เรียน บุคลากรที่รักทุกท่าน

1. ฉบับที่ 2 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ...ฉบับประจำเดือนมีนาคม 2552... สวัสดีชาวออร์โธทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะในฉบับเดือนมีนาคมนี้ อมยิ้มคิดถึงทุกคนมาก ๆ เลยค่ะ เชื่อป่าว อิอิ ….ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละน๊า ดีใจจังเลยค่ะ ใกล้จะถึงช่วงซัมเมอร์แล้ว เดือนนี้อมยิ้มขอเอาใจสาว ๆ หน่อยละกันนะคะ สาว ๆ อย่างเราก็ต้องเตรียมแพ็กกระเป๋าไปลัลลากันที่ชายทะเลได้แล้วนะซิค่ะเนี่ย เรียน บุคลากรที่รักทุกท่าน เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานอกเหนือการจัดกิจกรรมใหม่แล้ว เรายังได้มีการสัมมนาประจำปี 2552 ของภาควิชาฯเมื่อวันเสาร์ที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา บุคลากรของเรารวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของภาควิชาฯ ได้ร่วมกันออกความคิดเห็นในแนวทางการดำเนินการของภาควิชา นับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่พวกเราทุกระดับจะได้รับรู้ความเป็นไปในปัจจุบันและอนาคต ที่สำคัญที่สุดคือได้ร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์ ว่า “เป็นองค์กรที่สร้างบุคลากรและองค์ความรู้เพื่อการบริการและสร้างเสริมสุขภาพประชาชนด้านออร์โธปิดิกส์และ เวชศาสตร์ฟื้นฟูที่มีมาตรฐานระดับนานาชาติ””ซึ่งจะเป็นแนวทางและเป้าหมายที่เราจะร่วมกันเดินไปในอีก 4 ปี ข้างหน้านี้ครับในส่วนของแผนกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการด้านต่าง ๆ ทีมบริหารจะได้จัดทำรายละเอียดต่อไป ว่าแต่ไปทะเลทั้งทีก็ต้องหากิจกรรมฮิป ๆ ทำกันซะหน่อยสิค่ะ จะมาเล่นน้ำทะเลให้ตัวดำเล่น ๆ มันก็ดูจะเบสิกเกินไปหน่อยนะคะ เพราะฉะนั้นซัมเมอร์นี้เพื่อให้สาว ๆ ออร์โธ ได้สนุกกันแบบกิ๊บเก่ยูเรก้าอู้ลั้ลล้ากันสุด ๆ อมยิ้มก็ขอนำเสนอกิจกรรมที่สาว ๆ อย่างเราไม่ควรพลาด นั่นก็คือ "การดำน้ำ"ค่ะ นอกเหนือจากการเปลี่ยนวันทำกิจกรรมวิชาการจากวันพุธเป็นวันพฤหัสแล้ว ในแต่ละวันเรายังเริ่มงานบริการในส่วนของ OPD ในเวลา 8.00 น. ตามข้อเสนอของฝ่ายวิชาการและการเรียนการสอน และมีกิจกรรมวิชาการในแต่ละวันในเวลา 14.30 น. ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนงานบริการที่ทำให้ผู้รับบริการได้สะดวกขึ้น รายละเอียดเรื่องตารางการปฏิบัติงานทั้งหมด สามารถดูได้จาก website ของภาควิชาได้ครับ ต้องบอกเลยนะคะว่า "การดำน้ำ"เป็นกีฬาและกิจกรรมที่มีเสน่ห์อย่างที่สุดเลยล่ะค่ะ เพราะนอกจากเราจะได้ใช้ทักษะในการว่ายน้ำแล้ว เรายังได้รื่นรมย์กับธรรมชาติใต้ท้องทะเลอีกด้วยนะคะ เราจะได้เห็นบรรยากาศใต้ท้องทะเลที่งดงาม ฝูงปลาน้ำลึก ดอกไม้ทะเล ปะการัง... ด้วยรักจากใจ ผศ.นพ.ธนะรัตน์ บุญเรือง หัวหน้าภาควิชาฯ

