1 / 56

บทที่ 2

บทที่ 2. ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์. ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์จากคอมพิวเตอร์ โดยมากจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ หน่วยแสดงผลชั่วคราว (Soft Copy) หน่วยแสดงผลถาวร (Hard Copy). 2.4 หน่วยแสดงผล (Output Devices).

Télécharger la présentation

บทที่ 2

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 2 ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์

  2. ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์จากคอมพิวเตอร์ โดยมากจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ • หน่วยแสดงผลชั่วคราว (Soft Copy) • หน่วยแสดงผลถาวร (Hard Copy) 2.4 หน่วยแสดงผล (Output Devices)

  3. อุปกรณ์แสดงผลออกมาให้ผู้ได้ใช้ได้รับทราบในขณะนั้น แต่เมื่อเลิกการทำงานหรือเลิกใช้แล้วผลนั้นก็จะหายไป ไม่เหลือเป็นวัตถุให้เก็บได้ • หน่วยแสดงผลที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ คือ • จอภาพ (Monitor) • อุปกรณ์ฉายภาพ (Projector) • อุปกรณ์เสียง (Audio Output) ประกอบขึ้นจาก ลำโพง (speaker) และ การ์ดเสียง (sound card) 2.4.1 หน่วยแสดงผลชั่วคราว (Soft Copy)

  4. 1. จอภาพ (Monitor) • แสดงข้อมูลหรือผลลัพธ์ให้ผู้ใช้เห็นได้ทันที มีรูปร่างคล้ายจอภาพของโทรทัศน์ • บนจอภาพประกอบด้วยจุดจำนวนมากมาย เรียกจุดเหล่านั้นว่า พิกเซล (pixel) • จอภาพที่ใช้ในปัจจุบันแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ • จอซีอาร์ที (Cathode Ray Tube) นิยมใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ • แอลซีดี (Liquid Crystal Display) นิยมใช้เป็นจอภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพก CRT LCD

  5. 2. อุปกรณ์ฉายภาพ (Projector) • อุปกรณ์ที่นิยมใช้ในการเรียนการสอนหรือการประชุม • สามารถนำเสนอข้อมูลให้ผู้ชมจำนวนมากเห็นพร้อมๆ กัน

  6. 3. อุปกรณ์เสียง (Audio Output) • หน่วยแสดงเสียง ซึ่งประกอบขึ้นจาก ลำโพง (speaker) และ การ์ดเสียง (sound card) • การ์ดเสียงจะเป็นแผงวงจรช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถส่งสัญญาณผ่านลำโพง • ลำโพงจะมีหน้าที่ในการแปลงสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ ให้เป็นเสียงเช่นเดียวกับลำโพงวิทยุ

  7. การแสดงผลลัพธ์ที่สามารถจับต้อง และเคลื่อนย้ายได้ตามต้องการ มักจะออกมาในรูปของกระดาษ • หน่วยแสดงผลที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ คือ • เครื่องพิมพ์ (Printer) • เครื่องพลอตเตอร์ (Plotter) 2.4.2 หน่วยแสดงผลถาวร (Hard Copy

  8. 1. เครื่องพิมพ์ (Printer) • มีให้เลือกหลายชนิดขึ้นกับคุณภาพของตัวอักษร ความเร็ว และเทคโนโลยี • เครื่องพิมพ์สามารถแบ่งตามวิธีการพิมพ์ได้สองชนิดคือ • เครื่องพิมพ์ชนิดตอก (Impact printer) • เครื่องพิมพ์ชนิดไม่ตอก (Nonimpact printer)

  9. 1) เครื่องพิมพ์ชนิดตอก (Impact printer) • การตอกให้คาร์บอนบนผ้าหมึกติดบนกระดาษ • สามารถพิมพ์ครั้งละหลายชุดโดยใช้กระดาษคาร์บอนวางระหว่างกระดาษแต่ละแผ่นได้ • ข้อเสีย คือ เสียงดังและคุณภาพงานพิมพ์ไม่ดีนัก • แบ่งเป็นชนิดย่อย 2 ชนิด คือ 1.1) เครื่องพิมพ์อักษร (character printer) /เครื่องพิมพ์แบบจุด (dot matrix printer หมายถึงเครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ครั้งละหนึ่งตัวอักษรเท่านั้น 1.2) เครื่องพิมพ์บรรทัด (line printer) หมายถึงเครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ครั้งละหนึ่งบรรทัด

