1 / 48

Managing Dependent Demand

Managing Dependent Demand. Somjit L. A. B(4). C(2). D(2). E(1). D(3). F(2). Independent demand and Dependent demand. Independent Demand. Dependent Demand. Independent demand is uncertain. Dependent demand is certain. Managing Dependent Demand.

lainey
Télécharger la présentation

Managing Dependent Demand

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ManagingDependentDemand Somjit L.

  2. A B(4) C(2) D(2) E(1) D(3) F(2) Independent demand and Dependent demand Independent Demand Dependent Demand Independent demand is uncertain. Dependent demand is certain.

  3. Managing Dependent Demand • ในการจัดการเกี่ยวกับสินค้าคงคลังกรณีที่ความต้องการเป็นแบบ Dependent Demand • จะใช้เทคนิคที่เรียกว่า (Material Requirement Planning : MRP) : การวางแผนความต้องการวัสดุ • MRP เป็น Program คอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง

  4. MRP คืออะไร? • MRP เป็นเทคนิคที่ใช้ในวางแผนการจัดลำดับการใช้และควบคุมวัสดุที่ใช้ในการผลิต โดยอาศัยคอมพิวเตอร์ในการจัดระบบสารสนเทศ • โดยจะต้องทำการแยกชิ้นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปออกเป็นรายชิ้น • แล้วทำการวางแผนจัดลำดับความต้องการของชิ้นส่วนต่าง ๆ ในแต่ละชิ้น • เพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุที่ใช้ในการผลิตในปริมาณที่ต้องการ ณ เวลาที่ต้องการ

  5. MRPProcessing MRP Inputs MRP Outputs Changes Order releases Master schedule Planned-order schedules Primary reports Exception reports Bill of materials file Planning reports MRP computer programs Secondary reports Performance- control reports Inventory records file Inventory transaction องค์ประกอบของระบบ MRP

  6. Assembly Subassembly Fabrication Procurement 6 7 1 2 3 4 5 8 9 10 Planning Horizon

  7. Master Schedule • แผนแม่บทจะกำหนดถึง • ความต้องการของภัณฑ์สำเร็จรูปว่า • ต้องการเท่าใด • ต้องการเมื่อใด

  8. ตัวอย่างของ Master Schedule

  9. Bill-of-Materials • Bill of materials (BOM) : คือรายละเอียดที่แสดงถึงวัสดุและชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิต หรือประกอบให้เป็นตัวผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป • Product structure tree : โครงสร้างของผลิตภัณฑ์คือการนำ BOM มาจัดแสดงในลักษณะลำดับขั้นทำก่อนทำหลังในรูปของผังต้นไม้

  10. Product Structure Tree X B(2) C D(3) E E(2) F(2) E(4)

  11. X B(2) C D(3) F(2) E(4) E(2) E Low Level Coding Level 0 1 2 E E(2) 3

  12. แฟ้มข้อมูลสินค้าคงเหลือแฟ้มข้อมูลสินค้าคงเหลือ • เป็นแฟ้มข้อมูลที่เกี่ยวกับสารสนเทศของวัสดุและชิ้นส่วนต่าง ๆ • ข้อมูลที่จัดเก็บไว้จะประกอบด้วยปริมาณสินค้าคงเหลือ • จำนวนที่ได้รับเพิ่ม • รายละเอียดของผู้ค้าส่ง • เวลานำส่ง • ปริมาณการสั่งซื้อหรือผลิต

  13. MRP Processing • Gross requirements (ความต้องการรวม) • Schedule receipts (จำนวนที่จะได้รับ) • Projected on hand (จำนวนที่อยู่ในมือที่สามารถนำไปใช้ได้) • Net requirements (จำนวนความต้องการสุทธิ) • Planned-order receipts (จำนวนรับตามแผน) • Planned-order releases (จำนวนสั่งตามแผน)

  14. ตารางแผนการสั่งซื้อหรือสั่งผลิตของระบบ MRP

  15. Gross requirements (ความต้องการรวม) • หมายถึงจำนวนของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป หรือ ชิ้นส่วนที่ต้องการ • เพื่อใช้ในการประกอบชิ้นส่วนอื่นในระดับสูงขึ้นไปของโครงสร้างผลิตภัณฑ์ • จำนวนผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจะถูกกำหนดโดยแผนแม่บท • ส่วนความต้องการของชิ้นส่วนอื่น ๆ จะถูกกำหนดโดยรายการวัสดุและความต้องการของชิ้นส่วนในระดับที่สูงกว่า

  16. Schedule receipts (จำนวนที่จะได้รับ) • หมายถึงจำนวนของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป หรือ ชิ้นส่วน • ที่จะได้รับจาก Suppliers หรือจากการสั่งผลิตก่อนหน้านี้ • และคาดว่าจะได้รับในช่วงเวลาที่กำลังพิจารณา

