1 / 23

รายงานความก้าวหน้า โครงการส่งเสริมความเข้มแข็งของแม่หญิงและชุมชน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

รายงานความก้าวหน้า โครงการส่งเสริมความเข้มแข็งของแม่หญิงและชุมชน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว. โดยความร่วมมือระหว่าง ศูนย์กลางสหพันธ์แม่หญิงลาว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประเทศไทย

tallys
Télécharger la présentation

รายงานความก้าวหน้า โครงการส่งเสริมความเข้มแข็งของแม่หญิงและชุมชน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. รายงานความก้าวหน้า โครงการส่งเสริมความเข้มแข็งของแม่หญิงและชุมชนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยความร่วมมือระหว่างศูนย์กลางสหพันธ์แม่หญิงลาว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประเทศไทย ร่วมสนับสนุนโครงการโดย มูลนิธิศูนย์ศึกษาที่อยู่อาศัยแห่งเอเชีย

  2. ความเป็นมาของความร่วมมือความเป็นมาของความร่วมมือ พอช. ได้มีความร่วมมือด้านการพัฒนาชุมชน สปป.ลาว นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2543 สยล. ผ่านโครงการพัฒนาแม่หญิง เมืองปากงึม มูลนิธิเพื่อการพัฒนาชุมชน (FCD) ในการส่งเสริมการพัฒนาขบวนการออมทรัพย์และกองทุนพัฒนา รวมถึงการใช้กิจกรรมการออมทรัพย์เป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชน ในเขตเมืองปากงึม จังหวัดกำแพงนครเวียงจันทน์

  3. ต่อมา พอช.และ สยล. จึงได้จัดทำบันทึกความร่วมมือด้านการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นทางการ ตามโครงการส่งเสริมความเข้มแข็งของแม่หญิงและชุมชน จำนวน 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 (เดือนตุลาคม 2545 – เดือนกันยายน 2548) พื้นที่ดำเนินงานโครงการจำนวน 3 เมืองในนครหลวงเวียงจันทน์ ประกอบด้วยเมืองปากงึม เมืองนาทรายทอง และเมืองสังข์ทอง ผู้แทนในการลงนามบันทึกความร่วมมือจาก สยล. คือ ท่านเข็มเพชร พลเสนา รองประธานศูนย์กลางสหพันธ์แม่หญิงลาว ส่วนผู้แทนจาก พอช. คือ นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ประธานกรรมการ พอช.ในสมัยนั้น ระยะที่ 2 (มกราคม 2549 – เดือนธันวาคม 2550) ขยายพื้นที่ดำเนินงานโครงการครอบคลุมพื้นที่ 16 เมือง ใน 5 แขวง ประกอบด้วย นครหลวงเวียงจันทน์ แขวงจำปาศักดิ์ แขวงหลวงพระบาง แขวงบ่อแก้ว และแขวงผึ้งสาลี ผู้แทนในการลงนามบันทึกความร่วมมือจาก สยล.คือ ท่านจันทึม ลัดมะนี รองประธานศูนย์กลางสหพันธ์แม่หญิงลาว ส่วนผู้แทนซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ พอช. คือ นายวิชล มนัสเอื้อศิริ กรรมการ พอช.

  4. หลักการสำคัญของความร่วมมือหลักการสำคัญของความร่วมมือ หลักคิดและกระบวนการดำเนินโครงการ เป็นกระบวนการที่โครงการได้ดำเนินการ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาชุมชนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่บนพื้นฐาน แนวคิด และหลักการที่สำคัญคือ ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง ที่มีความเท่าเทียม และเสมอภาค ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ให้และผู้รับอย่างมีศักดิ์ศรี และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยยึดเป้าหมายร่วมกันคือ การพัฒนาชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน และความเข้มแข็งขององค์กรชุมชนไทย-ลาว โดยทางฝ่ายลาวมีบทบาทหลักในการตัดสินใจดำเนินโครงการ