2. และถ้าจะให้เซฟสุด ๆ อมยิ้มแนะนำให้สาว ๆ ชาวออร์โธ ไปเรียนดำน้ำตามหลักสูตรที่ถูกต้องเลยจะดีที่สุดค่ะ ส่วนสาว ๆ ที่กังวลเรื่องช่วงนั้นของเดือนล่ะก็ ถ้ารู้สึกว่าตัวเองสบายตัวดี ไม่ปวดหัวหรือไม่สบายในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ก็สามารถดำน้ำได้ค่ะ แต่ถ้าหากร่างกายสาว ๆ ยังไม่ปกติในช่วงวันแรก ๆ ของรอบเดือน ก็ควรงดดำน้ำและรอให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะความสมบูรณ์พร้อม จะทำให้สาว ๆ ดำน้ำได้อย่างมีความสุขค่ะ บางคนอาจจะยังไม่เชี่ยวชาญในการดำน้ำลึก (ดำแบบสกูบ้า)ก็สามารถดำแบบสน๊อคเกิ้นได้ค่ะ ไม่ต้องไปสอบเอาใบรับรองให้ยุ่งยากด้วย แถมยังไม่ต้องไปดำน้ำใกล้ถึงแถบอันดามัน ไปแค่เกาะล้านพัทยาก็ดำดูปะการังน้ำตื่นได้แล้วล่ะค่ะ (ที่บอกแบบนี้อมยิ้มก็เป็นอีกหนึ่งคนละค่ะที่ดำน้ำลึกไม่เป็น อิอิ) แต่สำหรับสาว ๆ แล้ว ในการดำน้ำ อาจจะต้องมีการเตรียมตัวมากกว่า หนุ่ม ๆ ซักหน่อยนะคะ ... ข้อควร ปฏิบัติอีกอย่างหนึ่งสำหรับ สาว ๆ ที่อยากจะดำน้ำด้วยความ อบอุ่นใจและอบอุ่นกายก็คือ พยายาม รักษาร่างกาย ให้อบอุ่นอยู่เสมอ โดยใส่ชุดสำหรับดำน้ำ เช่น WET SUIT ที่มีขนาดพอดี กับตัวและป้องกันการสูญเสียความร้อน ออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี ไปแล้วค๊า…เจอกันที่ทะเลนะคะ อมยิ้มหวังว่าสาว ๆ ชาวออร์โธจะเอนจอยกับช่วงเวลาเข้าหน้าร้อนนี้ม๊ากมากนะคะ แล้วกลับมาพบกันฉบับหน้าในเดือนหน้าร้อนของจริง บะบายจุ๊ฟฟฟฟ อีกอย่างที่สำคัญคือ สาว ๆ จะต้องเตรียมสุขภาพให้พร้อม ใครที่เป็นโรคหอบ หรือโรคหัวใจ อมยิ้มไม่แนะน้ำให้เล่นกีฬาดำน้ำนะคะ เรื่องพื้นฐานทางด้านการว่ายน้ำก็มีส่วนสำคัญ สาว ๆ ต้องมั่นใจพอว่าจะช่วยตัวเองได้หากอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินค่ะ สำหรับอมยิ้มคิดว่าทำได้แน่นอน

3. 4. ตะคริว เกิดจากกล้ามเนื้อหดตัวอย่างรุนแรงจนเป็นก้อนแข็งและปวด พบได้บ่อยที่กล้ามเนื้อน่องและต้นขา สาเหตุจากใช้กล้ามเนื้อนั้นมากเกินไปหรือติดต่อกันนาน ๆ การสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ก่อนลงเล่นน้ำหรือว่ายน้ำควรมีการบริหารร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนประมาณ 10-15 นาที การปฐมพยาบาลเมื่อเป็นตะคริว ให้ใช้มือนวดกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว หรือยืดกล้ามเนื้อส่วนนั้นให้ตึง เช่น ตะคริวที่น่อง ให้เหยียดหัวเข่าตรงและดึงปลายเท้ากระดกเข้าหาหัวเข่าให้มากที่สุด ถ้าเป็นเพราะเหงื่อ เสียน้ำ ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ทดแทน