1 / 53

การ ประเมินตนเอง

การ ประเมินตนเอง. สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล(องค์การมหาชน). SA 2011. Scoring 2011 SAR 2011 ( Self Assessment Report 2011 ). Scoring Guideline 2011. Scoring Guideline. วัตถุประสงค์ของ scoring guideline เป็นเครื่องมือเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของโรงพยาบาล

lamis
Télécharger la présentation

การ ประเมินตนเอง

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การประเมินตนเอง สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล(องค์การมหาชน)

  2. SA 2011 • Scoring 2011 • SAR 2011 ( Self Assessment Report 2011)

  3. Scoring Guideline2011

  4. Scoring Guideline • วัตถุประสงค์ของ scoring guideline • เป็นเครื่องมือเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของโรงพยาบาล • เป้าหมายสำคัญของการให้คะแนนนั้นคือให้ทราบถึงทิศทางการพัฒนาข้างหน้า • แนวทางการใช้ • ใช้ประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานหรือเปรียบเทียบกับเป้าหมายของหน่วยงาน • การตัดสินใจต้องอาศัยการมองในภาพรวมและการใช้ดุลยพินิจร่วมกัน • การใช้ scoring guideline ของผู้เยี่ยมสำรวจ • เพื่อเสนอแนะต่อคณะกรรมการรับรอง • เพื่อเขียนข้อเสนอแนะต่อโรงพยาบาล 2

  5. Scoring Guideline: For Continuous Improvement to Excellence 1 1.5 2 2.5 3 3.5 4 5 โดดเด่นพร้อมเล่า ผลลัพธ์ดีเลิศ พอใจกับผลงาน ยังต้องปรับปรุง ในประเด็นสำคัญ ผลลัพธ์ดีกว่า ระดับเฉลี่ย เป็นแบบอย่างที่ดี ของการปฏิบัติ มีวัฒนธรรม คุณภาพ เพิ่งเริ่มต้น ผลลัพธ์อยู่ใน ระดับเฉลี่ย ผลลัพธ์ไม่น่าพึงพอใจ ปรับปรุงระบบ บูรณาการ นวตกรรม บรรลุเป้าหมาย พื้นฐาน เริ่มต้น นำไปปฏิบัติ กิจกรรม คุณภาพพื้นฐาน 5ส., ข้อเสนอแนะ วัฒนธรรม เรียนรู้ นำไปปฏิบัติ ครอบคลุม ถูกต้อง สื่อสาร มีความเข้าใจ ประเมินผล อย่างเป็นระบบ ตั้งทีม วางกรอบการทำงาน ปรับปรุงโครงสร้าง สังเกตความเชื่อมโยง ของแต่ละระดับขั้น -> พัฒนาต่อเนื่อง ออกแบบ กระบวนการ เหมาะสม สอดคล้องกับ บริบท แก้ไขเมื่อเกิดปัญหา

  6. Beauty Scoring Guideline เป็นคนอยากสวย มีแนวโน้มว่าจะสวย สวยระดับเฉลี่ย สวยวันสวยคืน สวยสุดยอด

  7. ใช้ Scoring Guideline เพื่อยกระดับการพัฒนา 1 1.5 เพิ่งเริ่มต้น กิจกรรม คุณภาพพื้นฐาน 5ส., ข้อเสนอแนะ Set Up กำหนดผู้รับผิดชอบและบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจน กำหนดแนวทางการทำงาน วิเคราะห์ปัญหาสำคัญที่เคยเกิดขึ้นหรือมีโอกาสจะเกิดขึ้น แก้ไขปัญหาแบบตั้งรับ ปรับปรุงในส่วนที่เป็นเรื่องง่ายๆ ตั้งทีม วางกรอบการทำงาน ปรับปรุงโครงสร้าง แก้ไขเมื่อเกิดปัญหา 3

