430 likes | 784 Vues
เมตริกซ์. บทนิยาม. ถ้า A เป็นเมตริกซ์ที่มี m แถว n หลัก จะเรียกว่า A มีมิติ m x n (อ่านว่า เอ็ม คูน เอ็น ). เช่น. 2 1 3 4 5 6. เรียกว่า 2 x3 เมตริกซ์. มีมิติ 2 x3. [ -1 4 ]. มีมิติ 1 x2. เรียกว่า 1 x2 เมตริกซ์. นิยาม.
E N D
เมตริกซ์ บทนิยาม ถ้า A เป็นเมตริกซ์ที่มี m แถว n หลัก จะเรียกว่า A มีมิติ m x n (อ่านว่า เอ็ม คูน เอ็น ) เช่น 2 1 34 5 6 เรียกว่า 2x3 เมตริกซ์ มีมิติ 2x3 [ -1 4 ] มีมิติ 1x2 เรียกว่า 1x2 เมตริกซ์
นิยาม ถ้า A เป็น m xn เมตริกซ์ใด ๆ แล้ว ทรานสโพสของ A คือ n x m เมตริกซ์ ที่มี หลักที่ i เหมือนแถวที่ i ของเมตริกซ์ A เมื่อ i = 1, 2, 3, …, m ทรานสโพสของ A เขียนแทนด้วย At A t = [ 2 ] เช่น จะได้ A = [ 2 ] 1 3 B t = จะได้ B = [ 1 3 ] 2 4-1 0 3-2 2 4 -10 3 -2 C t = จะได้ C =
นิยาม • เมตริกซ์ A = [ aij ] mx n และ B = [ bij ] px q • จะเป็นเมตริกซ์ที่เท่ากัน เขียนแทนด้วย A = B ก็ต่อเมื่อ • ( 1 ) m = p และ n = q • ( 2 ) aij = bij สำหรับทุก i = 1, 2, 3, …, m และ j = 1, 2, 3, …, n
ตัวอย่าง x + 2y 1 0 4 3 10 2x และ B = กำหนด A = จงหาจำนวนจริง x และ y ที่ทำให้ A = B วิธีทำ 2x = 4 และ x + 2y = 3 2 + 2y = 3 ดังนั้น x = 2 จะได้ y = x = 2 และ y = ดังนั้น จะได้
บทนิยาม กำหนดให้ A = [ aij]mxnและ B = [bij]mxnผลบวกของ A และ B เขียนแทนด้วย A + B โดยที่ A + B = [ aij+ bij]mxn 1+(-2) 2+10+(-1) 3+4 -2 1-1 4 -2 1-1 4 เช่น 1 20 3 + = -1 3-1 7 =
ตัวอย่าง 1 2-3 0 0 13 4 จงหาเมตริกซ์ X กำหนด + = X a bc d วิธีทำ ให้ X = จะได้ ดังนั้น a = -1 0 1 + a = 1 2 + b = ดังนั้น b = -1 จะได้ ดังนั้น c = 6 3 -3 + c = จะได้ ดังนั้น d = 4 0 + d = 4 จะได้ -1 -1 6 4 X ดังนั้น =
บทนิยาม กำหนดให้ A = [ aij]m x nจะได้ว่า - A = (-1)A กำหนดโดย - A = [ -aij ]m x n 1 -1 6 4 -1 1 -6 - 4 เช่น A = จะได้ - A =
บทนิยาม กำหนด A = [ aij ]m x nและ B = [ bij ]m x n A - B เป็นเมตริกซ์มิติ m x n โดยที่ A - B = A + (-B) = [ aij ]m x n + [ -bij ]m x n -2 -1 5 4 1 -1 -3 4 เช่น 1 -1 -3 4 2 1 -5 - 4 - = + 3 0 -8 0 =
ตัวอย่าง 1 2 0 -1 3 0 -2 1 = กำหนด 2x + 3 จงหาเมตริกซ์ x วิธีทำ 3 60 -3 3 0 -2 1 2x = จะได้ - 0 -6-2 4 = 0 -3-1 2 ดังนั้น x =
บทนิยาม ถ้า A = [ aij ]m x nและ B = [ bij ]n x p ผลคูณ AB จะเป็นเมตริกซ์ที่มีมิติ m x p โดยที่ AB = C = [ cij ]m x p นิยามโดย Cij = ai1b1j + ai2b2j + ai3b3j + . . . + ainbnj
ตัวอย่าง 1 2 0 1 1 0 2 1 3 4 1 0 จงหา AB B = กำหนด A = วิธีทำ (2)(2) + (1)(1) + (3)(0) (2)(1) + (1)(0) + (3)(1) AB = (4)(1) + (1)(0) + (0)(1) (4)(2) + (1)(1) + (0)(0) เท่ากันคูณกันได้ 5 5 เมตริกซ์ 2x3 คูณกับ เมตริกซ์ 3x2 = 4 9 ผลลัพธ์มีมิติ 2x2