ฉบับที่ 2 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2552 การดูแลสุขภาพระหว่างท่องเที่ยวทะเล การท่องเที่ยวเป็นการพักผ่อนทั้งกายและใจ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราใช้เวลากับครอบครัว เพื่อน ๆ หรือผู้ร่วมงาน ที่นิยมกันในช่วงปิดเทอม คือ การเที่ยวทะเล ปัญหาในการเที่ยวทะเลที่อาจพบได้ คือ 5. อาหารเป็นพิษ สาเหตุจากการรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด มีเชื้อโรคปนเปื้อน จะมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ดังนั้น ในการทานอาหาร ควรเลือกร้านอาหารที่สะอาด น้ำดื่มควรเป็นน้ำขวด หลีกเลี่ยงการทานน้ำแข็ง และควรเตรียมน้ำเกลือซองเผื่อไว้ จะช่วยบรรเทาอาการได้ 1. เป็นไข้ ปวดศีรษะ การเที่ยวทะเลบางครั้ง เพลิดเพลินจนเล่นน้ำทะเลนาน ๆ อากาศร้อน อยู่กลางแดดนาน ๆ ก็อาจทำให้ปวดศีรษะ เป็นไข้ได้ ยาแก้ปวดลดไข้เป็นสิ่งที่จำเป็น ที่จะต้องนำติดตัวไปด้วยเสมอ 2. ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเมื่อคุณต้องเดินทาง ไม่ว่าจะนั่งรถ นั่งเรือ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนั่งอยู่กับที่ ไม่ได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน ๆ กล้ามเนื้อเกิดความตึงเครียด ผลที่ตามมาคือ เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง แนะนำให้ขยับเปลี่ยนท่าหรือบริหารยืดเหยียดกล้ามเนื้อประมาณ 3-5 นาทีทุกชั่วโมง โดยการ หมุนข้อเท้า ยกส้นเท้าและปลายเท้าขึ้นลง หมุนคอ หมุนไหล่ โค้งตัวไปข้างหน้า 6. โดนพิษสัตว์ทะเล เมื่อต้องลงเล่นน้ำทะเล อาจจะโดนสัตว์ทะเลมีพิษ เช่น แมงกะพรุน ปะการัง ปลิงทะเล เมื่อสัมผัสถูกอาจทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน เกิดแผลพุพองได้ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ล้างด้วยน้ำสบู่ถูเอาเมือกออก ทาด้วยน้ำปูนใส แอมโมเนีย เพรดนิโซโลนครีม 7. บาดแผล เมื่อไปเที่ยวทะเล เที่ยวเกาะ ดำน้ำดูปะการัง โอกาสเกิดแผลเล็กน้อยได้ จากถูกหินมีคมหรือปะการังบาด การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้เช็ดบาดแผลให้สะอาดด้วยน้ำยาทำแผล betadine และปิดแผลด้วย gauze 3. อาการเมาเรือโดยมีอาการอ่อนเพลีย ง่วงซึม คลื่นไส้ อาเจียน วิธีการป้องกันโดยกินยาแก้เมารถเมาเรือก่อนที่จะลงเรือให้อยู่ในที่มีอากาศถ่ายเท หลีกเลี่ยงบริเวณที่จะมีไอเสียของเรือ หรือใกล้ห้องเครื่องที่มีกลิ่นน้ำมัน 8. การเตรียมยาและอุปกรณ์การแพทย์ ในการไปเที่ยวแต่ละครั้ง ควรมีการเตรียมยาและอุปกรณ์การแพทย์ไปด้วย เผื่อใช้ในยามฉุกเฉิน เช่นยาแก้ปวดลดไข้ เช่น paracetamol ยาแก้เมารถ เมาเรือ น้ำเกลือซองชุดทำแผล ประกอบด้วย น้ำยาทำแผล betadine , gauze , พลาสเตอร์ยา ผ้าพันแผล เที่ยวทะเลให้สนุก มีความสุขในช่วงปิดเทอมนี้นะคะ

