1 / 97

“การวางแผนกำลังคน โดยใช้ดัชนีชี้วัดสุขภาพทรัพยากรบุคคล : กรณีกรมสุขภาพจิต”

“การวางแผนกำลังคน โดยใช้ดัชนีชี้วัดสุขภาพทรัพยากรบุคคล : กรณีกรมสุขภาพจิต”. นายชัยณรงค์ บุรินทร์กุล นักทรัพยากรบุคคลปฏิบัติการ กองการเจ้าหน้าที่. ณ บ้านอัมพวารีสอร์ท จ.สมุทรสงคราม. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554. วิสัยทัศน์กรมสุขภาพจิต. Age Education Gender Religious.

Télécharger la présentation

“การวางแผนกำลังคน โดยใช้ดัชนีชี้วัดสุขภาพทรัพยากรบุคคล : กรณีกรมสุขภาพจิต”

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. “การวางแผนกำลังคนโดยใช้ดัชนีชี้วัดสุขภาพทรัพยากรบุคคล: กรณีกรมสุขภาพจิต” นายชัยณรงค์ บุรินทร์กุล นักทรัพยากรบุคคลปฏิบัติการ กองการเจ้าหน้าที่ ณ บ้านอัมพวารีสอร์ท จ.สมุทรสงคราม วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554

  2. วิสัยทัศน์กรมสุขภาพจิตวิสัยทัศน์กรมสุขภาพจิต • Age • Education • Gender • Religious เป็นองค์กรมาตรฐานการพัฒนาสุขภาพจิตทั้งด้านการส่งเสริม ป้องกัน รักษาและฟื้นฟู เป็นศูนย์กลางข้อมูลสารสนเทศ องค์ความรู้ ตลอดจนเทคโนโลยีด้านสุขภาพจิตของประเทศ • IT Staff Ratio • Computer Skill เป็นศูนย์กลางการประสานงานความร่วมมือทางวิชาการสุขภาพจิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ • Foreign Language Skill • Span of Control • Over Time Cost • Competency • Type of Employment เป็นองค์กรที่มีการบริหารที่ดีเยี่ยม มีขนาดกะทัดรัด คล่องตัว มีบุคลากรที่มีคุณภาพ

  3. วิสัยทัศน์ในกรอบแนวทางการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ฯทื่11วิสัยทัศน์ในกรอบแนวทางการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ฯทื่11 วิสัยทัศน์กรมสุขภาพจิต “กรมสุขภาพจิตเป็นองค์กรที่มีความเป็นเลิศด้านวิชาการสุขภาพจิตมีคุณภาพและมาตรฐานในการบริการสุขภาพจิต เป็นที่พึ่งของสังคมในการดูแลสุขภาพจิตของคนไทย”

  4. พันธกิจกรมสุขภาพจิต 1. พัฒนา ผลิต และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านสุขภาพจิตและจิตเวชแก่เครือข่ายและประชาชน 2. บริการสุขภาพจิตและจิตเวชที่มีคุณภาพ มาตรฐาน เป็นธรรม และทันต่อสถานการณ์แก่ผู้ป่วยที่มีปัญหารุนแรง ยุ่งยาก ซับซ้อน ด้วยกระบวนการศึกษา วิจัยที่มีคุณภาพและมาตรฐาน

  5. ประเด็นยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมศักยภาพของประชาชนในการดูแลสุขภาพจิต เข้าถึงบริการสุขภาพจิต และให้โอกาสผู้ที่อยู่กับปัญหาสุขภาพจิต ยุทธศาสตร์ที่ 2 ส่งเสริมและพัฒนาภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกระบบสาธารณสุขในการดำเนินงานสุขภาพจิต ยุทธศาสตร์ที่ 3พัฒนาความเชี่ยวชาญสู่การเป็นศูนย์กลางทางวิชาการด้านสุขภาพจิต ยุทธศาสตร์ที่ 4พัฒนาคุณภาพมาตรฐานและความเป็นเลิศเฉพาะทางด้านการบริการจิตเวช ยุทธศาสตร์ที่ 5พัฒนาความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารองค์กรและสมรรถนะบุคลากร

