอง

  6. จุดเด่นของมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA นอกจากมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีสถานีฐาน (Base Station Subsystem) จากยุค 2G ซึ่งใช้เทคโนโลยี TDMA เป็นการรับส่งข้อมูลในรูปแบบแพ็กเกตเพื่อความคล่องตัวในการจัดสรรทรัพยากร ความถี่สำหรับให้บริการทั้งแบบ Voice และ Non-Voice อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด อันจะช่วยสร้างความรู้สึกให้กับผู้ใช้บริการ (End User Perception) ถึงความรวดเร็วในการสื่อสารข้อมูล และยังคงรักษาคุณภาพของการสนทนาที่เหนือกว่ามาตรฐาน 2G/2.5G/2.75G แล้ว มาตรฐาน W-CDMA ยังมีความคล่องตัวในการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายข้อมูลที่อยู่ในโลกอิน เทอร์เน็ต เนื่องจากมาตรฐานการเชื่อมต่อต่าง ๆ สอดรับกับมาตรฐานของอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตทุกประการ ก่อให้เกิดการเปิดกว้างในรูปแบบของความร่วมมือกับพันธมิตรจำนวนมาก มีความคล่องตัวในการบันทึก จัดเก็บ และบริหารจัดการข้อมูลประเภทสื่อข้อมูล (Content) ต่าง ๆ

  7. ระบบ1G2G3GคืออะไรGย่อมาจากGeneration1G-ระบบAnalog2G-ระบบDigital3G-ระบบWireless 1G เริ่มตั้งแต่ 1G ... ซึ่งเป็นยุคที่ใช้ระบบ Analog คือใช้สัญญาณวิทยุในการส่งคลื่นเสียง โดยไม่รองรับการส่งผ่านข้อมูลใดๆทั้งสิ้นซึ่งนั่นก็หมายความว่าสามารถใช้งานทางด้าน Voice ได้อย่างเดียว คือ โทรออก-รับสาย เท่านั้น ไม่มีการรองรับการใช้งานด้าน Data ใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่การรับ-ส่งSMSก็ยังทำไม่ได้ในยุค1Gแต่จริงๆแล้ว ... ในยุคนั้น ผู้บริโภคก็ยังไม่มีความต้องการในการใช้งานอื่นๆ นอกจากเสียง (Voice) อยู่แล้ว โดยปริมาณผู้ใช้โทรศัพท์มือถือยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัดมาก และจะพบว่าผู้ใช้มักจะเป็นนักธุรกิจที่มีรายได้สูงเสียส่วนใหญ่

  8. 2Gหลังจากนั้นก็ได้พัฒนาต่อมาเป็นยุค2G...ซึ่งเปลี่ยนจากการส่งคลื่นทางคลื่นวิทยุแบบ Analog มาเป็นการเข้ารหัส Digital ส่งทางคลื่น Microwave ซึ่งในยุคนี้เอง เป็นยุคที่เริ่มทำให้เราเริ่มที่จะสามารถใช้งานทางด้าน Data ได้ นอกเหนือจากการใช้งาน Voice เพียงอย่างเดียว ในยุค 2G นี้ ... เราสามารถ รับ-ส่งข้อมูลต่างๆและติดต่อเชื่อมโยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดการกำหนดเส้นทางการเชื่อมกับสถานีฐานหรือที่เรียกว่าcellsiteและก่อให้เกิดระบบ GSM (Global System for Mobilization) ซึ่งทำให้เราสามารถถือโทรศัพท์เครื่องเดียวไปใช้ได้เกือบทั่วโลกหรือที่เรียกว่าRoamingยุค 2G นี้ ถือเป็นยุคเริ่มต้นแห่งการเฟื่องฟูของโทรศัพท์มือถือเลย ... ราคาของโทรศัพท์มือถือเริ่มต่ำลง (กว่ายุค 1G) ทำให้ปริมาณผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมีมากขึ้น ซึ่งการส่งข้อมูลของยุค 2G นี้ เป็นยุคที่มีการเริ่มฮิต Download Ringtone , Wallpaper , Graphic ต่างๆ แต่ก็จะจำกัดอยู่ที่การ Downlaod Ringtone แบบ Monotone และ ภาพ Graphic ต่างๆก็เป็นเพียงแค่ภาพขาว-ดำที่มีความละเอียดต่ำเท่านั้น

  9. 3G ต่อมา ... ก็ได้พัฒนามาเป็นระบบ 3G หรือ Third Generation ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 จุดเด่นที่สุดของ 3G นั้น ... เป็นเรื่องของความเร็วในการเชื่อมต่อและการรับ-ส่งข้อมูล โดยเน้นการเชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยความเร็วสูง ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลต่างๆ รวดเร็วมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการ Multimedia ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การรับ-ส่ง File ที่มีขนาดใหญ่ , การใช้บริการ Video/Call Conference , Download เพลง , ดู TV Streaming ต่างๆ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว ... 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่าเยอะเลย

  10. 3.3Gกับ3.9Gแตกต่างกันตรงไหนตอนนี้ในไทยมี3Gแท้กับ3Gเทียมครับ 3G แท้ คือ เครือข่ายที่ให้สัญญาณ สามจี จริงๆ เช่น i-mobile 3GX หรือ TOT 3G บนคลื่นความถี่ WCDMA หรือ UMTS 2100 MHz และ ยังมีระบบ CAT CDMA บนเทคโนโลยี CDMA20001xEV-DO3G เทียม ก็คือ การแปลงสัญญาณ GSM ให้เป็น 3G อย่างที่ AIS / True / Dtacกำลังทดลองให้บริการกันอยู่ AIS ก็วิ่งบนคลื่น 900 MHzอยู่ครับ Dtacกับ truemove850MHz ถ้าใบอนุญาตออกจะวิ่งที่ 2100 MHz