4. E-news ฉบับเดือนมีนาคมเปิดตัวมาแบบแนวปรัชญาการใช้ชีวิต เนื่องด้วยผมกำลังจะบอกทุกคนว่าโอกาสและเวลาผ่านไปเร็ว เราไม่สามารถเรียกมันกลับมาแก้ไขได้อีก ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้ทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนที่เรารัก ย่อมทำให้เรากลายเป็นคนรุ่มรวยความสุขโดยแท้จริง มีสิ่งสำคัญ 4 ประการที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ก้อนหิน.........เมื่อได้ขว้างออกไปแล้ว คำพูด............เมื่อได้พูดออกไป เวลา..............เมื่อหมุนผ่านพ้นไป โอกาส...........เมื่อได้สูญเสียมันไป ฉะนั้น ปกิณกะฉบับนี้เราก็ตั้งใจมอบกิจกรรมเสริมความสุขให้กับบุคลากรที่มีบุตรหลานทุกคนสำหรับช่วงปิดเทอมนี้ ลองจัดตารางเวลาชีวิตตัวท่านใหม่เพื่อมอบเวลาและโอกาสในการร่วมสร้างความสุขกับลูก ๆ ของคุณนะครับ คุณเคยตั้งคำถามในใจไหมว่าคนเราเกิดมาเพื่ออะไร....และเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของคนเราหรือตัวคุณเองคืออะไร....แน่นอนคำตอบที่ได้ส่วนใหญ่คืออยากมีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขในชีวิต....แล้วตอนนี้เรามีความสุขในชีวิตแล้วหรือยังแล้วจะไปหาความสุขนั้นได้ที่ไหน ในชีวิตวัยเด็กทุกท่านคงมีความสุขกับการเล่นกับเพื่อน ไปเที่ยว เมื่อโตขึ้นความสุขคือการสอบผ่าน ได้คะแนนดี ๆ ๆ เมื่อพ้นวัยรุ่นความสุขคือการได้งานทำที่ดี มีเกียรติในสังคม หลังจากนั้นความสุขก็เปลี่ยนไปเป็นการเที่ยวยามค่ำคืน การมีรถยนต์ป้ายแดง มือถือรุ่นใหม่ ผ่านไปสักระยะความสุขผันตัวเองไปที่การแต่งงาน การมีครอบครัว การมีลูกที่น่ารัก สุดท้ายความสุขในวัยชราคือการเข้าวัดนั้นเหรอ .... แล้วตกลงความสุขคืออะไร ขณะที่ทุกคนกำลังวิ่งตามหาความสุข เวลาก็ได้ผ่านไปอย่างช้า ๆ นำเรามาพบเจอสิ่งต่างๆ มากมายในชีวิต มีทุกข์บ้างมีสุขบ้าง สำหรับน้องๆ ที่รักและชอบการเรียนรู้สิ่ง ใหม่ ๆ ในช่วงปิดเทอมนี้ คุณพ่อคุณแม่ สามารถพาน้อง ๆ มาร่วมกิจกรรมค่ายศิลปวัฒนธรรมกับหน่วยส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม คณะแพทยศาสตร์ ได้นะครับ โดยเปิดโอกาสให้กับน้อง ๆ เยาวชนที่มีอายุ 4 - 13 ปี มาร่วมสนุกกับการเรียนดนตรีไทย นาฏศิลป์ มารยาทไทย จริยธรรม ทักษะทางด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ งานเย็บปัก ถัก ร้อย ฝึกการเขียนและเล่านิทานประกอบการแสดง การประดิษฐ์สิ่งของด้วยเศษวัสดุ การทำขนมไทย เรียนรู้เรื่องสมุนไพรและวิถีชีวิตไทย การจัดสวนถาด และการวาดภาพระบายสี ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมลูกๆ ของท่านให้มีพัฒนาการทางอารมณ์ รวมทั้งการฝึกใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น โดยสามารถสมัครได้ที่หน่วยส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม คณะแพทยศาสตร์ เริ่มรับสมัคร 2 มีนาคม 2552 เป็นต้นไประยะเวลาในการร่วมกิจกรรมรวมแล้ว 30 วันทำการเวลา 8.30 - 16.30 น. ระหว่างวันที่ 16 มีนาคม - 30 เมษายน 2552สำหรับค่าลงทะเบียน 3,500 บาท เท่านั้นเองครับ แล้วลูก ๆ ของท่านก็จะมีความสุขตลอดช่วงปิดเทอมนี้ แล้วขณะนี้คุณมีความรู้สึกอย่างไร.......สำหรับตัวผมเอง ผมว่าคนเราสามารถมีความสุขเล็ก ๆ ได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องเป็นความสุขใหญ่ ๆ ไม่ต้องรอจนถึงวันรับปริญญาจึงจะมีความสุข ไม่ต้องรอมีบ้านหลังใหญ่แล้วจึงมีความสุข เราอาจมีความสุขได้ทุกวันจากเหตุการณ์เล็ก ๆ จากการดูแลคนไข้ด้วยใจ สอนลูกทำการบ้าน ทำอาหารให้สามีทาน พูดคุยสนทนากับเพื่อนและอีกมาก มายความสุขที่คุณสามารถหาได้ เป็นความสุขเล็ก ๆ แต่สุขบ่อย ๆ ซึ่งคำนวณแล้วปริมาณความสุขที่ได้ตลอดชีวิตจะมากกว่าความสุขใหญ่ ๆ ที่เราต้องรอนะครับ

5. ความสุขสุดท้าย ขออนุญาตแนะนำหนังสือดี ๆ ๆ ฝากไว้ให้ทุกท่านลองไปหามาอ่านดูนะครับและจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ ๆ หากท่านสามารถใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้กับบุตรหลานของท่าน สอนให้เค้าได้รู้จักกับความสวยงามของชีวิต ความรักและความสุข......กับความสุขของกะทิ ความสุขย่อมมาคู่กับสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงทั้งกายและใจใช่ไหมครับ.......ถึงจะเรียกว่าความสุขที่สมบูรณ์ ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องหันมาดูแลสุขภาพให้กับลูกหลานของเราด้วย สำหรับบุตรหลานของพี่น้องชาว ortho ท่านใดที่สุขภาพสมบูรณ์เกินพิกัด ที่มีอายุ 8-12 ปี ผมขอแนะนำว่า ช่วงปิดเทอมนี้พลาดไม่ได้กับกิจกรรมดี ๆ ๆ ที่ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ร่วมกับ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จับมือกันจัด กิจกรรมค่ายให้ความรู้และปรับพฤติกรรมเด็กอ้วน ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 15-28 มีนาคม 2552 เพื่อแนะนำให้ท่านและลูก ๆ มีความรู้ ความสุขของกะทิเป็นนวนิยายขนาดสั้น ของ งามพรรณ เวชชาชีวะ ซึ่งได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรท์) ประจำปี พ.