  6. ยุทธศาสตร์ที่ 5 พัฒนาความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารองค์กรและสมรรถนะบุคลากร มาตรการที่ 5.5 พัฒนาสมรรถนะด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลของกรมฯ ให้สามารถรองรับภารกิจและวิสัยทัศน์ที่กำหนด

  7. นโยบายผู้บริหารกรมสุขภาพจิตนโยบายผู้บริหารกรมสุขภาพจิต สิ่งที่ท้าทายด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลในอีก 5 ปีข้างหน้า • Skill (ทักษะการสื่อสารกับสังคม,การทำงานกับเครือข่าย) • Turnover rate การรักษาแพทย์/พยาบาล (ความจงรักภักดีต่อหน่วยงาน)

  8. ดัชนีสุขภาพทรัพยากรบุคคล 22 ดัชนี ด้านบุคลากร7ดัชนี ด้านหน่วยงาน15 ดัชนี ระดับหน่วยงาน9ดัชนี 1. อายุ ระดับบุคลากร6ดัชนี • 1. การทำงานล่วงเวลา 2. เพศ • 1. ภาระด้านเวลา 3. เชื้อชาติ/ศาสนา • 2. สภาพหนี้ • 2. สัดส่วนบุคลากรที่มีเงินเดือนตัน 4. ภูมิลำเนา • 3. ทักษะการทำงานในอนาคต • 3. Manager : staff ratio 5. การศึกษา • 4.ความจงรักภักดี • 4. HR : staff ratio 6. สถานภาพสมรส • 5. อัตราการลาป่วย • 5. IT : staff ratio 7. ผู้พิการ • 6. การใช้เวลาว่าง • 6. ต้นทุนในการสรรหาบุคลากร • 7. สัดส่วนการหมุนเวียนของบุคลากร • 8. สัดส่วนผู้ถูกสั่งให้ไปช่วยราชการ • 9. สัดส่วนประเภทการจ้างงานบุคลากร

  9. ยุทธศาสตร์ที่ 5 พัฒนาความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารองค์กรและสมรรถนะบุคลากร มาตรการที่ 5.5พัฒนาสมรรถนะด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลของกรมฯ

  10. การประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลการประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล

  11. การประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลการประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล

  12. การประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลการประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล

  13. การประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลการประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล

  14. การประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลการประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล

  15. การประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลการประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล

  16. การประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลการประเมินสถานภาพปัจจุบันด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล

  17. วิธีการได้มาซึ่งข้อมูลดัชนีชี้วัดสุขภาพทรัพยากรบุคคลวิธีการได้มาซึ่งข้อมูลดัชนีชี้วัดสุขภาพทรัพยากรบุคคล 1. ฐานข้อมูลบุคลากรของหน่วยงาน อาทิ DPIS 1.1 อายุ 1.2 การศึกษา(แรกบรรจุ) 1.3 สัดส่วนของบุคลากรที่มีเงินเดือนตัน 1.4 Manager : staff ratio 1.5 HR : staff ratio

  18. วิธีการได้มาซึ่งข้อมูลดัชนีชี้วัดสุขภาพทรัพยากรบุคคลวิธีการได้มาซึ่งข้อมูลดัชนีชี้วัดสุขภาพทรัพยากรบุคคล 2. การสำรวจข้อมูลโดยใช้แบบสำรวจข้อมูลบุคลากรกรมสุขภาพจิต ส่วนที่ 1ข้อมูลส่วนบุคคล ส่วนที่ 2ข้อมูลด้านการศึกษา (แรกบรรจุ/ศึกษาเพิ่มเติม) ส่วนที่ 3ข้อมูลด้านการปฏิบัติงาน (สังกัด/ตำแหน่ง/ระดับ/สถานภาพ การปฏิบัติงาน/ความรับผิดชอบ) ส่วนที่ 4 ทักษะการปฏิบัติงาน ภาษาอังกฤษ 7 ข้อ คอมพิวเตอร์ 5 ข้อ การสื่อสารทางสังคม 4 ข้อ ส่วนที่ 5ทัศนะคติที่มีต่อหน่วยงาน 5 ข้อ ส่วนที่ 6ภาระหนี้ ส่วนที่ 7การใช้เวลาว่าง