  10. ใช้เทคนิคการพิมพ์จากวิธีการทางเคมี • พิมพ์ได้เร็วคมชัดและไม่มีเสียงขณะพิมพ์ • ข้อจำกัดคือไม่สามารถพิมพ์กระดาษแบบสำเนา (copy) ได้ • เครื่องพิมพ์ชนิดไม่ตอกที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือ 2.1) เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer) 2.2) เครื่องพิมพ์ฉีดหมึก (Inkjet Printer) 2.3) เครื่องพิมพ์ความร้อน (Thermal Printer) 2) เครื่องพิมพ์ชนิดไม่ตอก (Nonimpact printer)

  11. 2.1) เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer) • มีแสงเลเซอร์สร้างประจุไฟฟ้า • โทนเนอร์ (toner) สร้างภาพที่ต้องการและพิมพ์ภาพนั้นลงบนกระดาษ • ลูกกลิ้งความร้อน (hot roller) กลิ้งให้ toner ติดกระดาษ

  12. 2.2) เครื่องพิมพ์ฉีดหมึก (Inkjet Printer) • นิยมใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ • คุณภาพงานคมชัด แต่ไม่เท่าเครื่องพิมพ์ชนิดเลเซอร์

  13. เครื่องพิมพ์ที่ให้คุณภาพในการพิมพ์สูงสุดเครื่องพิมพ์ที่ให้คุณภาพในการพิมพ์สูงสุด • มี 2 ประเภท 2.3.1) Thermal wax transfer ให้คุณภาพและราคาที่ต่ำกว่า • ทำงานโดยการ กลิ้งริบบอนที่เคลือบแวกซ์ไปบนกระดาษ แล้วเพิ่มความร้อนให้กับริบบอนจนแวกซ์นั้นละลายและเกาะ ติดอยู่บนกระดาษ 2.3.2) Thermal dye transfer • ใช้หลักการทำงานแบบเดียวกับ thermal wax แต่ใช้สีย้อมแทน wax • เป็นเครื่องพิมพ์ที่ให้คุณภาพสูงสุด โดยสามารถพิมพ์ภาพสีได้ใกล้เคียงกับภาพถ่าย • ราคาเครื่องและค่าใช้จ่ายในการพิมพ์จะสูงมาก 2.3) เครื่องพิมพ์ความร้อน (Thermal Printer)

  14. Thermal wax transfer

  15. 2. เครื่องพลอตเตอร์ (Plotter) • ใช้วาดหรือเขียนภาพสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูงๆ • นิยมใช้กับงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม • ราคาแพงกว่าเครื่องพิมพ์ธรรมดา

  16. ในกรณีที่ผู้ใช้มีข้อมูลอยู่ในแรมก็จะต้องทำการจัดเก็บข้อมูล จะต้องย้ายข้อมูลจากหน่วยความจำหลักไปไว้ในหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง • จัดเก็บข้อมูลได้อย่างถาวรไม่มีการเปลี่ยนแปลงนอกจากผู้ใช้เป็นผู้สั่ง • จัดเก็บข้อมูลได้จำนวนมาก • หน่วยเก็บข้อมูลสำรองจะมีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับแรม แต่ความเร็วในการอ่านและบันทึกข้อมูลจะต่ำกว่าแรมมาก • ปัจจุบันมีหน่วยเก็บข้อมูลให้เลือกหลายชนิดได้แก่ 1) เทปแม่เหล็ก 2) จานแม่เหล็ก 3) ออปติคัลส์ดิสก์ 2.5 หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Unit)

  17. มีหลักการทำงานคล้ายกับเทปบันทึกเสียง คือจะอ่านข้อมูลตามลำดับก่อนหลังตามที่ได้บันทึกไว้ เรียกหลักการการอ่านข้อมูลแบบลำดับ (sequential access) นิยมนำเทปแม่เหล็กมามาเก็บสำรอง (backup)ข้อมูลเฉพาะข้อมูลที่สำคัญและไม่ถูกเรียกใช้บ่อยๆ ข้อดีของเทปแม่เหล็กคือสามารถบันทึก อ่าน และลบกี่ครั้งก็ได้ รวมทั้งมีราคาต่ำ ข้อเสียของการใช้เทปแม่เหล็กบันทึกข้อมูล คือ อ่านข้อมูลได้ช้า 2.5.1 เทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape)