  8. ใช้ Scoring Guideline เพื่อยกระดับการพัฒนา 1 1.5 2 2.5 ยังต้องปรับปรุง ในประเด็นสำคัญ เพิ่งเริ่มต้น ผลลัพธ์ไม่น่าพึงพอใจ เริ่มต้น นำไปปฏิบัติ กิจกรรม คุณภาพพื้นฐาน 5ส., ข้อเสนอแนะ Plan & Do ออกแบบกระบวนการทำงานให้เหมาะกับปัญหา สื่อสารทำความเข้าใจ เริ่มต้นนำไปปฏิบัติด้วยความเข้าใจ การปฏิบัติครอบคลุมพื้นที่สำคัญจำนวนหนึ่ง สื่อสาร มีความเข้าใจ ตั้งทีม วางกรอบการทำงาน ปรับปรุงโครงสร้าง ออกแบบ กระบวนการ เหมาะสม แก้ไขเมื่อเกิดปัญหา 4

  9. ใช้ Scoring Guideline เพื่อยกระดับการพัฒนา 1 1.5 2 2.5 3 3.5 พอใจกับผลงาน ยังต้องปรับปรุง ในประเด็นสำคัญ เพิ่งเริ่มต้น ผลลัพธ์อยู่ใน ระดับเฉลี่ย ผลลัพธ์ไม่น่าพึงพอใจ บรรลุเป้าหมาย พื้นฐาน Do & Check การออกแบบที่ดี (HFE) การปฏิบัติครอบคลุมพื้นที่สำคัญ การปฏิบัติถูกต้องตามที่ออกแบบ เริ่มประเมินเชิงคุณภาพ เห็นผลการปฏิบัติที่บรรลุเป้าหมาย เริ่มต้น นำไปปฏิบัติ กิจกรรม คุณภาพพื้นฐาน 5ส., ข้อเสนอแนะ นำไปปฏิบัติ ครอบคลุม ถูกต้อง สื่อสาร มีความเข้าใจ ตั้งทีม วางกรอบการทำงาน ปรับปรุงโครงสร้าง ออกแบบ กระบวนการ เหมาะสม สอดคล้องกับ บริบท แก้ไขเมื่อเกิดปัญหา 5

  10. ใช้ Scoring Guideline เพื่อยกระดับการพัฒนา 4 โดดเด่นพร้อมเล่า ผลลัพธ์ดีกว่า ระดับเฉลี่ย Check & Act ประเมินผลอย่างเป็นระบบ (Evaluation) ปรับปรุงระบบ (Improvement) บูรณาการ (Integration) นวตกรรม (Innovation) ปรับปรุงระบบ บูรณาการ นวตกรรม ประเมินผล อย่างเป็นระบบ 6

  11. 4 5 โดดเด่นพร้อมเล่า ผลลัพธ์ดีเลิศ • สามารถแสดงให้เห็นการบรรลุเป้าประสงค์ขององค์กร • สามารถแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะ clinical outcome • มีการประเมินประสิทธิภาพของระบบหลักๆ • มีการใช้นวตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ • มีวัฒนธรรมคุณภาพ ความปลอดภัย การเรียนรู้ • มีบูรณาการของการพัฒนา • มีการพัฒนาที่สามารถใช้เป็นแบบอย่างให้แก่โรงพยาบาลอื่น ผลลัพธ์ดีกว่า ระดับเฉลี่ย เป็นแบบอย่างที่ดี ของการปฏิบัติ มีวัฒนธรรม คุณภาพ Check & Act ประเมินผลอย่างเป็นระบบ (Evaluation) ปรับปรุงระบบ (Improvement) บูรณาการ (Integration) นวตกรรม (Innovation) ปรับปรุงระบบ บูรณาการ นวตกรรม วัฒนธรรม เรียนรู้ ประเมินผล อย่างเป็นระบบ