  19. การสำรวจข้อมูล 1. กลุ่มตัวอย่างที่ดำเนินการสำรวจ

  20. การสำรวจข้อมูล 2. เครื่องมือที่ใช้ในการสำรวจ แบบสำรวจข้อมูลด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล 3. ระยะเวลาในการสำรวจข้อมูล 1 เดือน 3 วัน (21 ธ.ค. 53 – 24 ม.ค. 54)

  21. ดัชนีสุขภาพทรัพยากรบุคคลที่กรมสุขภาพจิตเลือก 7 ตัว ด้านหน่วยงาน5 ดัชนี ด้านบุคลากร2ดัชนี ระดับบุคลากร2ดัชนี ระดับหน่วยงาน3ดัชนี • 5. สัดส่วนบุคลากรที่มีเงินเดือนตัน • 3. ทักษะการทำงานในอนาคต 1. อายุ 2. การศึกษา • 4.ความจงรักภักดี • 6. Manager : staff ratio • 7. HR : staff ratio

  22. ดัชนีตัวที่ 1: อายุ หลักการ ความต่างของ “อายุ” นำไปสู่ความแตกต่างในหลายๆ มิติซึ่งหน่วยงานจำเป็นต้องตระหนักถึงและวางแนวทางในการบริหารจัดการให้เป้าหมายของหน่วยงานกับเป้าหมายของบุคลากรสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน

  23. ดัชนีตัวที่ 1: อายุ เกณฑ์และวิธีการคิดคะแนน หลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้คะแนน จากความสำคัญของแต่ละกลุ่มช่วงอายุที่มีต่อหน่วยงาน ความยากง่ายในการหาบุคลากรทดแทน รวมทั้งความเหมาะสม และเป็นไปของอัตราทดแทนของช่วงอายุต่อไปที่จะไล่ขึ้นมาแทนที่และมีผลต่อประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และขนาดของหน่วยงาน

  24. ดัชนีตัวที่ 1: อายุ โครงสร้างอายุของบุคลากรกรมสุขภาพจิต

  25. ดัชนีตัวที่ 1: อายุ ส่วนราชการที่ได้ 4 คะแนน • มีโครงสร้างอายุแบบทรงกระบอก มีบุคลากรทดแทนในแต่ละช่วงอายุในจำนวนที่เท่าเดิมอยู่ตลอดเวลา • เป็นโครงสร้างของหน่วยงานที่ไม่มีการขยายภารกิจใดๆ เหมาะสำหรับหน่วยงานที่มีภารกิจแบบ project based และหากจะมีการเติมภารกิจใดๆหน่วยงานจะสามารถพิจารณาใช้การจ้างในลักษณะอื่นๆ เช่น การจ้างเหมาบริการ การจ้างแบบไม่ประจำ การจ้างแบบไม่เต็มเวลา • เป็นโครงสร้างอายุของหน่วยงานที่เหมาะกับส่วนราชการในอนาคต

  26. ดัชนีตัวที่ 1: อายุ ส่วนราชการที่ได้ 5 คะแนน • มีโครงสร้างอายุคล้ายปิรามิด คือ จะมีบุคลากรช่วงอายุ 57 –60 ปี อยู่ประมาณ 5% ซึ่งสอดคล้องปริมาณตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงและเป็นจำนวนที่เท่ากับหรือใกล้เคียงกับบุคลากรในช่วงอายุ 18 – 24 ปี ที่เติมเข้ามาในหน่วยงาน