  18. 2.5.2 จานแม่เหล็ก (Magnetic Disk) • จานแม่เหล็กเป็นสื่อที่ใช้หลักการเข้าถึงข้อมูลแบบสุ่ม (random access) ความเร็วในการอ่านและบันทึกที่สูงกว่าเทป • จานแม่เหล็กจะต้องใช้คู่กับ ตัวขับจานแม่เหล็ก หรือ ดิสก์ไดรฟ์ (disk drive)เป็นอุปกรณ์สำหรับอ่าน-เขียนจานแม่เหล็ก • แผ่นจานแม่เหล็กเก็บข้อมูล จะต้องผ่านขั้นตอนของการ format • จานแม่เหล็กที่นิยมใช้มี 2 ชนิด คือ ฟลอปปีดิสก์ (Floppy Disk) และฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)

  19. เตรียมแผ่นจานแม่เหล็กให้พร้อมสำหรับเครื่องรุ่นที่จะใช้งาน หัวอ่านและบันทึกจะเขียนรูปแบบของแม่เหล็กลงบนผิวของแผ่นจานแม่เหล็ก รูปแบบของการฟอร์แมต คือแบ่งในแนววงกลมรอบแกนหมุนเป็นหลายๆ วง เรียกว่า แทรก (track) แต่ละแทรกจะถูกแบ่งออกในแนวของขนมเค้กเรียกว่า เซกเตอร์ (sector) และถ้ามีเซกเตอร์มากกว่าหนึ่งเซกเตอร์รวมกันเรียกว่า คลัสเตอร์ (cluster) การ Format

  20. Write head Medium Random particles (no data stored) Current flow (write operation) Organized particles (represent data)

  21. Formatted Disk

  22. 1) ฟลอปปีดิสก์ และดิสก์ไดรฟ์ 3.5 inch floppy and drive • ฟลอปปีดิสก์เป็นแผ่นพลาสติกวงกลม มีขนาด 3.5 นิ้ว จะบรรจุอยู่ในพลาสติกที่แข็ง • แผ่นดิสก์เกตต์จะมีแถบป้องกันการบันทึก (write protection) • จำนวนข้อมูลที่เก็บจะขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของสารแม่เหล็กบนผิวของแผ่น

  23. ทำมาจากแผ่นโลหะแข็งเรียกว่า platters วางซ้อนกันจำนวนหลายแผ่น ส่วนมากจะถูกยึดติดอยู่ภายในเครื่องแต่มีบางรุ่นเป็นแบบ เคลื่อนย้ายได้ บันทึกข้อมูลได้ทั้งสองหน้าของผิวจานแม่เหล็ก โดยที่ทุกแทรก (track) และเซกเตอร์ (sector) ที่มีตำแหน่งตรงกันของฮาร์ดดิสก์ชุดหนึ่งจะเรียกว่า ไซลินเดอร์ (cylinder) แผ่นจานแม่เหล็กของฮาร์ดดิสก์นั้นหมุนเร็วมาก หัวอ่านและบันทึกจะไม่สัมผัสกับผิวของแผ่นจานแม่เหล็ก ถ้ามีบางสิ่งบางอย่างเช่น ฝุ่น หรือควันบุหรี่กีดขวางหัวอ่านและบันทึก อาจทำให้หัวอ่านและบันทึกกระแทกกับผิวของแผ่นจานแม่เหล็ก ก่อให้เกิดความผิดพลาดหรือเสียหายเกิดขึ้น การเชื่อมฮาร์ดดิสก์กับแผงวงจรหลักจะต้องมี สายเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์ (hard disk interface) มาตรฐานส่วนเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน คือ EIDE (Enhanced Integrated Drive Electronics) และ SCSI (Small Computer System Interface) 2) ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)