  12. สวยสุดยอด สวยวันสวยคืน สวย แนวโน้มจะสวย อยากสวย

  13. Overall Scoring • Overall Scoring คือการให้คะแนนตาม Overall Requirement (ข้อกำหนดโดยรวม) ของมาตรฐาน • เป็นการมองภาพรวมของทิศทางการพัฒนาว่าจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายได้เพียงใด โดยไม่ต้องลงในรายละเอียดจำนวนมาก • อิงตาม scoring guideline 5 ระดับ และตามสภาวะที่เป็นจริง • เลือกประเด็นที่มีความสำคัญสูง ไม่เน้นความสมบูรณ์ในทุกประเด็น เลือกประเด็นที่รับรู้ได้ง่ายโดยไม่ต้องเจาะลึก ประเมินได้จากการรับฟังเรื่องเล่าของ รพ. • เป้าหมายเพื่อช่วยให้ รพ.เห็นตัวเองได้ง่าย เข้าใจหัวใจของมาตรฐานใหม่ได้ง่ายก่อนลงรายละเอียด รพ.พัฒนาได้ง่ายขึ้น 8

  14. แนวคิด HA Scoring 2011 1) การเยี่ยมสำรวจคือการทบทวนโดยมิตรจากภายนอก (external peer review) เพื่อรับรู้ maturity ของการพัฒนา และกระตุ้นให้เกิด CQI 2) ผู้เยี่ยมสำรวจมีหน้าที่ในการ a. รับรู้บริบทและผลงานการพัฒนาของโรงพยาบาล b. สร้างกระบวนการเรียนรู้จากผลงานของโรงพยาบาล c. ร่วมกับโรงพยาบาลในการจัดทำประเด็นในแผนการพัฒนา (Issues for Improvement-IFI) ที่เหมาะสมและสมบูรณ์ 3) โรงพยาบาลมีหน้าที่ในการ a. ใช้ HA Scoring 2011 ในการประเมินตนเองและจัดทำร่างประเด็นในแผนการพัฒนาเพื่อยกระดับ maturity b. พาผู้เยี่ยมสำรวจตามรอยระบบงานต่างๆ ของโรงพยาบาล 9

  15. แนวคิด HA Scoring 2011 4) การผ่านการรับรองจะมีระดับต่างๆ ซึ่งรับรู้กันเป็นการภายใน และมีผลต่อความเข้มข้นของการติดตามดังนี้ a. ระดับพอผ่าน เมื่อ mode ของ score อยู่ระหว่าง 2.5 -3.0 b. ระดับดี เมื่อ mode ของ score อยู่ระหว่าง 3.0-3.5 c. ระดับดีมาก เมื่อ mode ของ score อยูระหว่าง 3.5-4.0 d. ระดับดีเยี่ยม เมื่อ mode ของ score มากกว่า 4.0 9

  16. แนวทางการกำหนดระดับคะแนนแนวทางการกำหนดระดับคะแนน • 1) พิจารณาตามระดับ maturity ของการพัฒนา • คะแนน 1 เป็นช่วงเริ่มต้นการพัฒนา อาจจะมีลักษณะตั้งรับ เน้นที่การวิเคราะห์ การตั้งทีม การจัดหาทรัพยากร การกำหนดแนวทาง • คะแนน 2 เป็นช่วงของการวางระบบงานและเริ่มนำไปสู่การปฏิบัติ • คะแนน 3 เป็นช่วงของการปฏิบัติตามแนวทางที่ออกแบบไว้จนเห็น early result ถือว่าเป็นระดับที่คาดหวังโดยเฉลี่ย เป็นระดับที่หวังผล (effective) • คะแนน 4 เป็นช่วงของการมีความโดดเด่นในกระบวนการบางอย่าง ซึ่งอาจจะเป็นนวตกรรม การเชื่อมโยง หรือวิธีการที่ได้ผลดีต่างๆ ตัวอย่างที่แนะนำไว้เป็นเพียงแนวทางซึ่งไม่จำเป็นต้องทำได้ครบถ้วน และอาจจะมีเรื่องอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้ดุลยพินิจประกอบ • คะแนน 5 เป็นระดับที่แสดงถึงกระบวนการประเมินและปรับปรุงอย่างเป็นระบบ (systematic evaluation & improvement) ส่งผลให้มีผลลัพธ์ที่เป็นเลิศ เป็นผู้นำในด้านนั้นๆ