ศ. 2549จากความประทับใจของหนังสือเล่มนี้จึงได้มีผู้หยิบยกมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ ในชื่อเดียวกันคือ ความสุขของกะทิ และผู้เขียนได้ตีพิมพ์หนังสือภาคต่อของ ความสุขของกะทิ ขึ้นมาในชื่อ “ความสุขของกะทิ ตอน ตามหาพระจันทร์” ความสุขของกะทิ เล่าเรื่องราวของกะทิ เด็กหญิงวัย 9 ขวบที่กำลังจะต้องสูญเสียแม่ ซึ่งป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แม่รู้ตัวดีว่าไม่สามารถเลี้ยงดูกะทิได้ จึงฝากกะทิให้ตากับยายเลี้ยง กะทิเติบโตมาด้วยความรักของตาและยาย มีชีวิตอย่างสุขสบายในบ้านหลังน้อยริมคลองอันอบอุ่น เรื่องอาหาร การออกกำลังกายให้ถูกวิธี ชี้แนะแนวทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความอ้วน โดยทางค่ายจะจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่สอดแทรกความรู้ดังกล่าวให้เด็ก เพื่อให้เด็กนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อฝึกให้เด็กปรับพฤติกรรม รู้จักการทำงานเป็นกลุ่มและอยู่ร่วมกับผู้อื่น เสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง กล้าแสดงออกในทางที่ดี โดยในวันเปิดค่ายมีการบรรยายพิเศษให้กับผู้ปกครอง ผู้ปกครองที่สนใจด้วยนะครับ ผมจึงต้องรีบมากระซิบบอกทุก ๆ ท่าน โดยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โทร.074-451251-3 ผู้เขียนเล่าเรื่องราวของกะทิอย่างเรียบง่าย เนรมิตบ้านริมคลองให้เป็นบ้านในฝัน ที่อบอวลด้วยบรรยากาศอันรื่นรมย์ของอดีตฉายรายละเอียดสิ่งละอันพันละน้อย ของวิถีชีวิตที่สุขสงบของครอบครัวชนชั้นกลางระดับสูงให้ผู้อ่านประทับใจ

6. กะทิมีครอบครัวที่เอาใจใส่ดูแลกะทิด้วยความรัก และความห่วงใยจากใจจริง เธอมีคุณตาที่เคยเป็นทนาย ซึ่งสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากกะทิและครอบครัวได้อยู่เสมอ ๆ คุณยายของกะทิเป็นคนที่เคร่งครัดและหัวโบราณ แต่ถึงกระนั้นก็สอนกะทิเรื่องต่าง ๆ นานา อาทิเช่น การทำอาหาร การอยู่ในสังคม เป็นต้น พี่ทองเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจกะทิเป็นอย่างดีและเป็นคนที่มีบุญคุณต่อกะทิ เพราะว่าพี่ทองเคยช่วยชีวิตกะทิไว้ตอนกะทิเป็นเด็กเล็ก น้าฏาและน้ากันต์ซึ่งเป็นคนที่ห่วงใยกะทิและคอยหาสิ่งดี ๆ ให้กะทิอยู่เสมอ ๆ และเป็นคนที่พูดปลอบใจกะทิในยามที่กะทิเศร้าโศกเสียใจและที่ขาดไม่ได้ก็คือ แม่ของกะทิ ที่ถึงแม้จะจากไปก่อนวัยอันควร แต่ก็จัดสิ่งต่าง ๆ ไว้ให้กะทิอย่างดิบดี ด้วยความรัก และเอาใจใส่จากใจ แต่ในความสุขมีความเศร้า ในวิถีชีวิตที่สุขสงบนี้ กะทิต้องเผชิญประสบการณ์ทางอารมณ์ที่ต้องสูญเสียแม่ และในความเศร้านั้นก็มีความสุข กะทิไม่คิดจะโหยหาถึงพ่อที่อยู่ไกลโพ้นต่างแดนหากเลือกอยู่ในอ้อมกอดของตากับยาย และผ่านชีวิตอันควรจะทุกข์นั้นด้วยใจที่เข้มแข็ง เสน่ห์ของนวนิยายขนาดสั้นเรื่องนี้อยู่ที่กลวิธีการเล่าเรื่อง