  27. ดัชนีตัวที่ 1: อายุ ค่าดัชนีอายุของบุคลากรกรมสุขภาพจิตได้ 4.5 คะแนน • มีบุคลากรช่วงอายุ 45 – 48 ปี มากที่สุดคือ 19.02% ในขณะที่กลุ่มที่จะเติมเข้ามาจากช่วงอายุก่อนหน้านี้จะมีจำนวนน้อยกว่าเล็กน้อย เป็นการเปิดโอกาสให้หน่วยงานสามารถเลือกสรรหาจากภายนอกเข้ามาเสริมความเข้มแข็งให้หน่วยงานได้ และในช่วงอายุต่อมาก็มีสัดส่วนของบุคลากรที่น้อยกว่าเล็กน้อยซึ่งจะไม่เป็นปัญหาในกรณีที่หน่วยงานเติมบุคลากรแบบสัญญาจ้างเพื่อให้มีกำลังคนในปริมาณที่เหมาะสม

  28. ดัชนีตัวที่ 1: อายุ ค่าดัชนีอายุของบุคลากรกรมสุขภาพจิตได้ 4.5 คะแนน • การเคลื่อนตัวของบุคลากรในช่วงอายุ 53 – 56 ปี ไปแทนที่กลุ่มผู้บริหารระดับสูงซึ่งมีจำนวนน้อยกว่าจะเป็นช่วงที่จะสามารถเลือก early retire และเปิดให้หน่วยงานได้เลือกบุคคลที่เหมาะสมสิ่งสำคัญคือการมีแผนสืบทอดตำแหน่งชัดเจน เป็นธรรมเพื่อป้องกันบุคคลที่เหมาะสมออกไปจากหน่วยงานในช่วงสุดท้ายนี้

  29. ดัชนีสุขภาพทรัพยากรบุคคลที่กรมสุขภาพจิตเลือก 7 ตัว ด้านหน่วยงาน5 ดัชนี ด้านบุคลากร2ดัชนี ระดับบุคลากร2ดัชนี ระดับหน่วยงาน3ดัชนี • 5. สัดส่วนบุคลากรที่มีเงินเดือนตัน • 3. ทักษะการทำงานในอนาคต 1. อายุ 2. การศึกษา • 4.ความจงรักภักดี • 6. Manager : staff ratio • 7. HR : staff ratio

  30. ดัชนีตัวที่ 2: การศึกษา หลักการ การศึกษาของบุคลากรเป็นมิติที่สามารถประเมินสุขภาพด้านทรัพยากรบุคคลของหน่วยงานใน 3 ด้าน กล่าวคือ 1. ระดับการศึกษา สะท้อนถึงคุณภาพของบุคลากรและศักยภาพของหน่วยงานโดยเฉพาะหน่วยงานที่เป็นหน่วยงานวิชาการ ย่อมต้องการบุคลากรที่มีระดับการศึกษาสูงเพื่อให้สามารถนำความรู้มาประมวล ต่อยอด พัฒนา ปรับแปลงความรู้ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์

  31. ดัชนีตัวที่ 2: การศึกษา หลักการ 2. สาขาการศึกษาจะพิจารณาควบคู่ไปกับตำแหน่งและภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะตำแหน่งประเภทวิชาชีพ ต้องมีความสอดคล้องกันระหว่างองค์ความรู้กับตำแหน่งหน้าที่การปฏิบัติงาน 3. สถาบันการศึกษา ประเทศที่จบการศึกษาที่หลากหลาย ย่อมได้รับประโยชน์จากการมีหลายแง่คิด มุมมองเพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน

  32. ดัชนีตัวที่ 2: การศึกษา คำจำกัดความ การศึกษา หมายถึง ร้อยละของบุคลากรที่มีระดับการศึกษา สาขาการศึกษาเหมาะกับหน้าที่ที่รับผิดชอบ

