ส่งออกไทยฟื้น รับอานิสงส์เวียดนามลดค่าเงินดอง

1. N S P MD SAYS “ เฮติ ” อันดับโลจิสติกส์ของไทยล่าสุด จากอันดับโลก เปิดตลาดรองเท้าไทยในอินเดีย ส่งออกไทยฟื้น รับอานิสงส์เวียดนามลดค่าเงินดอง FTA สหรัฐ- TPP VS FTA ไทย - สหรัฐ แจ้งให้ทราบ ตรวจสอบสินค้าโดยเครื่องเอกซเรย์ แนวโน้มสินค้าการเกษตรและสินค้าประมงปี 2553 ในรัสเซีย ข่าวสาร SNP ฉบับที่ 108 WWW.SNP.CO.TH

2. S S เฮติ เมื่อ 4-5 วันที่ผ่านมา ผมได้เชิญนายธวัชชัย ไทยประเสริฐ ผู้ทำหน้าที่ประธานสภาพนักงานของ S.N.P. Shipping Group Co., Ltd. มาหารือเกี่ยวกับความช่วยเหลือประเทศเฮติที่ประชาชนกำลังทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสจากแผ่นดินไหว บ้านเรือนถล่มทลายจนไร้ที่อยู่อาศัย คนตาย คนบาดเจ็บนับแสน ๆ คน จนเกิดการขาดแคลนอาหารอย่างหนักตามข่าวที่ท่านผู้ประกอบการน่าจะรับทราบดีอยู่แล้ว คำพูดแรกที่ผมถามประธานสภาพนักงานฯ คือ “คิดอย่างไรกับปัญหาของประเทศเฮติ” คำตอบที่ผมได้รับกลับมาคือ “เราต้องทำโครงการช่วยเหลือครับ” แผนงานคร่าว ๆ ที่ประธานสภาพนักงานฯ ร่างขึ้นให้กับผมคือ เรามีกองทุนการกุศลที่พนักงานของ SNP ร่วมกันบริจาคเงินคนละตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไปมานานนมแล้ว แต่ละเดือนได้เท่าไหร่ บริษัทฯ ก็สมทบให้อีกเท่าตัวมอบให้สภาพนักงานฯ นำไปบริหารจัดการ เราเสียสละกันแบบนี้มาหลายปี ได้เงินเก็บไว้มากพอสมควร เรานำเงินดังกล่าวไปช่วยเหลือเด็กนักเรียนตามโรงเรียนในชนบทและผู้ยากไร้ต่าง ๆ เวลาเราทำโครงการเพื่อช่วยเหลือแต่ละโครงการ เรามักได้รับความช่วยเหลือจากผู้ประกอบการอีกต่อหนึ่งเสมอ มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่ท่านผู้ประกอบการจะกรุณา จากนั้นเราก็ทำบัญชีส่งให้ท่านผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการกับเราให้รับทราบว่า เราได้ทำอะไรลงไปบ้างในโครงการนั้น N N P P ต่อหน้า 2

3. เราจึงคิดนำเงินจากกองทุนนี้มาตั้งต้นที่ 10,000 บาท จากนั้นก็จะประชาสัมพันธ์ให้พนักงาน SNP ที่อยากช่วยเหลือ เพิ่มการบริจาคตามที่พนักงานอยากจะเพิ่ม เป็นกองทุนเริ่มต้น เราตั้งใจจะทำของใช้เล็ก ๆ ขึ้นจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปขายให้ท่านผู้ประกอบการเพื่อนำเงินรายได้เข้ากองทุนที่ตั้งขึ้นนี้ โดยจะใช้เวลาราว 1 เดือน อันเป็นการสิ้นสุดโครงการนี้และจะนำเงินที่ได้ส่งมอบผ่านหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไปยังประเทศเฮติ หรือหาทางส่งไปโดยตรง ผมจึงหวังว่า โครงการที่ประธานสภาพนักงานฯ กำลังดำเนินการอยู่จะได้รับความเมตตาจากท่านผู้ประกอบการต่อไป ซึ่งคงมีพนักงานกลุ่มหนึ่งทำการประชาสัมพันธ์ไปถึงท่านในไม่ช้านี้ จากนั้นมาอีก 2 วัน ผมอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ พบว่าประธานาธิบดีสหรัฐ นายบารัค โอบามา ได้เชิญชวนอดีตประธานาธิบดี 2 ท่านคือคุณบิลต์ คลินตัน และคุณจอร์จ ดับเบิลยู บุช ทั้งที่อยู่คนละพรรคและเป็นคนละพวกกันมาตลอดให้มาเป็นประธานโครงการรณรงค์ให้ประชาชนชาวอเมริกัน บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือประชาชนชาว เฮติ ภายใต้ชื่อของอดีตประธานาธิบดีทั้ง 2 เป็นชื่อโครงการโดยไม่มีชื่อของนาย บารัค โอบามาแต่อย่างใด ในข่าวเชื่อว่า โครงการนี้น่าจะได้เงินหลายร้อยล้านเหรียญ และถือโอกาสเชิญชวนชาวอเมริกันให้มีความรัก ความสามัคคีต่อกันมากขึ้นอันเป็นเป้าหมายเสริมของโครงการ เรียกว่า ได้ทั้งคะแนนนิยม ได้ทั้งเงินไปช่วยเหลือ และยังได้เป้าหมายความสามัคคีมาต่อท้าย S N P ต่อหน้า 3