  5. กระบวนการดำเนินงานสำคัญกระบวนการดำเนินงานสำคัญ • การส่งเสริมการจัดตั้ง และพัฒนาขบวนการกลุ่มท้อนเงิน รวมถึงกองทุนระดับชุมชน • ส่งเสริมการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายกลุ่มท้อนเงินระดับเขต และเมือง • สนับสนุนการจัดตั้งกองทุนระดับเมือง 3 เมือง และกองทุนกลาง • ขยายผลกิจกรรมกลุ่มท้อนเงินสู่การพัฒนาชุมชนด้านต่างๆได้แก่ การจัดสวัสดิการชุมชน การส่งเสริมอาชีพและธุรกิจชุมชน การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในเมือง ฯลฯ • สนับสนุนงานด้านวิชาการและการศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนบทเรียน ประสบการณ์ ทั้งระหว่างกลุ่มท้อนเงินภายในเมือง ระหว่างแขวง และระหว่างประเทศ • การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับชุมชนหมู่บ้าน (นายบ้าน คณะเลขาพรรคบ้าน ฯลฯ) เจ้าเมือง เจ้าแขวง หน่วยงาน องค์กรจัดตั้งของรัฐ ธนาคารของรัฐ เป็นต้น

  6. ผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมจัดตั้งกลุ่มท้อนเงินและกองทุนชุมชนผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมจัดตั้งกลุ่มท้อนเงินและกองทุนชุมชน ได้สนับสนุนให้เกิดการจัดตั้งกลุ่มท้อนเงินจำนวน 404 กลุ่ม คิดเป็นร้อยละ 34.0 ของจำนวนหมู่บ้านทั้งหมดใน 16 เมืองซึ่งมีอยู่รวม 1,187 แห่งโดยนครหลวงเวียงจันทน์ มีการตั้งกลุ่มเกือบ 80% ของจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด

  7. จำนวนสมาชิกกลุ่มท้อนเงินเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดในเมืองที่ดำเนินโครงการจำนวนสมาชิกกลุ่มท้อนเงินเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดในเมืองที่ดำเนินโครงการ กลุ่มท้อนเงินที่จัดตั้งขึ้น มีจำนวนสมาชิกรวมทั้งสิ้น 65,942 คน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดในเมืองที่ดำเนินโครงการ ซึ่งมีจำนวน 415,168 คน คิดเป็นร้อยละ16 ของจำนวนประชากรทั้งหมด

  8. จำนวนครัวเรือนที่เป็นสมาชิกกลุ่มท้อนเงินเปรียบเทียบกับจำนวนครัวเรือนทั้งหมดในเมืองที่ดำเนินโครงการจำนวนครัวเรือนที่เป็นสมาชิกกลุ่มท้อนเงินเปรียบเทียบกับจำนวนครัวเรือนทั้งหมดในเมืองที่ดำเนินโครงการ เมื่อพิจารณาจำนวนครัวเรือนที่เป็นสมาชิกกลุ่มท้อนเงินมีจำนวนสมาชิกรวมทั้งสิ้น 39,791 คน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับจำนวนครัวเรือนทั้งหมดในเมืองที่ดำเนินโครงการ ซึ่งมีจำนวน 121,462 ครัวเรือน จะคิดเป็นร้อยละ 33 โดยแขวงบ่อแก้ว มีครัวเรือนที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกแล้วประมาณ 75% ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด

  9. ข้อมูลกลุ่มท้อนเงินและกองทุนรวม จำแนกตามระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ ล้านกีบ 70,869 44,380 40,561 36,510 10,789 8,336 ระยะเวลาโครงการ

  10. จำนวนผู้รับประโยชน์จากสินเชื่อ จำแนกตามประเภท ฉุกเฉินและอื่นๆ 2,648 ราย (10.8%) เจ็บป่วย 1,584 ราย (6.5%) การเกษตร 12,672 ราย (51.9%) หัตถกรรม 1,798 ราย (7.4%) ค้าขาย 5,727 ราย (23.4%) ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา กลุ่มท้อนเงินได้ปล่อยสินเชื่อให้สมาชิกจำนวน 24,429 ราย ในจำนวนนี้ เป็นการกู้ยืมไปลงทุนทางการเกษตรทุกประเภท ได้แก่ ทำนา ทำสวน และเลี้ยงสัตว์ จำนวนกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 51.9)คือ 12,672 ราย