ตัวอย่าง 1 2 0 1 1 0 2 1 3 4 1 0 จงหา BA B = กำหนด A = วิธีทำ (1)(2) + (2)(4) (1)(1) + (2)(1) (1)(3) + (2)(0) (0)(2) + (1)(4) (0)(1) + (1)(1) (0)(3) + (1)(0) BA = (1)(1) + (0)(1) (1)(3) + (0)(0) (1)(2) + (0)(4) 10 3 3 เท่ากันคูณกันได้ เมตริกซ์ 3x2 คูณกับ เมตริกซ์ 2x3 = 4 1 0 ผลลัพธ์มีมิติ 3x3 1 2 3
5 5 จากผลคูณ AB = 4 9 10 3 3 BA = 4 1 0 1 2 3 ดังนั้น AB BA จะเห็นว่า A 2จะหาค่าได้เมื่อ A เป็นเมตริกซ์จตุรัส
สมบัติการคูณสำหรับเมตริกซ์ 2x2 เมตริกซ์ 1. สมบัติปิด คือ A , B เป็น 2x2 เมตริกซ์ แล้ว AB เป็น 2x2 เมตริกซ์ด้วย A(BC) คือ (AB)C = 2. เปลี่ยนกลุ่ม 1 0 3. เอกลักษณ์ คือ มีเมตริกซ์ I = ซึ่ง IA = AI = A 0 1 a b 4. อินเวอร์ส ให้ A = c d -b d โดยที่ ad - cb 0 โดยที่ A-1 = a -c ซึ่งทำให้ AA-1 = A-1A = I 5. แจกแจง คือ A(B + C) = AB + AC (A + B )C = AC + BC หรือ
ตัวอย่าง -3 1 -2 1 ถ้า A-1มี จงหา A-1 กำหนด A = 0 - (-2)(1) = -1 จะได้ (-3)(1) วิธีทำ 1 -1 -(-2) -3 ดังนั้น มี A-1 ซึ่ง A-1 = 1 -1 2 -3 1 -1 2 -3 (-1) = -1 1 -2 3 ดังนั้น A-1 =
1 2 1 3 0 1 -1 2 ตัวอย่าง กำหนด A จงหา A = วิธีทำ -1 -1 จะได้ 1 2 1 3 1 2 1 3 1 2 1 3 A 0 1 -1 2 = 0 1 -1 2 3 -2 -1 1 = AI (1) -1 1 ดังนั้น A = -5 4
ดีเทอร์มินันต์ กำหนดให้ A = [ aij] n x n ดีเทอร์มินันต์ A เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ det(A) หรือ | A | a11 a12 a13 . . . a1n = a21 a22 a23 . . . a2n . . . . . . . an1 an2 an3 . . . ann
บทนิยาม ถ้า A = [ a ] เป็นเมตริกซ์ที่มีมิติ 1x1 แล้ว det (A) = a เช่น ถ้า A = [ 5 ] แล้ว det (A) = 5 บทนิยาม a11 a12a21 a22 ถ้า A = เป็นเมตริกซ์ที่มีมิติ 2x2 แล้ว det (A) = a11a22 - a21a12 -1 1 -2 3 -1 1 -2 3 - (-1)(3) (-2)(1) เช่น ถ้า A = แล้ว det(A) = = -1
ไมเนอร์(Minor) บทนิยาม กำหนด A = [ aij ]n x n โดยที่ aijเป็นจำนวนจริง และ n เป็นจำนวนเต็ม ที่มากกว่าหรือเท่ากับ 2ไมเนอร์ของ aijคือ ดีเทอร์มินันต์ของเมตริกซ์ที่ได้ จากการตัดแถวที่ i หลักที่ j ของเมตริกซ์ออกเขียนแทนไมเนอร์ของ aij ด้วย Mij(A)
2 -1 11 4 0 2 0 -2 ตัวอย่าง กำหนด A = จงหา M13(A) ,M22(A) วิธีทำ M13(A) ตัดแถว 1 หลัก 3 ออก 1 42 0 - 8 = - = (1)(0) (2)(4) จะได้ M13(A) = M22(A) ตัดแถว 2 หลัก 2 ออก 2 12 -2 (2)(-2) - (2)(1) = - 6 = จะได้ M22(A) =
โคแฟกเตอร์ (Cofactor) บทนิยาม กำหนด A = [ aij ]n x n โดยที่ aijเป็นจำนวนจริง และ n เป็นจำนวนเต็มที่มากกว่าหรือเท่ากับ 2โคแฟกเตอร์ของ aijคือ ผลคูณของ (-1)i+jและ Mij(A)เขียนแทนโคแฟกเตอร์ของ aijด้วย Cij(A) จากนิยาม Cij(A) = (-1)i+j Mij(A) จะได้