4. เมื่อผมเหลียวมองประเทศไทย ผมเห็นหน่วยงานเอกชนบางแห่งเช่นทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ องค์กรเอกชนบางแห่งเช่นที่ SNP ที่ผมกล่าวข้างต้น และหน่วยงานของรัฐบางหน่วยมีการรณรงค์การรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือชาว เฮติเช่นกัน แต่การรณรงค์ก็ทำกันอย่างจำกัด ไม่ใหญ่โต ทั้งที่ภัยพิบัติครั้งนี้ อาจเทียบถึงสึนามิที่ประเทศไทยและชาวโลกเคยประสบมาแล้ว ผมคิดเองว่า การที่ประเทศไทยไม่สามารถทำเป็นโครงการได้ใหญ่โต คงเพราะเป็นการดำเนินการโดยเอกชนบางรายและหน่วยงานของรัฐเล็ก ๆ บางส่วนเท่านั้น จึงเกิดเป็นภาพของความกระจัดกระจายและไม่มีพลังเพียงพอก็ได้ ในมุมมองของผม หากรัฐบาลสามารถเข้ามาผลักดันโครงการนี้ สร้างรูปแบบการดำเนินการ และกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เช่นที่สหรัฐกำลังดำเนินการอยู่โดยไม่เลือกฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ผมว่าอย่างน้อยบรรยากาศภายในประเทศน่าจะดีขึ้น และความขัดแย้งที่มีอยู่ประเทศไทยก็อาจหยุดชะงักลงชั่วคราว หากท่านผู้ประกอบการใดที่สามารถส่งเสียงถึงรัฐบาลได้ ก็ขอให้ช่วยกันคนละแรง อย่างน้อยก็ได้ช่วยชาวเฮติ อย่างน้อยรัฐบาลก็สามารถเพิ่มเติมเป้าหมายอื่นลงไปไม่ว่าจะเป็นเพื่อตนเองหรือประเทศไทยหรือไม่ก็ตาม สิทธิชัย ชวรางกูร S N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

5. อันดับโลจิสติกส์ของไทยล่าสุด จากอันดับโลก S S S S ล่าสุดนี้ เพิ่งได้มีการประกาศผลการจัดอันดับประเทศที่มีการจัดการระบบบูรณาการการขนส่ง (โลจิสติกส์) ที่ดีที่สุดในโลก จากการสำรวจข้อมูลของธนาคารโลก ประเทศที่มีอันดับการจัดการระบบโลิจิสติกส์ที่ดีที่สุดก็คือ ประเทศเยอรมันนี เนื่องด้วยความสามารถในการจัดระเบียบและความมีวินัยของคนในประเทศ โดยที่ประเทศสิงคโปร์ได้อันดับ 2 ส่วนประเทศไทยได้อยู่ในอันดับที่ 35 ตกลงมาจากอันดับที่ 31 ด้วยเนื่องจากปัญหาด้านศุลกากรที่ได้คะแนนน้อย ซึ่งน่าจะมาจากการพัฒนาที่เป็นไปได้ช้าของศุลกากร แต่ธนาคารโลกระบุด้วยว่าแม้ผลการศึกษาพบว่าช่องว่างของระบบโลจิสติกส์ยังห่างกันมากระหว่างประเทศร่ำรวยกับประเทศกำลังงพัฒนาส่วนใหญ่ แต่ก็พบแนวโน้มด้านดีในบางด้าน เช่น ระบบศุลกากรที่ทันสมัยขึ้น การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดการระบบโลจิสติกส์ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภายในประเทศ และสภาพทางเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยในการชี้วัดปริมาณการส่งออกและนำเข้า นายโรเบิร์ต เซลลิค ประธานธนาคารโลก กล่าวว่าการแข่งขันทางเศรษฐกิจเป็นพลังผลักดันให้หลายประเทศสร้างความเข้มแข็งและปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ไปในทิศทางที่จะส่งเสริมประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผลการศึกษาใน 155 ประเทศทั่วโลกพบว่า ประเทศที่มีรายได้สูงจะมีโลจิสติกส์อยู่ในลำดับต้นๆ และส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการห่วงโซ่อุปทานทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก แต่ในทางตรงกันข้าม ประเทศที่มีประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ต่ำสุด 10 อันดับแรก ก็จะเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มรายได้น้อยถึงน้อยมาก N N N N N P P P P ต่อหน้า 2