  24. Read/write heads

  25. 2.5.3 ออปติคัลส์ดิสก์ (Optical Disk) • ใช้เทคโนโลยีของแสงเลเซอร์ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมหาศาลในราคาไม่แพงมากนัก • ปัจจุบันจะมีออปติคอลดิสก์อยู่หลายแบบซึ่งใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน • ซีดีรอม (CD-ROM หรือ Compact Disk Read Only Memory) = ซีดีรอมได้รับความนิยมใช้เป็นสื่อเก็บข้อมูลสำหรับอ่านอย่างเดียวเป็นอย่างมาก ปัจจุบันนี้มีแผ่นซีดีรอมที่สามารถบันทึกและอ่านข้อมูลได้ เรียกว่าซีดีอาร์ (CD-R หรือ CD Recordable) • วอร์มซีดี (WORM CD หรือ Write Once Read Many CD) = ผู้ใช้สามารถบันทึกข้อมูลลงในแผ่นวอร์มซีดีได้หนึ่งครั้ง และสามารถอ่านข้อมูลที่บันทึกไว้ขึ้นมากี่ครั้งก็ได้ แต่จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลที่เก็บไปแล้วได้อีก • เอ็มโอดิสก์ (MO หรือ Magneto Optical Disk) = ทำให้สามารถอ่านและบันทึกแผ่นกี่ครั้งก็ได้คล้ายกับฮาร์ดดิสก์ • ดีวีดี (DVD หรือ Digital Versatile Disk) = เก็บข้อมูลได้มากเพียงพอสำหรับเก็บภาพยนตร์เต็มเรื่องด้วยคุณภาพระดับสูงสุดทั้งภาพและเสียง

  26. 2.6.1 วงจรหลัก(Main Board) หรือ แผงวงจรแม่ (Mother Board) 2.6.2 ส่วนเชื่อมต่ออุปกรณ์ (Peripheral Interface) / พอร์ต (port) /บัสภายนอก (External Bus) 2.6.3 อุปกรณ์พีซีการ์ด (PC Card) 2.6.4 อุปกรณ์สื่อสารข้อมูล (Data communication device) 2.6.5 ยูพีเอส (UPS) 2.6.6 แบตเตอรี่เติมประจุ (Rechargeable battery) 2.6 ส่วนประกอบอื่นๆ

  27. 2.6.1 วงจรหลัก(Main Board) หรือ แผงวงจรแม่ (Mother Board) • แผงวงจรไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เชื่อมองค์ประกอบต่างๆ ของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ไว้ด้วยกัน • อุปกรณ์ทั้งหมดจะถูกบรรจุอยู่ใน ตัวถัง (case) • แผงวงจรหลักมี นาฬิการะบบ (System Clock) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ส่งสัญญาณออกมาเป็นช่วงๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นจังหวะในการทำงานของซีพียู • แผงวงจรหลักจะมี บัส (Bus)เป็นเส้นทางในการส่งผ่านสัญญาณไฟฟ้าระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์

  28. 2.6.2 ส่วนเชื่อมต่ออุปกรณ์ (Peripheral Interface) / พอร์ต (port) /บัสภายนอก (External Bus) • เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่เชื่อมระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์รอบนอก (peripheral) • ปัจจุบันจะมีมาตรฐานในการเชื่อมต่ออยู่หลายแบบ คือ 1) ส่วนเชื่อมต่อแบบอนุกรม (Serial Interface) / พอร์ตอนุกรม (SerialPort) • เป็นส่วนเชื่อมต่อที่รับส่งข้อมูลครั้งละ 1 บิต • ใช้เป็นช่องทางเชื่อมต่ออุปกรณ์ความเร็วต่ำ เช่น เมาส์ หรือโมเด็ม

  29. 2) ส่วนเชื่อมต่อแบบขนาน (Parallel Interface) / พอร์ตขนาน (ParallelPort) • เป็นส่วนเชื่อมต่อที่มีการโอนถ่ายข้อมูลครั้งละมากกว่า 1 บิต ไปพร้อมๆ กัน • ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ที่มีความเร็วสูงเช่น เครื่องพิมพ์ หรืออุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์แบบพกพา 3) ไอดีอี (IDE หรือ Integrated Drive Electronics) • เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม (de facto standard) สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้กันมากในเครื่องระดับไมโครคอมพิวเตอร์ • สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 2 ตัว • ต่อมาพัฒนาเป็น อีไอดีอี(EIDE หรือ Enhance Integrated Drive Electronics) ซึ่งสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ 4 ตัว