2 -1 11 4 0 2 0 -2 ตัวอย่าง กำหนด A = จงหา C13(A) , C21(A) วิธีทำ จาก C13(A) = (-1)1+3M13(A) 1 42 0 (1)(0) - (2)(4) - 8 = = จะได้ (-1)1+3M13(A) = (1) -1 1 0 -2 จาก M21(A) = = (-1)(-2) - (0)(1) = 2 = (-1)(2) = -2 C21(A) = (-1)2+1M21(A) ดังนั้น
ดีเทอร์มินันต์ บทนิยาม กำหนด A = [ aij ]n x n โดยที่ aijเป็นจำนวนจริง และ n เป็นจำนวนเต็มที่มากกว่าหรือเท่ากับ 2ดีเทอร์มินันต์ของ A เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์det(A) กำหนดโดย det(A) = ai1Ci1(A) + ai2Ci2(A) + ai3Ci3(A) + … +ainCin(A) หรือ det(A) = a1jC1j(A) + a2jC2j(A) + a3jC3j(A) + … +anjCnj(A)
2 -1 11 4 0 2 0 -2 ตัวอย่าง จงหา det(A) A = กำหนด หาตามแถวที่ 1 วิธีทำ a11C11A) + a12C12(A) + a13C13(A) จะได้ det(A) = + (-1)(2) 2(-8) + 1(-8) = = - 26
การหาดีเทอร์มินันต์ 3x3 เมตริกซ์วิธีลัด - - - 2 -1 11 4 0 2 0 -2 212 -1 4 0 ( เขียนเพิ่มอีก 2 หลัก ) A = + + + (1)(1)(0) + det(A) = (2)(4)(-2) + (-1)(0)(2) (0)(0)(2) (2)(4)(1) - - (-2)(1)(-1) - -16 = + 0 + 0 - 8 + 0 - 2 - 26 det(A) =
สมบัติดีเทอร์มินันต์ 1. ถ้า A เป็นเมตริกซ์ nxn เมตริกซ์ ที่มีแถวใดแถวหนึ่ง (หรือหลักใดหลักหนึ่ง) เป็น 0 ทั้งหมด จะได้ det(A) = 0 2. ถ้า A เป็นเมตริกซ์ nxn เมตริกซ์ ที่มีสองแถว(หรือสองหลัก) ใดๆ เท่ากัน จะได้ det(A) = 0 3. ถ้าเมตริกซ์ B เกิดจาก n x n เมตริกซ์ A โดยการสลับแถว คู่ใดคูหนึ่ง(สลับหลักคู่ใดคู่หนึ่ง) จะได้ det(B) = - det(A) 4. ถ้าเมตริกซ์ B เกิดจาก n x n เมตริกซ์ A โดยการคูณแถว ใดแถวหนึ่ง(หลักใดหลักหนึ่ง) ด้วยค่าคงตัว kจะได้ det(B) = k det(A)
5. ถ้าเมตริกซ์ B เกิดจาก n x n เมตริกซ์ A โดยการคูณแถว ใดแถวหนึ่ง(หลักใดหลักหนึ่ง) ด้วยค่าคงตัว แล้วนำไปบวก กับแถวหนึ่ง(หลักหนึ่ง) จะได้ det(B) = det(A) 6. ถ้า A เป็น n x n เมตริกซ์ ซึ่งแถวที่ i (หลักที่ i ) ของ A เท่ากับ ผลคูณของค่าคงตัวกับแถวที่ j(หลักที่ j) จะได้ว่า det(A) = 0 7. ถ้า A , B เป็น nxn เมตริกซ์ จะได้ ว่า det(AB) = det(A) det(B) 8. เมตริกซ์ A ซึ่งเป็น nxn เมตริกซ์ จะมีอินเวอร์สการคูณ เมื่อ det(A) 0 ซึ่ง det(A-1) =
9. det(At) = det (A) 10. det ( Inxn) = 1 11. det ( ) = 0 12. ถ้า A เป็น nxn เมตริกซ์ แล้ว det(kA) = kndet(A)เมื่อ k เป็นจำนวนจริง 2 13 4 det(A) = 5 เช่น A = 8 412 16 det(4A) = 42 (5) = 80 4A =
บทนิยาม กำหนด A = [ aij ]nxnโดยที่ n 2 และ Cij แทนโคแฟกเตอร์ ของ aijโคแฟกเตอร์เมตริกซ์ของ A คือ nxn เมตริกซ์ ซึ่งสมาชิกในแถวที่ i และหลักที่ j คือ Cij เขียนแทนโคแฟกเเตอร์ของเมตริกซ์ A ด้วยสัญลักษณ์ cof. A