  17. แนวทางการกำหนดระดับคะแนนแนวทางการกำหนดระดับคะแนน • 2) พิจารณาตามระดับความยากง่ายในการดำเนินการ • อาจจะนำข้อกำหนดในมาตรฐานแต่ละประเด็นมาพิจารณาว่าประเด็นใดที่ทำได้ง่ายที่สุด และยากขึ้นเป็นลำดับขั้น โดยพยายามให้สอดคล้องกับแนวทางในข้อ 1) • อาจจะพิจารณาระดับความยากง่ายตามศักยภาพของโรงพยาบาล • 3) พิจารณาตามลำดับขั้นตอนที่โรงพยาบาลต้องดำเนินการก่อนหลัง • อาจพิจารณาว่าในความเป็นจริง มี sequence ของการดำเนินการวางระบบงานอย่างไรบ้าง เช่น เริ่มจากการวิเคราะห์ข้อมูล การออกแบบระบบ การฝึกอบรม การนำสู่การปฏิบัติ เป็นต้น • 4) พยายามให้มีการพิจารณาในภาพรวม • ให้มีรายละเอียดเท่าที่จำเป็น ไม่ต้องคัดลอกมาจากมาตรฐานทั้งหมด

  18. Scoring Summation

  19. ตัวอย่างการให้คะแนนและระบุประเด็นพัฒนาตัวอย่างการให้คะแนนและระบุประเด็นพัฒนา ในตอนท้ายของรายงานประเมินตนเองแต่ละบท

  20. การประเมินตนเองด้วย SAR 2011

  21. องค์ประกอบ SAR 2011 • ประเด็นคุณภาพที่สำคัญ • ข้อมูลสถิติ/ตัวชี้วัด • บริบท • กระบวนการสำคัญ • ผลการพัฒนาที่สำคัญ • Score & ประเด็นการพัฒฯ

  22. SAR 2011: การนำไปใช้

  23. การประเมิน • Scoring 2011 • SAR 2011 • Approach • Gap Analysis • Mini Research • Self Enquiry • Review • Story telling • Tracer • Indicator

  24. Gap Analysis & Evidence-based มุ่งเน้นที่ action มากกว่าการทำ guideline evidence Current/Actual Practice Desired Practice Recommendation Action Plan มีอิสระที่จะเลือก ว่าสามารถทำอะไรได้ทันที

  25. Mini - research เป็นเพียงการประยุกต์หลักการวิจัย มิใช่ทำงานวิจัย มิใช่ R2R เริ่มด้วยการตั้งคำถามที่ชัดเจน (ถ้าให้ดีให้ตั้งคำถามจากมาตรฐาน) ตั้งประเด็นไม่ต้องใหญ่ เก็บข้อมูลแต่น้อย สุ่มตัวอย่างจำนวนน้อย พอให้ได้ความเชื่อมั่น (เช่น 10-30) เก็บข้อมูลเสร็จใน 2-3 ชั่วโมง ประมวลผลได้ในหนึ่งคืน (ถ้าทำได้) ทำได้สัปดาห์ละหลายเรื่อง หลายจุด ทำกันทุกสัปดาห์ ข้อมูลมีคุณค่า: เป็นโอกาสพัฒนาและตอบแบบประเมินตนเอง นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล “คุณภาพแบบเรียบง่าย ผ่อนคลายด้วย SPA” 10th HA National Forum 12 มีนาคม 2552

  26. เชื่อมโยงข้อมูลชุมชนกับเครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูลชุมชนกับเครือข่าย มองเห็นกระบวนการดูแลผู้ป่วยที่พบโอกาสพัฒนาและโรค/ความเสี่ยงทางคลินิก จากแนวคิดนำสู่การปฏิบัติ

  27. การประเมินตนเอง (Self Assessment) ตนเอง เริ่มที่ ประเมิน แล้วจึงประเมิน สุดท้ายเขียน แบบ

  28. ประเมินอะไรดี • ประเมินสิ่งที่ตนเองทำว่ามีดีอะไร • ประเมินสิ่งที่ตนเองทำมีโอกาสพัฒนาอะไร • ประเมินสิ่งที่มีเมื่อเทียบกับมาตรฐาน • ประเมินข้อPractice ในSPA ว่ามีสิ่งใดที่ทำแล้วสิ่งใดที่น่าทำ • ประเมินสิ่งต่างๆที่วางระบบไว้ว่ามีการปฎิบัติอย่างไร โดยการตามรอย • ประเมินสิ่งที่ไม่รู้ไม่แน่ใจผ่าน Mini research ประเมินโดยใคร?