  17. On hand (จำนวนที่อยู่ในมือที่สามารถนำไปใช้ได้) • หมายถึงจำนวนของชิ้นส่วน • ที่สามารถนำไปใช้เพื่อการผลิตได้ ณ เวลาที่กำลังพิจารณา หาได้จาก จำนวนที่อยู่ในมือก่อนหน้า - ความต้องการรวมก่อนหน้า + จำนวนรับตามแผนก่อนหน้า + จำนวนที่จะได้รับในช่วงเวลานั้น

  18. Net requirements (จำนวนความต้องการสุทธิ) • หมายถึงจำนวนสุทธิของชิ้นส่วนที่ต้องการในแต่ละช่วงเวลาหาได้จาก จำนวนความต้องการรวม - จำนวนที่อยู่ในมือ ถ้าความต้องการรวมมีมากกว่าจำนวนของที่อยู่ในมือ แต่ถ้าพบว่าจำนวนที่อยู่ในมือมีมากกว่าความต้องการรวม จำนวนความต้องการสุทธิจะเป็น 0

  19. Planned-order receipts (จำนวนรับตามแผน) • หมายถึงจำนวนชิ้นส่วนที่จะได้รับตามแผนที่กำหนด • เพื่อใช้ในการประกอบชิ้นส่วนอื่นต่อไป • จำนวนที่รับตามแผนนี้ โดยทั่วไปจะมีค่าเท่ากับความต้องการสุทธิ

  20. Planned-order releases (จำนวนสั่งตามแผน) • หมายถึงจำนวนชิ้นส่วนที่จะต้องสั่งซื้อหรือสั่งผลิตในช่วงเวลาที่กำหนด • จำนวนสั่งตามแผนจะมีค่าเท่ากับจำนวนรับตามแผน • แต่เวลาสั่งจะทำก่อนซึ่งเท่ากับเวลานำส่ง • จำนวนสั่งตามแผนนี้จะกลายเป็นความต้องการรวมของชิ้นส่วนที่อยู่ในระดับถัดไป

  21. Procurement of raw material D Fabrication of part E Subassembly A Procurement of raw materialF Final assembly and inspection Procurement of part C Procurement of part H Subassembly B Fabrication of part G Procurement of raw material I 6 7 1 2 3 4 5 8 9 10 11 Assembly Time Chart

  22. MRP Outputs : MRP Primary Reports • Planned orders - แผนการสั่ง แสดงถึงปริมาณและเวลาที่จะต้องทำการสั่งซื้อหรือสั่งผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ • Order releases - ใบสั่งซื้อหรือสั่งผลิต ซึ่งเป็นคำสั่งให้ทำการสั่งซื้อหรือสั่งผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ • Changes - รายการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแสดงถึงรายการที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากแผนที่กำหนดไว้ ตลอดจนการปรับเปลี่ยนใบสั่งซื้อหรือสั่งผลิตที่ได้เคยออกไปก่อนหน้านี้แล้ว เช่น การเปลี่ยนแปลงปริมาณ กำหนดเวลาส่งหรือยกเลิกใบสั่งซื้อหรือสั่งผลิต

  23. MRP Secondary Reports • Performance-control reports รายงานผลการควบคุม ซึ่งใช้ในการควบคุมและประเมินผลการดำเนินการของระบบ MRP เช่น รายงานความคลาดเคลื่อนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น • Planning reports แผนงาน เป็นรายงานซึ่งผู้บริหารสามารถใช้ช่วยในการพยากรณ์ความต้องการของสินค้าคงเหลือในอนาคต รายงานนี้ประกอบด้วยสัญญาการสั่งซื้อและสั่งผลิตชิ้นส่วน • Exception reports รายงานพิเศษอื่น ๆ ซึ่งแสดงถึงปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นแล้วอาจจะมีผลต่อการดำเนินการของระบบ

  24. ตัวอย่าง • โครงสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับการประกอบม้านั่งมีพนักพิงแสดงอยู่ในรูปต่อไปนี้ • จากข้อมูลที่มีอยู่ดังต่อไปนี้ให้กำกำหนดแผนการสั่งซื้อชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อประกอบม้านั่งให้ลูกค้าจำนวน 500 ตัวในสัปดาห์ที่ 8 นับจากปัจจุบัน

  25. ม้านั่งมีพนักพิง (1) LT = 1 ( H ) ที่รองนั่งและขาหน้า (1) LT = 2 ( F ) สกรู ( 4 ) LT = 1 ( E ) พนักพิงและขาหลัง (1 ) LT = 2 ( G ) โครงขาหน้า (1 ) LT = 1 ( A ) สกรู ( 4 ) LT= ( E ) ที่รองนั่ง (1) LT = 2 (C) โครงขาหลัง (1) LT = 4 (B) สกรู ( 4 ) LT = 1(E) พนักพิง (1 ) LT = 1( D ) Product Structure Tree