  30. 4) สกัดซี (SCSI หรือ Small Computer System Interface) • เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบขนานของ ANSI • ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ความเร็วสูงใดๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ สแกนเนอร์ เป็นต้น โดยสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 8-16 ตัว 5) USB (Universal Serial Bus) • เป็นส่วนเชื่อมต่อที่ใช้หลักการของบัสแบบอนุกรม • อุปกรณ์ที่ต่อทีหลังจะใช้วิธีต่อกับพอร์ตยูเอสบีของอุปกรณ์ก่อนหน้าแบบ เรียงไปเป็นทอดๆ (daisy chain) • ต่ออุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 127 อุปกรณ์ • สนับสนุนการถอดหรือเปลี่ยนอุปกรณ์โดยไม่ต้องปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน (Hot Swapping) • สนับสนุนการใช้งานแบบเสียบแล้วใช้ได้ทันที (Plug and Play)

  31. 6) IEEE 1394 (Firewire) • เป็นมาตรฐานส่วนเชื่อมต่อแบบใหม่ที่มีความเร็วสูงมาก • พอร์ตแบบไฟร์ไวร์หนึ่งพอร์ตสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ 63 อุปกรณ์ • เหมาะกับงานแบบ เวลาจริง (real-time) • สนับสนุน Hot Swapping • สนับสนุน Plug and Play 7) อินฟราเรด (IrDAPort) • เป็นส่วนเชื่อมต่อที่ไม่ใช้สายในการติดต่อ • สะดวกกับการทำงานกับอุปกรณ์แบบพกพา

  32. เป็นมาตรฐานในการออกแบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์ที่มีขนาดเท่ากับนามบัตรเป็นมาตรฐานในการออกแบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์ที่มีขนาดเท่ากับนามบัตร 2.6.3 อุปกรณ์พีซีการ์ด (PC Card) 2.6.4 อุปกรณ์สื่อสารข้อมูล (Data communication device) • อุปกรณ์เชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 2 เครื่องเข้าด้วยกันใช้สื่อสารข้อมูลระยะไกลได้แก่ • MODEM • DSU/CSU

  33. โมเด็มจะแปลงสัญญาณ จาก digital เป็น analog โมเด็มจะแปลงสัญญาณ จาก analog เป็น digital 011010001 011010001 อุปกรณ์เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายภายนอกผ่านสายโทรศัพท์แบบดั้งเดิม 1) MODEM The analog signal (audible) is sent through telephone lines. MODEM MODEM Digital signal Digital signal

  34. อุปกรณ์เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายภายนอกแบบดิจิตอล หน้าที่ : แปลงสัญญาณตามรูปแบบของสายส่งสัญญาณที่เลือกใช้ และเมื่อได้รับข้อมูลก็จะแปลงสัญญาณดิจิตอลที่ได้รับให้เป็นสัญญาณดิจิตอลของคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไปประมวลผลต่อ 2) DSU/CSU

  35. อุปกรณ์สำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้าสำรองจากแบตเตอรี่ เพื่อเป็นแหล่งพลังงานฉุกเฉินในกรณีที่เกิดปัญหากับระบบไฟฟ้าหลัก • ยูพีเอสแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ • Standby power system = ในเวลาปกติจะให้อุปกรณ์ใช้พลังงานจากระบบไฟฟ้าหลัก แลจะตรวจสอบพลังงานไฟฟ้าและเปลี่ยนไปใชพลังงานจากแบตเตอรี่เมื่อเกิดปัญหา • On-line UPS system = จ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดเวลาไม่ว่าระบบไฟฟ้าหลักจะเกิดปัญหาหรือไม่ ทำให้ได้พลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูง 2.6.5 ยูพีเอส (UPS)

  36. เป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา สามารถเติมประจุซ้ำได้หลายร้อยๆ ครั้ง 2.6.6 แบตเตอรี่เติมประจุ (Rechargeable battery)