  29. ตัวอย่างการประเมินผ่านMini research • ข้อสงสัยจากมาตรฐาน III-1(5) ว่าผู้ป่วยได้รับข้อมูลที่จำเป็นอย่างเพียงพอด้วยความเข้าใจหรือไม่ • เก็บ Mini research โดยให้ผู้ช่วยเหลือคนไข้เป็นคนเก็บข้อมูล • ผลลัพธ์ผู้ป่วยนอก ทราบวินิจฉัยโรค 93.3% กลุ่มที่ไม่ทราบผลวินิจฉัยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยเด็กและผู้ป่วยหูคอจมูก • ผู้ป่วยใน ในเวลาราชการ/นอกเวลาราชการ ทราบเหตุผลที่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล81.81%/93.75%ทราบแผนการรักษา 54.54%/37.5% ทราบสิทธ์การรักษา 90.90%/75%

  30. สรุปประเด็นสำคัญ • จากการทำMini research เพื่อประเมินการได้รับข้อมูลที่จำเป็นของผู้ป่วยพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบแผนการักษา และยังมีปัญหาเรื่องสิทธิการรักษานอกเวลาราชการ จึงมีแผนที่จะพัฒนาเรื่องการสื่อสารระหว่างแพทย์กับพยาบาล และการจัดตั้งศูนย์Admit 24 ชั่วโมงเพื่อพัฒนาการให้ข้อมูลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

  31. แบบประเมินตนเอง ตนเอง เริ่มที่ ประเมิน แล้วจึงประเมิน สุดท้ายเขียน แบบ

  32. ศึกษาแบบประเมิน • ทำความเข้าใจกับแบบประเมิน

  33. ประเด็นที่จะต้องตอบในแบบประเมินตนเองตาม SAR 2011 • ประเด็นคุณภาพ,ความเสี่ยงที่สำคัญ ของแต่ละกระบวนการ • สรุปออกมาเป็นข้อมูลตัวชี้วัด โดยกำหนดเป้าหมายและผลที่ทำได้เปรียบเทียบแต่ละปี • กำหนดบริบทของกระบวนการนั้นๆของโรงพยาบาลเรา • บทเรียนที่ได้จากการทำงานและสอดคล้องกับมาตรฐานในแต่ละข้อ • ผลการพัฒนาที่สำคัญ • ประเมินให้คะแนนในแต่ละข้อมาตรฐาน • ประเด็นที่จะพัฒนาใน1-2ปี

  34. คุณค่าของรายงานการประเมินตนเองคือใช้เป็นเครื่องมือ KM

  35. ลักษณะสำคัญของโรงพยาบาล (Hospital Profile) • เป้าหมาย : • self recommendation • guide surveyor • ลักษณะการตอบ: • ทำอะไร ทำอย่างไร ได้ผลอะไร • scoring • ประเด็นที่จะพัฒนา ตอนที่ I การบริหารองค์กรในภาพรวม ตอนที่ II ระบบงานสำคัญของโรงพยาบาล ตอนที่ III กระบวนการดูแลผู้ป่วย • เป้าหมาย : • guide surveyor • ลักษณะการตอบ: • กระชับ PCT Profile & Clinical Tracer Highlight • เป้าหมาย : • confirm process maturity • ลักษณะการตอบ: • วิเคราะห์ข้อมูล อธิบายเหตุผล • การตอบสนอง ตอนที่ IV ผลการดำเนินการขององค์กร