  11. 4.ประโยชน์ของ3Gมีอย่างไรบ้าง คำตอบ ดูคลิปพวกนี้อาจจะทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นนะคะ3Gแพทย์ชนบท http://youtu.be/xJ86uU0zbZc?hd=13Gอนาคตของคนไทย http://youtu.be/gIg4bI7SL6M?hd=13Gกล้วยไม้ http://youtu.be/tqsQ_0oGics?hd=1" 3Gkas1 http://bit.ly/mEgT8C3Gsmehttp://bit.ly/l72hWK3Gtape2ดร.เสรี http://bit.ly/mvrOS73Gเพื่อยกระดับการศึกษา http://bit.ly/m1MHE13Gเพื่อวิทยาการทางแพทย์ http://bit.ly/m1MHE1 5. เอสแอล คอนซอร์เตี้ยมคืออะไร ประชาชนจะได้ใช้ 3.9G เมื่อไหร่ และใครจะเป็นคนสร้างโครงข่ายนี้

  12. -การสร้างระบบโครงข่ายหลัก(CoreNetwork)จำนวน1ระบบ -ระบบสถานีฐาน(UTRAN)จำนวน4,772แห่ง -ระบบสื่อสัญญาณ(TransportNetwork)-ระบบบริการจัดการโครงข่าย(OSS)จำนวน1ระบบ -ระบบบริการเสริมพื้นฐาน(VAS)จำนวน1ระบบ -ระบบสนับสนุนการให้บริการ(BusinessSupportSystem)จำนวน1ระบบ - รวมทั้งการติดตั้งอุปกรณ์และการจัดเตรียมสถานที่ (Site Preparation) และ อุปกรณ์สนับสนุนและบำรุงรักษาโครงข่าย3Gทีโอที จะดำเนินการติดตั้งสถานีฐานทั่วประเทศจำนวน 5,320 แห่ง ครอบคลุม 57 จังหวัด โดยจะเป็นการสร้างสถานีฐานใหม่จำนวน 4,772 สถานี และย้ายสถานีฐานเดิม จากใจกลางกรุงเทพฯไปติดตั้งในปริมณฑลกรุงเทพฯแทนจำนวน 548 สถานี ซึ่งหลังจากที่ได้ลงนามในสัญญาแล้ว คาดว่าประมาณกลางไตรมาสที่4 ของปี 2554 ประชาชนคนไทยจะได้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G เต็มรูปแบบในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 13 จังหวัดหลัก หลังจากนั้นภายในกลางปี 2555 จะสามารถใช้งานได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ

  13. ระบบ3Gเกิดขึ้นได้อย่างไรรู้ไว้ใช่ว่า3Gในประเทศไทย ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า 3G ในไทย ณ ตอนนี้นั้นเป็น 3G ที่ใช้ย่านความถี่โดยแบ่งดังนี้AIS ใช้ 900, Dtacและ True ใช้ 850 ส่วน TOT นั้นใช้ 2100 ทำให้มีปัญหาในเรื่องเครื่องที่รองรับเพราะไม่ใช่ทุกเครื่องจะรองรับ 3G ทุกแบนด์ได้มันเลยเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเมื่อไรทุกเครือข่ายใช้งาน 3Gบน 2100 Mhzซึ่งเป็นย่านมาตราฐาน 3G ทั่วโลกแล้ว ทุกเครื่องที่เขียนว่ารองรับ 3G จะใช้งานได้ครับแต่ปัญหาคือย่านดังกล่าวในประเทศเรายังไม่มีใครได้รับสัมปทานอนาคต3Gในประเทศไทยเพิ่งเปิดตัวไปสดๆร้อนๆ กับ 3G ของ AIS อย่าง AIS 3G ที่ได้เปิดให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือระบบ 3G ความถี่ 900 MHz และขยายพื้นที่บริการ 3G ทั่วกรุงเทพชั้นใน และอีก 7 จังหวัดจากทุกภาคของประเทศไทย ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา ชลบุรี ภูเก็ต สงขลา ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน , ปราณบุรี) และเพชรบุรี (ชะอำ) AIS โดยผู้ที่ใช้ซิมของ ค่าย AIS อย่าง GSM Advance และ 1-2-call สามารถสมัครใช้บริการอินเตอร์เน็ต edge+ และ 3G ได้ โดยแนะนำให้ท่านสมัครแพ็คเกจอินเตอร์เน็ตแบบคิดปริมาณการใช้งาน ถึงจะได้ความเร็ว 3G ระดับ Mbps โดยความเร็ว 3G สูงสุดระดับ HSPA+ ที่ 21 Mbps เพราะถ้าสมัครแบบรายชั่วโมงเหมือนเดิมก็จะได้ความเร็ว 3G สูงสุดที่ 384Kbps เท่านั้น และด้วยโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่ในท้องตลาด จะรองรับ 3G ความถี่ 900MHz และ 2100MHz ดังนั้นผู้ที่เคยซื้อมือถือเก่าที่รองรับ 3G แต่ไม่ได้ใช้ 3G เลย ก็นำลองมาใช้อีกครั้ง เพราะครั้งนี้คุณจะได้ท่องโลกอินเตอร์เน็ตได้สมบูรณ์มากขึ้น หากมีกล้องหน้าก็สามารถ video calling ได้ด้วย บนมือถือเครื่องเก่าที่คุณเคยซื้อไป

  14. ขอบคุณสำหรับการฟังคนบรรณยายขอบคุณสำหรับการฟังคนบรรณยาย

More Related