  37. หลักการเลือกซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์

  38. สำรวจระดับการใช้งานคอมพิวเตอร์สำรวจระดับการใช้งานคอมพิวเตอร์

  39. ตารางแสดง SPEC เครื่องสำหรับพีซีระดับผู้ใช้มือใหม่

  40. ตารางแสดง SPEC เครื่องสำหรับพีซีระดับผู้ใช้งานในออฟฟิศ

  41. ตารางแสดง SPEC เครื่องสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย

  42. ตารางแสดง SPEC เครื่องสำหรับผู้ใช้งาน Windows Vista

  43. ตารางแสดง SPEC เครื่องสำหรับผู้ใช้งานระดับสูง

  44. การเลือกซื้อซีพียู เลือกความเร็วของซีพียู : ความเร็วของซีพียูสามารถแบ่งความเหมาะสมตามลักษณะของงานที่ทำได้ดังนี้

  45. การเลือกซื้อซีพียู เลือกยี่ห้อของซีพียู : ปัจจุบันที่นิยมกันส่วนใหญ่ก็มี Intel และAMD ซีพียูจากค่าย Intel : สำหรับตลาดระดับล่างอย่าง Celeron และรุ่น Pentium 4 สำหรับตลาดระดับบนที่ต้องการประสิทธิภาพในการทำงานสูง ชิปซีพียูจากค่าย Intel จะได้รับความนิยมสูงกว่า เพราะมีเสถียรภาพสูงกว่า และร้อนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ AMD ซีพียูจากค่าย AMD : ตลาดระดับล่าง โดยมีชิปซีพียูรุ่น Duron และ AthlonXP สำหรับตลาดระดับบน โดยตัวเลขที่บอกประสิทธิภาพนั้นจะเปรียบเทียบกับ Athlon รุ่น Thunderbird ไม่ได้บอกเป็นความเร็วสัญญาณนาฬิกาเหมือนอย่าง Intel ชิปซีพียูของ AMD มีราคาต่ำกว่าพอสมควร ถือเป็นทางเลือกของผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และประสิทธิภาพถือว่าไม่ด้วยกว่ากัน

  46. การเลือกซื้อเมนบอร์ด • SFS และการทำโอเวอร์คล็อก (SFS-Stepless Frequency Selection) คือ การกำหนดความเร็วของสัญญาณนาฬิกา • BIOS, Dual BIOS และการป้องกันไวรัส • ไบออสคู่ โดยอีกหนึ่งตัวเก็บสำรองข้อมูลไว้ นอกจากนี้ยังเทคนิคพิเศษอื่นป้องกันการเข้ามาทำลายของไวรัส • ขีดความสามารถเรื่อง Green PC และการจัดการพลังงาน • เป็นการพัฒนาร่วมระหว่างไบออสกับฮาร์ดแวร์ให้มีโหมดพิเศษในการจัดการพลังงาน การปิดเปิด ตลอดจนการ Shut down การปิดเองตามการปลุกด้วยวิธีต่างๆ เช่น Wakeup on LAN คือใช้แลนสั่งงานมาจากที่อื่นให้เครื่องเริ่มทำงานให้ • การเพิ่มวงจรพิเศษ ไว้บนเมนบอร์ดด้วย เช่น วงจรการ์ดเสียง วงจรการ์ดแลน การ์ดโมเด็ม หรืออุปกรณ์ประกอบอื่นๆ ที่เคยมีเป็นการ์ดแยกต่างหาก เพื่อลดค่าใช้จ่ายภาพรวม

  47. การเลือกซื้อหน่วยความจำการเลือกซื้อหน่วยความจำ

  48. การเลือกซื้อการ์ดแสดงผลการเลือกซื้อการ์ดแสดงผล การตัดสินใจเลือกใช้การ์ดแสดงผล ต้องดูก่อนว่าจะใช้งานโปรแกรมที่ต้องการความสามารถของการ์ด 3 มิติ หรือไม่ ถ้าไม่ ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อการ์ด 3 มิติก็ได้ แต่ให้มาเลือกใช้การ์ดแสดงผลแบบทั่วไป ซึ่งมีราคาถูก แต่มีความสามารถเรื่อง 3 มิติ

  49. การเลือกซื้อจอภาพ

More Related