  36. การเขียนรายงานการประเมินตนเองการเขียนรายงานการประเมินตนเอง

  37. มาตรฐานตอนที่ I-III เป้าหมาย • รพ.ทบทวนบทเรียนและวางแผนพัฒนาร่วมกัน • ผู้เยี่ยมวางแผนการเยี่ยมสอดคล้องกับความพยายามของ รพ. • หัวข้อตามแบบฟอร์ม • ประเด็นคุณภาพที่สำคัญ • ข้อมูลสถิติ/ตัวชี้วัด • บริบท • กระบวนการ • ผลการพัฒนาที่สำคัญ • Score & ประเด็นพัฒนา • นำสิ่งที่ทำจริงมาตอบอย่างกระชับ ในลักษณะ bullet • ตอบง่ายๆ ได้ใจความ: ทำอะไร ทำอย่างไร ผลเป็นอย่างไร • คำตอบเป็นผลของการปฏิบัติตามแนวทางใน SPA • สื่อให้เห็นทั้งในภาพรวม และรูปธรรมของการปฏิบัติในบางเรื่อง • ความยาวรวม 3 ตอนไม่เกิน 150 หน้า • ปรับเพิ่มลดประเด็นและตัวชี้วัดได้ตามความเหมาะสม • มาตรฐานตอนที่ III รวมของทุก PCT/CLT มาอยู่ในชุดเดียวกัน • ยกร่างฉบับกลางแล้วให้ PCT/CLT เติม, หรือ • PCT/CLT ส่งตัวแทนมาร่วมกันสรุปประเด็นสำคัญ • PCT/CLT Profile และ Clinical Tracer Highlight เป็นส่วนขยายของตอนที่ III ที่แต่ละทีมจะสรุปบทเรียนของตน

  38. SAR 2011 • ประเด็นคุณภาพที่สำคัญ (มีเริ่มต้นให้เป็นตัวอย่าง) • ผลการติดตามตัวชี้วัดสำคัญ (มีเริ่มต้นให้เป็นตัวอย่าง) • บริบท (กำหนดประเด็นให้) • กระบวนการ (กำหนดประเด็นให้) • การพัฒนาที่สำคัญ (สรุปในลักษณะ bullet) • Scoring & Issues for Improvement • ความยาวแต่ละหมวดไม่เกิน 3-5 หน้า • Clinical Tracer Highlight โรคละ 1 -2หน้า (ขอให้มี HIV, TB, Nicotine dependent รวมอยู่ด้วย)

  39. มาตรฐานตอนที่ IV วิเคราะห์เปรียบเทียบ (ตามความเหมาะสม) วิเคราะห์สาเหตุ เมื่อมีปัญหาเพิ่มขึ้น อธิบายสาเหตุหรือการปรับปรุงที่ทำให้ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลง Better ใช้ตารางถ้าเป็นข้อมูลง่ายๆ (ไม่ต้องเป็นกราฟเสมอไป) ใช้กราฟเส้นหรือกราฟแท่งถ้าต้องการแสดงแนวโน้มของข้อมูล ใช้กราฟแท่งถ้าต้องการเปรียบเทียบข้อมูลตามกลุ่มต่างๆ ระบุหน่วยนับ และช่วงเวลาให้ชัดเจน

  40. ตอบแบบประเมินตนเอง • จัดทำอย่างกระชับ ตรงประเด็น ตามแนวทางใน SPA • พร้อมที่จะนำเสนอคณะกรรมการรับรองได้ • แสดงให้เห็นประเด็นสำคัญของ รพ. และประสบการณ์จริงของ รพ. • หลีกเลี่ยงการตอบเชิงทฤษฎี แต่แสดงให้เห็นประสบการณ์ บทเรียน หรือผลลัพธ์ จากการนำทฤษฎีมาสู่การปฏิบัติ • หลีกเลี่ยงการคัดลอกเอกสารที่ รพ.ใช้มาใส่ในแบบประเมินตนเอง แต่สรุปใจความสำคัญ ที่มาที่ไป และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น • พยายามนำเสนอผลการทำ mini-research ถ้ามี • ทำแล้วอ่านกันในทีมงานให้ทั่วถึง วิพากษ์และปรับปรุง

