1 / 6

โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ( Carpel Tunnel Syndrome)

โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ( Carpel Tunnel Syndrome).

violet-best
Télécharger la présentation

โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ( Carpel Tunnel Syndrome)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ (Carpel Tunnel Syndrome) • สาวๆ เชื่อหรือไม่คะว่าโรคนี้พี่เตยก็เป็นค่ะ!! T______T อาการของโรคนี้คือปวดร้าวบริเวณข้อมือ ฝ่ามือ และนิ้วมือ บางคนอาจมีอาการชา กำมือแน่นๆ ไม่ได้ หยิบจับของแล้วทำร่วงหล่นตลอด สาเหตุของโรคนี้เกิดจากท่าทางการวางมือขณะที่เราจับเมาส์และแป้นคีย์บอร์ดค่ะ ด้วยความเคยชินทำให้สาวๆ หลายคนวางมือในท่า “กระดกข้อมือ” ค้างไว้เวลาใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการข้อมืออักเสบขึ้นได้

  2. อาการปวดหลัง (Back Pain) • อาการปวดหลังมักเกิดจากการนั่งผิดท่าเป็นเวลานาน รวมถึงท่านั่งที่ไม่สบายเวลาใช้คอมพิวเตอร์ด้วยค่ะ สาวๆ หลายคนชอบนั่งไขว่ห้างเวลาใช้คอมพิวเตอร์ สาวๆ รู้รึเปล่าเอ่ยว่าท่านั่งไขว่ห้างเนี่ยทำให้ปวดหลังสุดๆ เลย (แต่เตยพี่ก็ชอบนั่งไขว่ห้างเวลาเล่นคอมเหมือนกันนะ -..-) ถ้าไม่อยากปวดหลัง เราต้องเริ่มกันที่ท่านั่งที่ถูกต้องในการใช้คอมพิวเตอร์ค่ะ • ท่านั่งในการใช้คอมพิวเตอร์ที่ถูกต้อง* เท้าทั้งสองข้างต้องวางแนบสนิทบนพื้น* ไหล่ต้องปล่อยสบาย ไม่ยกไหล่หรือห่อไหล่ขณะใช้คอมพิวเตอร์* เวลาใช้คอมพิวเตอร์ต้องไม่ก้มหน้ามากเกินไป ควรอยู่ในระยะ 50-70 องศา* ควรลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายทุกๆ 1 ชั่วโมง เพื่อเป็นการเปลี่ยนอิริยาบถและเป็นการพักสายตา* หลังต้องแนบชิดกับพนักพิงเก้าอี้ และนั่งให้เต็มก้น ไม่ควรนั่งแค่ครึ่งเดียวหรือหมิ่นเหม่* ปรับระดับความสูงของเก้าอี้ให้พอดีกับระดับโต๊ะคอมพิวเตอร์ ไม่ให้สูงเกินไปหรือเตี้ยเกินไป

  3. โรคเกี่ยวกับสายตา (Computer Vision Syndrome) • เวลาที่เราต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ มีใครมีอาการตาพร่าหรือปวดตาบ้างมั้ยคะ?? พี่เตยมีอาการปวดตาเวลาที่ใช้คอมพิวเตอร์นานเกินไปค่ะ บางคนอาจมีอาการน้ำตาไหล ปวดศีรษะ และตาแดงร่วมด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่าเราใช้คอมพิวเตอร์นานเกินไป! จริงๆ แล้ว เราควรพักสายอย่างน้อยทุกๆ หนึ่งชั่วโมงด้วยการนั่งหลับตาซักพัก (แต่อย่าแอบหลับนะ ^^’’) หรือลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาซักสิบนาทีแล้วค่อยกลับมาทำงานต่อค่ะ แต่เหนือสิ่งอื่นใด การจัดท่านั่งและระยะการมองหน้าจอคอมพิวเตอร์คือสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะใช้คอมพิวเตอร์อย่างไรไม่ให้ปวดตา ??1. ปรับแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้พอดี ไม่จ้าเกินไป2. ควรนั่งใช้คอมในที่ที่มีแสงสว่างมากพอ บางคนชอบปิดไฟในห้องนอน แล้วเล่นคอมพิวเตอร์    ในห้องมืดๆ ทำแบบนี้เสียสายตามากๆ เลยค่ะ T^T3. กระพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้มีน้ำมาหล่อเลี้ยงลูกตา ทำให้ไม่เคืองตาค่ะ4. อย่าลืมเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ เมื่อรู้สึกเคืองตา ปวดตา หรือแสบตา ให้พักสายตาทันที อย่า    ฝืนทำงานต่อ5. ตาที่มองหน้าจอคอมพิวเตอร์ต้องห่างจากหน้าจอประมาณ 45-70 เซนติเมตร6. ปรับขนาดตัวหนังสือบนหน้าจอให้เหมาะสม ไม่เล็กเกินไป เพราะจะทำให้เราต้องเพ่งตามอง    และอาจทำให้ปวดตาได้ค่ะ

  4. อาการปวดหัว (Headache Problems) • อาการปวดหัวมักเกิดขึ้นบ่อยๆ กับคนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ สาเหตุหลักๆ มักเกิดจากความเครียด การมองหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แสงหน้าจอคอมพิวเตอร์สว่างมากเกินไป รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอ ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวขึ้นได้ทั้งสิ้น ถ้าเราจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ เราต้องมีวิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันอาการปวดหัวค่ะ

  5. โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) • นอกจากปัญหาของความเครียดและอาการปวดหัวแล้ว ปัญหาการนอนไม่หลับจากการใช้คอมพิวเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่หลายคนเป็นอยู่แต่อาจจะไม่รู้ตัวค่ะ มีการวิจัยแล้วพบว่าความสว่างของหน้าจอมีผลต่อการนอนไม่หลับด้วย! จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่การใช้คอมพิวเตอร์ แต่รวมถึงการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตต่างๆ ด้วย

More Related