  33. ดัชนีตัวที่ 2: การศึกษา เกณฑ์และวิธีการคิดคะแนน การศึกษา= (X) N *100 X = จำนวนบุคลากรที่มีระดับการศึกษาและสาขาที่สำเร็จตรงกับตำแหน่ง N = จำนวนบุคลากรทั้งหมดของหน่วยงาน

  34. ดัชนีตัวที่ 2: การศึกษา ค่าที่คำนวณได้ การศึกษา= (3,044-373) = 87.75 3,044 *100 X = จำนวนบุคลากรที่มีระดับการศึกษาและสาขาที่สำเร็จตรงกับตำแหน่ง 3,044 (บุคลากรทั้งหมด) – 373 (บุคลากรที่มีการศึกษาไม่ตรงตำแหน่ง) N = จำนวนบุคลากรทั้งหมดของหน่วยงาน

  35. ดัชนีตัวที่ 2: การศึกษา หมายเหตุ : ดังนั้นถ้าคำนวณตามสูตรแล้วจะได้คะแนนเต็มเนื่องจากการสรรหาบุคลากรของกรมสุขภาพจิตยึดถือตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งของสำนักงาน ก.พ. เป็นหลัก ดังนั้น บุคลากรทั้งหมดจึงมีระดับการศึกษาและสาขาที่สำเร็จตรงกับตำแหน่ง แต่มีข้อสังเกต ดังนี้ 1 เนื่องจากมีบุคลากรกรมสุขภาพจิตที่ไปศึกษาต่อเพิ่มเติม ในสาขาที่ไม่ตรงกับสายงานที่ตนเองปฏิบัติงานอยู่ หรืออาจเป็นข้าราชการที่บรรจุในตำแหน่งที่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี ทำให้ไม่สามารถใช้ศักยภาพได้เต็มที่ ซึ่งรวมแล้วมี จำนวน 373 คน 2. ควรมีการนำข้อมูลของบุคคลตามข้อ 1 มาศึกษาเพื่อการใช้ประโยชน์จากบุคลากรที่มีวุฒิการศึกษาเพิ่มเติมเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

  36. ดัชนีตัวที่ 2: การศึกษา เกณฑ์และการคิดคะแนนของกรมสุขภาพจิต เกณฑ์ในการเทียบเคียงค่าคะแนนของหน่วยงาน จะแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้ 87.75 คิดเป็น 4.5 คะแนน

  37. ดัชนีสุขภาพทรัพยากรบุคคลที่กรมสุขภาพจิตเลือก 7 ตัว ด้านหน่วยงาน5 ดัชนี ด้านบุคลากร2ดัชนี ระดับบุคลากร2ดัชนี ระดับหน่วยงาน3ดัชนี • 5. สัดส่วนบุคลากรที่มีเงินเดือนตัน • 3. ทักษะการทำงานในอนาคต 1. อายุ 2. การศึกษา • 4.ความจงรักภักดี • 6. Manager : staff ratio • 7. HR : staff ratio

  38. ดัชนีตัวที่ 3:ทักษะการทำงานในอนาคต หลักการ • ทักษะสำคัญสำหรับการทำงานในอนาคตของบุคลากรได้แก่ • ทักษะด้านภาษา • ทักษะทางคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับกระแสโลกาภิวัตน์และความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีสมัยใหม่ • ทักษะการสื่อสารทางสังคม(เพิ่มเติมกรณีกรมสุขภาพจิต) • หากหน่วยงานมีบุคลากรที่มีทักษะทั้งสองประการนี้ ย่อมหมายถึงหน่วยงานนั้นมีความพร้อมสำหรับการเติบโตและพัฒนาไปข้างหน้า

  39. ดัชนีตัวที่ 3:ทักษะการทำงานในอนาคต 1. ทักษะด้านภาษา ซึ่งทักษะทางภาษาที่กรมสุขภาพจิตได้ดำเนินการสำรวจครั้งนี้ คือ ภาษาอังกฤษ เนื่องจากเป็นภาษาที่ทุกประเทศใช้เป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน โดยใช้ข้อคำถามให้ผู้ตอบประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษของตนเอง จำนวน 7 ข้อ แต่อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาที่จะกรมฯ อาจพิจารณาในอนาคต ซึ่งเป็นภาษาที่มีคนใช้เป็นจำนวนมากในภูมิภาคอาเซียน เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม ฯลฯ ต่อไป