  41. ประเมินตนเอง 3 ประเด็น 3 บรรทัด ทำอะไร • รพ.ได้ปรับปรุงการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายใน รพ. ด้วยการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการทางจิต เช่น ประสาทหลอน เพิ่มจากที่เคยมุ่งเน้นเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้า ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่ลงมือฆ่าตัวตายลดลงจากปีละ 10 รายเหลือ 0-1 ราย ทำอย่างไร ผลเป็นอย่างไร 42

  42. ส่งเสริมให้สรุปประเด็นสำคัญสะสมเก็บไว้ส่งเสริมให้สรุปประเด็นสำคัญสะสมเก็บไว้ ทำอะไร • PCTสูติได้ปรับกระบวนการให้ข้อมูลผู้ป่วยเสริมพลังผู้ป่วยPlcentaPreviaใหม่ด้วยการเชิญสามีและบุคคลในครอบครัวเข้ามารับฟังและซักถามการปฎิบัติตนเมื่อกลับบ้านแทนการให้ข้อมูลเฉพาะผู้ป่วย ทำให้เมื่อผู้ป่วยกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านสามารถปฎิบัติตามคำแนะนำได้เพิ่มมากขึ้น ทำอย่างไร ผลเป็นอย่างไร

  43. เป้าหมายของแบบประเมินตนเองเป้าหมายของแบบประเมินตนเอง • สถานพยาบาลได้ทบทวนผลการทำงานและการพัฒนาคุณภาพร่วมกันได้เรียนรู้ร่วมกันถึงจุดแข็งและโอกาสพัฒนาและวางแผนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง • เป็นเครื่องมือสื่อสารให้ผู้เยี่ยมสรวจและคณะกรรมการับรองได้รับรู้ผลงานการพัฒนาของสถานพยาบาลในลักษณะกระชับ

  44. ความเหมือน และความต่างของ SPA กับ SAR ?????

  45. SPA กับ SAR • SPA (Standards-Practice-Assessment) คือส่วนขยายความของมาตรฐาน HA ซึ่งเน้นรายละเอียดของการปฏิบัติ (practice) และให้แนวทางในเขียนรายงานการประเมินตนเอง การตอบแบบ SPA อย่างที่หลายท่านพูดถึงคือการตอบประเด็นที่ระบุไว้ใน A ในลักษณะ free style

  46. SPA กับ SAR • SAR2011 เป็นแบบฟอร์มสำหรับการเขียนรายงานการประเมินตนเองในลักษณะที่กระชับแต่ครอบคลุมประเด็นสำคัญครบถ้วน เป็นการดึงเอา A ใน SPA มาตั้งประเด็นให้ตอบ • ทั้ง SPA และ SAR2011 จึงเป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแต่หน้าตาไม่เหมือนกัน

  47. ข้อแนะนำ • ถ้าโรงพยาบาลได้จัดทำรายงานการประเมินตนเองไว้ในรูปแบบใดอยู่แล้ว ก็ให้ใช้รูปแบบนั้นต่อไป และพยายามให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ตามรอยให้ประจักษ์แจ้ง และเติมเต็ม • ถ้าโรงพยาบาลยังไม่ได้เริ่มทำรายงานการประเมินตนเอง คำแนะนำคือควรใช้แบบฟอร์ม SAR2011 เป็นแนวทาง • สำหรับโรงพยาบาลที่ได้ทำรายงานการประเมินตนเองไปแล้ว แต่พบว่าการใช้ SAR2011 จะให้ประโยชน์แก่ทีมงานมากกว่า และทีมงานเห็นพ้องกันว่าไม่ได้เป็นภาระมากขึ้น ไม่ได้ทำให้งานประจำต้องเสียหาย ก็สามารถปรับมาใช้ SAR2011ได้

  48. ลักษณะการทำแบบประเมินที่ดีลักษณะการทำแบบประเมินที่ดี อยากให้ทำแบบประเมินตนเองอย่างมีชีวิตชีวามีความสุข อยากให้ได้แบบประเมินตนเองที่อ่านแล้วมองเห็นภาพที่มีชีวิต อยากให้ใช้แบบประเมินตนเองในชีวิตทำงานประจำวัน

  49. เคล็ดลับ ทำด้วยใจ กับสองมือ ใช้สมอง

More Related