  11. ปริมาณสินเชื่อจำแนกตามประเภทปริมาณสินเชื่อจำแนกตามประเภท ฉุกเฉินและอื่นๆ 5,703 ล้านกีบ (10.3%) เจ็บป่วย 2,165 ล้านกีบ (3.9%) หัตถกรรม 3,424 ล้านกีบ (6.2%) การเกษตร 25,265 ล้านกีบ (45.7%) ค้าขาย 18,728 ล้านกีบ (33.9%) วงเงินสินเชื่อที่ในรอบปีที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 55,287 ล้านกีบ (230 ล้านบาท) โดยร้อยละ 45.7 เป็นสินเชื่อเพื่อการเกษตร

  12. การจัดสรรผลกำไรกลุ่มท้อนเงิน กองทุนสวัสดิการ 1,837 ล้านกีบ (43.4%) กองทุนสะสม 1,596 ล้านกีบ (37.6%) กองทุนพัฒนา 467 ล้านกีบ (11.0%) กองทุนทัศนศึกษา 339 ล้านกีบ(8.0%) กลุ่มท้อนเงินได้จัดสรรเงินกำไรจากกลุ่ม จัดตั้งเป็นกองทุนพัฒนารวม 4,242 ล้านกีบ (17.7 ล้านบาท) โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 43.4 เป็นกองทุนสวัสดิการชุมชน รองลงมาร้อยละ 37.6 เป็นกองทุนสะสมของกลุ่ม และร้อยละ 11.0 เป็น กองทุนสนับสนับสนุนกิจกรรมการพัฒนาชุมชน นอกจากนี้ ยังได้จัดสรรเป็นกองทุนสำหรับการศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ร้อยละ 8.0

  13. ผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิก ด้านเศรษฐกิจ • ช่วยสมาชิกแก้ไขปัญหาการขายข้าวเขียว จำนวน 16,834 ราย • วงเงินรวม 33,488 ล้านกีบ (139.5 ล้านบาท) • ลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบที่สมาชิกต้องจ่ายประมาณปีละ 132,700 ล้านกีบ (553 ล้านบาท) เหลือเพียงปีละ 26,500 ล้านกีบ ( 110 ล้านบาท) หรือลดลงประมาณ 5 เท่าของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบ • ส่งเสริมการขยายกิจการหรือธุรกิจในครอบครัวสมาชิกทั้งประเภทการค้าขาย และอาชีพด้านหัตถกรรม (ทอผ้า จักสาน ฯลฯ) แก่สมาชิกจำนวน 7,525 ราย สินเชื่อรวม 22,100 ล้านกีบ (ประมาณ 92.3 ล้านบาท) • เกิดการพัฒนาธุรกิจชุมชนและเชื่อมโยงตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ

  14. ผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิก ด้านสังคม • เกิดการดูแลช่วยเหลือเกื้อกูลภายในชุมชนโดยได้สนับสนุนเงินยืมไม่มีดอกเบี้ย และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเหลือสมาชิกกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน น้ำท่วม ไฟไหม้ ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 694 ราย จำนวนเงินรวม 1,095 ล้านกีบ (4.6 ล้านบาท) • เกิดกองทุนสวัสดิการชุมชนใน 15 เมือง เงินกองทุนรวม 1,837 ล้านกีบ (หรือประมาณ 7.7 ล้านบาท) สมาชิกรวม 17,310 ราย • เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น โดยกระตุ้นให้เกิดการรวมตัวของคนในชุมชนและเครื่องมือในการประสานเชื่อมโยงกับหน่วยงานในท้องถิ่น เพื่อเข้ามาร่วมกันสนับสนุนกระบวนการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่นให้เกิดการพัฒนารอบด้านมากยิ่งขึ้น • กลุ่มท้อนเงินได้ประกอบส่วน(มีส่วนร่วม) ในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ด้วยการระดมเงินจากสมาชิก หรือจัดสรรผลกำไรประจำปี สมทบกิจกรรมการพัฒนาหมู่บ้าน สมทบการประชุมสหพันธ์แม่หญิงขั้นเมือง การประชุมคณะพรรคระดับเมือง เป็นต้น

  15. การส่งเสริมอาชีพด้านกสิกรรมการส่งเสริมอาชีพด้านกสิกรรม

  16. 500 – 1,000 กีบ/เดือน สมทบ 5 -10 % สมาชิก 60-70 % ทัศนศึกษา 3-5 % ตอบแทนที่ปรึกษา 2-3 % 5 -10 %

