640 likes | 3.12k Vues
ขนมไทย. คำนำ งานนำเสนอเรื่องนี้ ใช้ประกอบการเรียนการสอน รายวิชา ง.20210 เทคโนโลยีสารสนเทศ3 โปรแกรม Powerpoint 2007 เพื่อศึกษาใน เรื่อง วิธีการทำขนมไทย ผู้จัดทำหวังว่า คงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ศึกษา หากมีข้อผิดผาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมา ณโอกาศนี้ ผู้จัดทำ.
E N D
คำนำ งานนำเสนอเรื่องนี้ ใช้ประกอบการเรียนการสอน รายวิชา ง.20210 เทคโนโลยีสารสนเทศ3 โปรแกรม Powerpoint 2007 เพื่อศึกษาใน เรื่อง วิธีการทำขนมไทย ผู้จัดทำหวังว่า คงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ศึกษา หากมีข้อผิดผาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมา ณโอกาศนี้ ผู้จัดทำ
สารบัญ ประวัติความเป็นมา 1 วิธีทำขนมหม้อแกง 2 วิธีทำกล้วบวชชี 3 วิธีทำฝอยทอง 4 วิธีทำทองหยิบ 5วิธีทำทองหยอด 6 ข้อมูลอ้างอิง 7 ผู้จัดทำ 8
ประวัติความเป็นมาของขนมไทยประวัติความเป็นมาของขนมไทย ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครกขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม ขนมไทยดั้งเดิม มีส่วนผสมคือ แป้ง น้ำตาล กะทิ เท่านั้น ส่วนขนมที่ใช้ไข่เป็นส่วนประกอบ เช่น ทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน นั้น มารี กีมาร์ เดอ ปีนา (ท้าวทองกีบม้า)หญิงสาวชาวโปรตุเกส เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ ก็คือขนมจากไข่ และเชื่อกันว่าชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ เช่น รับประทานฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน รับประทาน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน รับประทาน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เจริญ รับประทานขนมทองเอก ก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการพิมพ์ตำราอาหารออกเผยแพร่ รวมถึงตำราขนมไทยด้วย จึงนับได้ว่าวัฒนธรรมขนมไทยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรก ตำราอาหารไทยเล่มแรกคือแม่ครัวหัวป่าก์ ในสมัยต่อมาเมื่อการค้าเจริญขึ้นในตลาดมีขนมนานาชนิดมาขาย และนับว่าาเป็นยุคที่ขนมไทยเป็นที่นิยม สารบัญ 1
วิธีทำ หม้อแกงขยำไข่กับน้ำตาลปี๊บให้ ด้วยใบเตยให้ น้ำตาลละลาย จนหมด และไข่ขึ้นฟองดี ก็ใส่หัวกะทิ ลงไป หลังจากนั้นก็กรองด้วยผ้าขาวบาง เอาเศษ ใบเตย ออกเสียหน่อยนำถั่ว มาใส่ลงไป ในส่วนผสมไข่กับน้ำตาลกะทิ ที่เรากรองไว้แล้ว คนส่วนผสมให้เข้ากัน ใส่น้ำมันเจียวหอม 2 ช้อนโต๊ะ ลงไป ทีนี้หละส่วนผสมหอมฉุยนำส่วนผสมไปตั้งไฟ กวนด้วยไฟอ่อน ให้ ส่วนผสมข้นสักหน่อย แล้วก็นำมาใส่ถาด หรือ จะใส่ด้วยเล็กๆ อลูมีเนียม ก็แล้วแต่สะดวก ป้าพร ทำคราวนี้ตอนแรกก็ใส่ถาด แต่ปริมาณ ขนมน้อย ใส่ถาดแล้วจะทำให้ ขนมบาง ไปหน่อย เลยต้องเปลี่ยนแผน ตักเอามาใส่ถ้วยอลูมีเนียม ก็สะดวกในการ พกพา หอบหิ้วไป ฝากคนอื่นด้วย อิ อิหลังจากนั้น ก็อบไฟ 200 องศา สัก 30 นาที พอขนมเหลือง ก็ใช้ได้ จะเอาเหลืองอ่อนหรือเหลืองแก่ ก็ไม่ว่ากัน แต่อย่าให้เหลืองไหม้แล้วกัน มันจะขมหนะ อิ อิขนมหม้อแกงสูตรโบราณ ดั้งเดิมหนะ เมื่อนำขนมเทใส่ถาดแล้วก็จะนำถดขนมมาผิงไฟ การผิงขนมของสมัยก่อนหนะ ก็จะมีแผ่นสังกะสี