ตัวอย่าง 1 -1 02 3 -2 -3 0 4 จงหา cof. A กำหนด A = 3 -20 4 (1) วิธีทำ C11 = (1) (12) = 12 = 2 -2-3 4 (-1) C12 = (-1)(2) = -2 = ในทำนองเดียวกันจะได้ C22 = 4 C23 = 3 C21 = 4 C13 = 9 C31 = 2 C32 = 2 C32 = 5 12 -2 9 4 4 3 2 2 5 ดังนั้น cof. A =
แอดจอยต์เมตริกซ์ (Adjoint matrix) บทนิยาม กำหนด A = [ aij ]nxn โดยที่ n 2 แอดจอยต์ ของเมตริกซ์ A คือ ทรานสโพสของ cof. A เขียนแทนแอดจอยต์ของเมตริกซ์ A ด้วย adj. A
1 -1 02 3 -2 -3 0 4 ตัวอย่าง กำหนด A = จงหา adj. A (จากตัวอย่างที่ หา cof.A มาแล้ว) วิธีทำ 12 -2 9 4 4 3 2 2 5 เนื่องจาก cof. A = t 12 -2 9 4 4 3 2 2 5 12 4 2-2 4 2 9 3 5 ดังนั้น adj.A = =
บทนิยาม กำหนด A = [ aij ]nxnโดยที่ n 2 ถ้า det(A) 0 จะได้ว่า A-1 =
1 -1 02 3 -2 -3 0 4 ตัวอย่าง จงหา A-1 กำหนด A = 12 + (-6) + 0 - 0 - 0- (-8) = 14 det(A) = วิธีทำ 12 4 2-2 4 2 9 3 5 adj.A = ( หามาจากตัวอย่างก่อนแล้ว) 12 4 2-2 4 2 9 3 5 ดังนั้น A-1 = =
การแก้ระบบสมการโดยใช้เมตริกซ์การแก้ระบบสมการโดยใช้เมตริกซ์ จงแก้ระบบสมการ 3x + 2y = 5 5x + 3y = 8 ตัวอย่าง วิธีทำ เขียนสมการเมตริกซ์แทนระบบสมการได้ดังนี้ xy 58 3 25 3 = - 1 xy 3 25 3 58 = -3 2 5 -3 58 =
11 xy = ดังนั้น จะได้ x = 1 และ y = 1
ถ้า A เป็นเมตริกซ์มิติ nxn โดยที่ det(A) 0 แล้วระบบสมการที่เขียนในรูปสมการเมตริกซ์ AX = B เมื่อตัวไม่ทราบค่า คือx1 , x2 , x3, . . . , xn และ b1 , b2 , b3 , . . . , bnเป็นค่าคงตัว โดยที่ X = และ B = การแก้ระบบสมการโดยใช้กฎคราเมอร์ ทฤษฎีบท b1 b2 . bn x1 x2 . xn มีคำตอบคือ x2 = , . . . , xn = x1 = ,
ตัวอย่าง จงหาคำตอบของระบบสมการ x + y + z = 6 2x - y - z = -3 x - 3 y + 2 z = 1 วิธีทำ เขียนสมการเมตริกซ์ได้ดังนี้ x y z 6 -3 1 1 1 12 -1 -1 1 -3 2 =
1 1 12 -1 -1 1 -3 2 ให้ A = จะได้ det(A) = -15 1 6 1 2 -3 -1 1 1 2 1 16 2 -1 -3 1 -3 1 6 1 1-3 -1 -1 1 -3 2 A1 = A2 = A3 = จะได้ det(A1) = -15 det(A2) = -30 det(A3) = -45 z = y = ดังนั้น x = = = = x = 1 y = 2 z = 3
การแก้ระบบสมการโดยการแปลงเมตริกซ์ x - 2y - 3z = 3x + y - z = 22x - 3y = 5z + 5 ตัวอย่าง จงแก้ระบบสมการ วิธีทำ เขียนเมตริกซ์แต่งเติมจากระบบสมการได้ดังนี้ 1 -2 -3 3 1 1 -1 2 2 -3 -5 5 1 -2 -3 30 3 2 -1 0 -5 -3 1 R2 - R1 R3 - 2R2
1 0 0 -10 1 0 1 0 0 1 -2 R1+5R3 R2-2R3 3R3 จะได้ระบบสมการที่มีคำตอบเท่ากับสมการเดิมดังนี้ x + 0y + 0z = -1 0x + y + 0z = 1 0x + 0 y + z = -2 z = -2 y = 1 , x = -1 , ดังนั้น คำตอบของระบบสมการ คือ