  26. Data

  27. ตารางแผนการสั่งซื้อหรือสั่งผลิตของระบบ MRP H 1 Week 500 50 50 50 50 50 50 50 50 450 450 450

  28. ตารางแผนการสั่งซื้อหรือสั่งผลิตของระบบ MRP F 2week 450 2 2 2 2 2 2 2 448 448 448

  29. ตารางแผนการสั่งซื้อหรือสั่งผลิตของระบบ MRP G 2 week 450 110 110 110 110 110 110 110 340 340

  30. ตารางแผนการสั่งซื้อหรือสั่งผลิตของระบบ MRP B 4 วัน 340 100 100 100 100 100 240 240

  31. Lot sizing • Lot - for - Lot ต้องการเท่าใดสั่งเท่านั้น • EOQ สั่งในปริมาณที่ประหยัดที่สุด • Period Order Quantity สั่งให้พอใช้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง • Part Period Total Cost Balancing สั่งในจำนวนที่ทำให้เกิดความสมดุลย์ระหว่างค่าสั่งกับค่าเก็บ • จะเลือกวิธีที่ทำให้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าเก็บรักษาและค่าสั่งประหยัด ที่สุด

  32. ตัวอย่าง • Average Weekly Demand = 100 Units • Set - up Cost = 90฿/order • Inventory Holding = 0.2฿/unit/week • Lead Time = 2 weeks

  33. Lot - for - Lot 50 170 70 20 50 100 150 200 100 80 20 160 50 100 100 150 200 80 20 160 50 80 100 150 200 100 20 160

  34. Total Cost • ค่าสั่ง = 8 x 90 = 720 ฿ • ค่าเก็บ = (20 + 20) x 0.2 = 8 ฿ • TC = 720 + 8 = 728 ฿

  35. EOQ = 300 Units 50 170 70 20 250 150 150 0 100 0 0 220 200 50 200 80 300 300 300 300 300 300

  36. Total Cost • ค่าสั่ง = 3 x 90 = 270 ฿ • ค่าเก็บ = (1150) x 0.2 = 230 ฿ • TC = 270 + 230 = 500 ฿

  37. 150 200 100 80 20 160 Period Order Quantity = 300/100 = 3 days 50 170 70 20 100 0 300 100 50 100 0 150 450 260 150 260 450

  38. Total Cost • ค่าสั่ง = 3 x 90 = 270 ฿ • ค่าเก็บ = (880) x 0.2 = 176 ฿ • TC = 270 + 176 = 446 ฿

  39. 50 100 0 150 200 100 80 20 160 Part Period Total Cost Balancing 50 170 70 20 ?

  40. Part Period Total Cost Balancing สั่งครั้งที่ 1 จำนวน period ค่าสั่ง ค่าเก็บ 1 90 0 2 90 20 = (100)x0.2 3 90 20 = (100+0)x0.2 4 90 110 = (250+150+150)x0.2

  41. 50 170 70 20 250 150 150 50 100 0 150 200 100 80 20 160 Part Period Total Cost Balancing 300 ? 300 ?

  42. Part Period Total Cost Balancing สั่งครั้งที่ 2 จำนวน period ค่าสั่ง ค่าเก็บ 1 90 0 2 90 20 = (100)x0.2 3 90 20 = (100+0)x0.2 4 90 78 = (180+80+80)x0.2 5 90 84 = (200+100+100+20)x0.2 6 90 244 = (360+260+260+180+160)x0.2

  43. 50 170 70 20 250 150 150 50 100 0 150 200 100 80 20 160 300 300 Part Period Total Cost Balancing 200 100 100 20 400 160 400

  44. Total Cost • ค่าสั่ง = 3 x 90 = 270 ฿ • ค่าเก็บ = (1010) x 0.2 = 202 ฿ • TC = 270 + 202 = 472 ฿

  45. Capacity Planning • การวางแผนความต้องการกำลังการผลิต เป็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งของกระบวนการวางแผนการผลิต • ระบบ MRP สามารถช่วยในการวางแผนความต้องการกำลังการผลิต • โดยมีหลักการดังแสดงในรูปต่อไปนี้

  46. Revise tentative master production schedule Firm up a portion of the MPS Change capacity MRP Planning Use MRP to simulate material requirements Develop a tentative master production schedule Convert material requirements to resource requirements No Is shop capacity adequate? Cancapacity be changed to meet requirements No Yes Yes

  47. MRP II • Expanded MRP with and emphasis placed on integration • Financial planning • Marketing • Engineering • Purchasing • Manufacturing

  48. Master production schedule Market Demand Finance Manufacturing Marketing Production plan MRP Adjust master schedule Rough-cut capacity planning Capacity planning Adjust production plan No Yes Requirements schedules No Yes Problems? Problems? MRP II

More Related