  40. ดัชนีตัวที่ 3:ทักษะการทำงานในอนาคต เกณฑ์ในการคิดคะแนนทักษะทางภาษา ค่าเฉลี่ยที่ทำได้ = ∑ จำนวนข้อที่ตอบว่าทำได้ จำนวนบุคลากร x จำนวนข้อแบบสอบถาม คำนวณ 2.0811 = 44,344 ข้อ 3,044 คนx 7 ข้อ

  41. ดัชนีตัวที่ 3:ทักษะการทำงานในอนาคต เกณฑ์การเทียบคะแนนทักษะทางภาษา เกณฑ์ในการเทียบเคียงค่าคะแนนของหน่วยงาน แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้ (2.0811)

  42. ดัชนีตัวที่ 3:ทักษะการทำงานในอนาคต 2. ทักษะทางคอมพิวเตอร์ สังคมฐานความรู้ที่เปิดกว้างอย่างไร้ขอบเขตเกิดขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารและเทคโนโลยีอื่นๆ การเกิดขึ้นของชุมชนเสมือน การเกิดฐานข้อมูลจำนวนมหาศาล บุคคลที่มีทักษะมีความสามารถในการเข้าถึงซึ่งข้อมูลและติดต่อสื่อสาร ย่อมส่งผลต่อความสำเร็จของหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาครัฐมุ่งที่จะสร้าง E-Government ดังนั้น กรมสุขภาพจิตได้ดำเนินการสำรวจทักษะทางคอมพิวเตอร์ โดยใช้ข้อคำถามให้ผู้ตอบประเมินความสามารถทางคอมพิวเตอร์ของตนเอง จำนวน 5 ข้อ

  43. ดัชนีตัวที่ 3:ทักษะการทำงานในอนาคต เกณฑ์ในการคิดคะแนนทักษะคอมพิวเตอร์ ค่าเฉลี่ยที่ทำได้ = ∑ จำนวนข้อที่ตอบว่าทำได้ จำนวนบุคลากร x จำนวนข้อแบบสอบถาม คำนวณ 2.2388 = 34,075 ข้อ 3,044 คนx 5 ข้อ

  44. ดัชนีตัวที่ 3:ทักษะการทำงานในอนาคต เกณฑ์การเทียบคะแนนทักษะคอมพิวเตอร์ เกณฑ์ในการเทียบเคียงค่าคะแนนของหน่วยงาน แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้ (2.2388)

  45. ดัชนีตัวที่ 3:ทักษะการทำงานในอนาคต 3. ทักษะการสื่อสารทางสังคม ด้วยพันธกิจของกรมสุขภาพจิต คือ การพัฒนา ผลิต และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านสุขภาพจิตและจิตเวชแก่เครือข่ายและประชาชน ดังนั้น ทักษะที่สำคัญของบุคลากรกรมสุขภาพจิต คือ ความสามารถสื่อสารกับสังคม(เครือข่ายและประชาชน ) ดังนั้น กรมสุขภาพจิตได้ดำเนินการสำรวจทักษะการสื่อสารทางสังคม โดยใช้ข้อคำถามให้ผู้ตอบประเมินความสามารถทางการสื่อสารของตนเอง จำนวน 4 ข้อ

  46. ดัชนีตัวที่ 3:ทักษะการทำงานในอนาคต เกณฑ์ในการคิดคะแนนการสื่อสาร ค่าเฉลี่ยที่ทำได้ = ∑ จำนวนข้อที่ตอบว่าทำได้ จำนวนบุคลากร x จำนวนข้อแบบสอบถาม คำนวณ 3.0555 = 37,204 ข้อ 3,044 คนx 4 ข้อ

More Related