ที่ค่อย ๆ เผยปมปัญหาทีละน้อย ๆอารมณ์สะเทือนใจจะค่อย ๆ พัฒนาและดิ่งลึกในห้วงนึกคิดของผู้อ่าน นำพาให้ผู้อ่านอิ่มเอมกับรสแห่งความโศกอันเกษมที่ได้สัมผัสประสบการณ์ทางอารมณ์ของชีวิตเล็ก ๆในโลกเล็ก ๆของเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งซึ่งอาจไม่ไกลจากชีวิตจริงของเราเลย จากวรรณกรรมชิ้นงามซึ่งเป็นงานเขียนที่รุ่มรวยและอบอุ่นทำให้มียอดจำหน่ายในประเทศไทยกว่าสองแสนเล่ม และได้รับลิขสิทธิ์เพื่อแปลและจำหน่ายใน 9 ประเทศ คือ อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมนี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สเปน อีตาลี และฝรั่งเศส โดยบทแปลภาษาอังกฤษชื่อ TheHappiness of Kati แปลโดยพรูเดนซ์ บอร์ทวิก (Prudence Borthwick) ได้รับรางวัลที่ 2 จากการประกวดงานแปล ประจำปี พ.ศ. 2548JohnDryden Translation Competition จัดโดยสมาคมวรรณคดีเปรียบเทียบแห่งอังกฤษ (BritishComparative Literature Association) และสมาคมห้องสมุดเด็กในสหรัฐอเมริกา (The Junior Library Guild) ได้คัดเลือกให้เป็นหนังสือแนะนำสำหรับบรรณารักษ์ทั่วสหรัฐอเมริกาดีอย่างนี้พลาดไม่ได้แล้วครับ วีรนันท์ แย้มรัตนกุล

7. ...แนะนำน้องใหม่... ....สำนักงานภาควิชาฯมีน้องใหม่ 1 คนจ้า.... เก็บภาพดอกไม้หลังห้องวิชาการมาฝาก กำลังสวยมากเลยค่ะ มีกลีบร่วงเหมือนดอกซากุระในหนังญี่ปุ่นเลยถ้าอยากชมซากุระเมืองไทยมาที่ห้องวิชาการได้นะคะ...... ชื่อ-สกุล :นางสาวจันทิพย์เพชรวารี ชื่อเล่น :ทิพย์ จบการศึกษา :วท.บ.วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา ตำแหน่ง :เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป สถานที่ทำงาน :สำนักงานภาควิชาออร์โธฯ ....อยากจิบชานั่งชมดอกไม้ก็ได้ค่ะ.........แต่พกน้ำชามาเองนะคะ.... ....มีโต๊ะ - เก้าอี้บริการ.... กองบรรณาธิการ ผศ.นพ.ธนะรัตน์ บุญเรือง ที่ปรึกษา คุณชายันต์ เรณุมาศ ที่ปรึกษา คุณกัญชลี พุ่มน้อย ที่ปรึกษา คุณพัทนัย แก้วแพง ที่ปรึกษา ผศ.นพ.สุนทร วงษ์ศิริ บรรณาธิการคุณอัญชลี ธนาดิเรก ปกิณกะ คุณวีรนันท์ แย้มรัตนกุล ปกิณกะ คุณภัททิยภรณ์ ทองแดง ปกิณกะ คุณศิริวรรณ ไพจิตรจินดา ปกิณกะ นายวรันธร ทองเหม ปกิณกะ คุณสุวิชา เตชะภูวภัทร 5 up คุณประเสริฐ บุตรบุรี 5 upคุณมงคลชัย หาทรัพย์ วิชาการ คุณนงเยาว์ ภูริวัฒนกุล วิชาการ คุณทิชากร คลังข้อง พิสูจน์อักษร คุณสุนิษา สารพงษ์ พิสูจน์อักษร คุณนวรัตน์ มานะ จัดรูปแบบ บุคลากรชาวออร์โธทุกท่านสามารถร่วมเล่าข่าว ความรู้ สาระน่ารู้ บันเทิง ของฝาก ภาพสวย ๆ entertain ซุบซิบ เรื่องเล่าต่าง ๆ ฯลฯ ใน Ortho Society โดยส่งมาที่ mnavarat@medicine.psu.ac.thหรือธุรการภาควิชาฯ ค่ะ