  17. ด้านการยกระดับการพัฒนาคุณภาพกลุ่มและสมาชิก • เกิดการจัดระบบการบริหารจัดการ เชื่อมโยงกองทุนจากระดับชุมชน สู่ระดับเมือง และกองทุนกลาง • หนุนเสริมบทบาทและยกระดับความสามารถของแม่หญิงลาวในการ พัฒนาชุมชนท้องถิ่น - เกิดแกนนำขบวนการกลุ่มท้อนเงินระดับกลุ่ม จำนวน 1,726 คน ระดับเขต (เครือข่าย) 143 คน ระดับเมือง 241 คน • - เกิดความเชื่อมั่น สามารถประกอบในการประชุมใหญ่ระดับต่างๆ • รวมถึงเป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนประสบการณ์ • - ได้รับความไว้วางใจ มอบหมายงานเรื่องการเก็บข้อมูลในชุมชน/ • หมู่บ้าน รวมถึงได้รับคำชมเชยจากเจ้าเมือง • เกิดพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาชุมชนที่หลากหลาย เช่น หมู่บ้านต้นแบบ เกษตรกรรมที่ไม่ใช้สารเคมี ศูนย์เรียนรู้การเพาะพันธุ์ปลา พื้นที่อนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ดิน วังปลา ลุ่มน้ำ ป่า)

  18. ด้านการยอมรับและการสนับสนุนทางนโยบาย • เครือข่ายกลุ่มท้อนเงิน 3 เมือง (ปากงึม นาทรายทอง สังข์ทอง) ได้รับ • การจัดสรรพื้นที่ว่างจากเมือง เพื่อก่อสร้างสำนักงาน โดยการระดมเงินจาก • สมาชิก • เจ้าแขวงเห็นความสำคัญของกิจกรรมการพัฒนา โดยกลุ่มท้อนเงิน • สั่งการให้เจ้าเมืองเข้าร่วมในกิจกรรมที่กลุ่มท้อนเงินจัดขึ้น รวมถึงสมทบ • งบประมาณในการจัดกิจกรรมกลุ่ม • ได้รับมอบหมายให้เป็นกลไกขับเคลื่อนงานตานโยบายที่สำคัญของรัฐบาล เช่น นโยบายการแก้ไขปัญหาความทุกข์จนของประชาชน รวมถึงได้รับการ สนับสนุนงบประมาณ เพื่อนำไปสมทบกองทุนกลุ่มท้อนเงิน • กองทุนหลุดผ่อนความทุกข์ยาก สำนักนายกรัฐมนตรี ได้จัดส่งตัวแทน เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กิจกรรมกลุ่มท้อนเงินและกองทุน รวมถึงเชิญผู้แทน กลุ่มและโครงการเป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนประสบการณ์ • เกิดการปรับระบบการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกสิกรรม โดยพิจารณาปล่อย สินเชื่อแก่สมาชิกกลุ่มท้อนเงินเป็นกรณีพิเศษ ขั้นตอนและเวลาการพิจารณา น้อยลง ทำให้สมาชิกสามารถเข้าถึงสถาบันการเงินสะดวกขึ้น • สามารถแสดงบทบาทเป็นกลไกกลางในการประสานเชื่อมโยงกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนำเสนอปัญหาที่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของคนใน ชุมชนต่อหน่วยงาน เพื่อร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหา

  19. แนวทางการขยายความร่วมมือ ผลจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทั้งสองประเทศ และความสำเร็จ ในการดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมความเข้มแข็งสำหรับแม่หญิง และชุมชน ในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ส่งผลให้ทั้งสองฝ่าย มีความเห็น ร่วมกันว่าควรสนับสนุนการพัฒนาขบวนการกลุ่มท้อนเงินและกองทุน ใน สปป.ลาว อย่างต่อเนื่อง ระหว่างสหพันธ์แม่หญิงลาว สถาบันพัฒนา องค์กรชุมชน และมูลนิธิศูนย์ศึกษาที่อยู่อาศัยแห่งเอเชีย โดยการ ขยายผลการดำเนินงาน จาก 16 เมือง 5 แขวง เป็น 32 เมือง 8 แขวง ทั้งนี้ คาดว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ แล้วเสร็จภายในเดือน กรกฎาคม 2552 และได้กำหนดจัดให้มีพิธีลงนามในบันทึกความ ร่วมมือภายในเดือนสิงหาคม 2552 นี้

More Related