ที่มีถ่านที่มาจาก กาบมะพร้าวแห้งจุดวางอยู่ด้านบน แล้ว วางทับด้านบน ถาดขนม แล้วดานล่างของถาดขนมก็มีความร้อนด้วย เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้าน ที่เก่งจริงๆ ผลออกมาก็เหมือนกับ เตาอบไฟฟ้า ที่เราใช้กันทุกวันนี้ แต่ทำไปทำมา การอบผิงขนมแบบสมัยเก่า ทำให้ขนม และอาหารที่ปรุงทุกอย่าง อร่อย เพราะจะมีกลิ่นหอม ของกาบมะพร้าวด้วยหนะซิ แถมกาบมะพร้าวที่ไหม้ไฟแล้วหนะ เขาก็ไม่ทิ้งกันหนะ เอามาผสมนำเอาน้ำดำๆนั่นหนะ ไปใส่ ผสมขนมเปียกปูน อีกด้วย สมัยนี้หากินขนมเปียกปูนสีดำกันยากแล้ว ไม่ค่อยมีให้เห็น มีเห็นกันคุ้นตา ก็ขนมเปียกปูนใบเตย สีเขียว เสียส่วนใหญ่ สารบัญ 2
วิธีทำ กล้วยบวชชี 1. ปอกกล้วยให้หมดเส้นใย ถ้าเป็นกล้วยไข่ให้ตัด 2ท่อน ถ้าเป็นกล้วยน้ำว้าให้ผ่า2ซีก แล้วตัด2ท่อน 2. หัวกะทิตั้งไฟให้เดือด 3. หางกะทิใส่น้ำตาล เกลือ ตั้งไฟ และต้องคอยคนอยู่เสมอ พอเดือดใส่กล้วย ต้มพอสุก ยกลง เวลาตักใช้หัวกะทิราด สารบัญ 3
วิธีทำ ฝอยทอง1. น้ำตาลทราย น้ำ ตั้งไฟพอเดือดน้ำตาลละลาย2. ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง ตั้งไฟเคี่ยวต่อ3. ให้น้ำเชื่อมมีลักษณะไม่ข้นหรือใสเกินไป เหมาะสำหรับโรยฝอยทอง4. ตอกไข่ แยกไข่ขาวออกใช้แต่ไข่แดง และเก็บน้ำไข่ขาวที่ใสไม่เป็นลิ่ม เรียกน้ำค้างไข่5. นำไข่แดงใส่ผ้าขาวบางรีดเยื่อไข่ออก ผสมไข่แดงกับน้ำค้างไข่ตามส่วน คนให้เข้ากัน6. เตรียมกระทะทองใส่น้ำเชื่อมเดือด ๆ ไว้ ทำกรวยด้วยใบตอง หรือใช้กรวยโลหะใส่7.ไข่แดงโรยในน้ำเชื่อมเดือด ๆ ไปรอบ ๆ ประมาณ 20-30 รอบ เส้นไข่สุกใช้ไม้แหลม8. สอยขึ้นจากน้ำเชื่อม พับเป็นแพ อบด้วยควันเทียนหลังจากเย็นแล้ว สารบัญ 4
วิธีทำ ทองหยิบ 1. ผสมน้ำ น้ำตาลทราย ตั้งไปให้เดือด พอเหนียว ตักน้ำเชื่อมขึ้นใส่ถาดไว้ พอประมาณ ส่วนที่เปลือตั้งไฟต่อไป 2. แยกไข่แดง ไข่ขาว 3. ตีไข่แดงให้ขึ้น ไข่จะเปลี่ยนเป็นสีนวล 4. ตักไข่ที่ตีได้ที่แล้วหยอดลงในน้ำเชื่อมที่ตั้งอยู่บนไฟอ่อนให้เป็นวงกลมพอสุกกลับอีกด้านหนึ่งลง 5. ตักแผ่นทองหยิบขึ้นวางในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วกลาง นิ้วชี้ ของมือซ้าย หยิบไข่ ตามด้วย นิ้วหัวแม่มือนิ้วชี้ ของมือขวา หยิบขึ้นใส่ในถ้วยตะไล สารบัญ 5
วิธีทำ ทองหยอด1. ผสมน้ำตาลกับน้ำตามส่วน ตั้งไฟพอละลาย กรองแล้วนำไปตั้งไฟอีกจนเดือด แบ่งน้ำเชื่อมออกมา 1 ถ้วย สำหรับแช่ทองหยอด น้ำเชื่อมที่เหลือตั้งไฟต่อจนเริ่มข้นยกลง สำหรับหยอดทองหยอด2. ต่อยไข่ แยกใช้แต่ไข่แดงรีดเยื่อออกตีให้ขึ้นฟูมากๆ ตวงไข่แดง 1 ถ้วย ใส่ถ้วยผสมแป้ง 1/3 ถ้วย คนให้เข้ากันเร็วๆ3. ยกหม้อน้ำเชื่อมตั้งไฟแรงให้น้ำตาลเดือดพล่าน ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้และนิ้วกลางหยิบ แล้วกวาดแป้งที่ปากถ้วย สะบัดลงในกระทะทันที ทำเช่นนี้จนเต็มกระทะ พอสุกใช้ทัพพีโปร่งตักขึ้นแช่ในน้ำเชื่อมที่แบ่งไว้ สารบัญ 6
ข้อมูลอ้างอิง http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2 สารบัญ 7
ผู้จัดทำ 1.ด.ช.ถิรวัฒน์ ยิ้มใย 2.ด.ช.ปฏิภาณ ทิมแท้ 3.ด.ช.ศุภากร ลืมจันทร์ 4.ด.ช.อนุวัตร์ ทองคล้าย สารบัญ 8
ทองหยอดและเม็ดขนุนเสียบไม้ทองหยอดและเม็ดขนุนเสียบไม้
ขอจบการนำเสนอเพียงแค่นี้ครับขอจบการนำเสนอเพียงแค่นี้ครับ ขอบคุณครับ...