6. ธนาคารโลกระบุด้วยว่าแม้ผลการศึกษาพบว่าช่องว่างของระบบโลจิสติกส์ยังห่างกันมากระหว่างประเทศร่ำรวยกับประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ แต่ก็พบแนวโน้มด้านดีในบางด้าน เช่น ระบบศุลกากรที่ทันสมัยขึ้น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการพัฒนาบริการโลจิสติกส์ในภาคเอกชน ธนาคารโลกชื่นชมประเทศไทยและอีกหลายประเทศว่าอยู่ในกลุ่มที่พัฒนาระบบโลจิสติกส์ก้าวหน้ามากในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน โดยไทยครองอันดับ 35 จีนอันดับ 27 อินเดียอันดับ 47 ยูกันดาอันดับ 66 เวียดนามอันดับ 53 ฟิลิปปินส์อันดับ 44 และแอฟริกาใต้อันดับ 28 S N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

7. เปิดตลาดรองเท้าไทยในอินเดียเปิดตลาดรองเท้าไทยในอินเดีย S นายสกล ศิกษมัต นายกสมาคมรองเท้าไทย เปิดเผยว่าสมาคมรองเท้าไทย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมนำอุตสาหกรรมรองเท้าไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้า India International Leather Fair (IILF) ณ เมืองเชนไน ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 31 ม.ค. 3 ก.พ.53 เพื่อขยายโอกาสทางการตลาด และสร้างเครือข่ายความร่วมมือของผู้ประกอบการ SME ในอุตสาหกรรมรองเท้า นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาด ระดับสากล นำไปสู่ความเข้มแข็งและการพัฒนาของผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ประกอบการไทยกับ ผู้ประกอบการอินเดีย นำไปสู่การทำธุรกิจร่วมกันและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งเป็นประโยชน์ต่อ การพัฒนาการค้าระหว่างสองประเทศในอนาคต ที่สำคัญเป็นการเพิ่มมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรองเท้า ตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำถึงอุตสาหกรรมปลายน้ำ เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศต่อไป ทั้งนี้ประเทศอินเดียถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีประชากรกว่า 1,166 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ด้านรองเท้า ดังนั้นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสเข้าไปขยายตลาดในประเทศอินเดีย จะช่วยส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการของไทย เป็นการเพิ่มโอกาสทางตลาดในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามจะมีการประชุมสัมมนาผู้ประกอบการไทยเพื่อเตรียมความพร้อมใน ระหว่างวันที่ 21 ม.ค. เวลา 08.30 16.30 น. ณ ห้องประชุมใหญ่สถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ถนนรัชดาภิเษก N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

8. ส่งออกไทยฟื้น รับอานิสงส์เวียดนามลดค่าเงินดอง S ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศไทย ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์ทิศทาง ปัญหา และอุปสรรคการค้าระหว่างประเทศของไทยในปีนี้ คาดว่าการส่งออกของไทยปีนี้จะฟื้นตัวจากปีที่แล้วแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมีมูลค่าการส่งออก รวม 166,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 10.5 จากที่หดตัวลงไปร้อยละ 15.1 ในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปัจจัยลบที่มีผลต่อการส่งออกมากที่สุดคือ การลดค่าเงินด่องของเวียดนาม เนื่องจากมีผลต่อตลาดคู่ค้าหลักของไทย คือ จีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ซึ่งเวียดนามมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าไทยยกเว้นในจีน นอกจากนี้คาดว่า เวียดนามจะลดค่าเงินลงอีกร้อยละ 10 ในช่วงกลางปีถึงปลายปีนี้ ซึ่งอาจจะกระทบต่อการส่งออกรวมของไทย ร้อยละ 0.82 โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ข้าวขาว เสื้อผ้า รองเท้า ประมง ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่กระทบต่อภาคการส่งออก คือเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในปีนี้ เฉลี่ย 32.4-32.6 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ การแข่งขันด้านราคา ทิศทางดอกเบี้ย และน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งมาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ขณะที่ปัจจัยที่มีผลบวกต่อการส่งออก คือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2.5 และการเปิดเขตการค้าเสรี อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยมีโอกาสขยายตัวได้ถึงร้อยละ 13.9 หากเศรษฐกิจโลกขยายตัวได้ถึงร้อยละ 4.1 ขณะที่การนำเข้าของไทย คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 14.4 โดยเป็นการนำเข้าสินค้าทุนเพียงร้อยละ 7.9 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ยังมีความไม่ชัดเจน N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

9. FTA สหรัฐ- TPP VS FTA ไทย - สหรัฐ S สหรัฐฯ กำลังเริ่มต้นเจรจาทำหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจกับกลุ่มข้ามแปซิฟิก (ทีพีพี) (Trans-Pacific Partnership Agreement) ประกอบด้วย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เวียดนาม สิงคโปร์และบรูไน ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จ ไทยจะเสียเปรียบประเทศเหล่านี้มาก โดยเฉพาะเวียดนาม เนื่องจากถ้าการเจรจาจบเมื่อไร สหรัฐฯไม่จำเป็นต้องทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับไทยอีกแล้ว เพราะสหรัฐฯ ได้คู่ค้าของไทยไปหมด ทั้งออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลีในละตินอเมริกา และอาเซียน ซึ่งไทยจะเสียเปรียบประเทศเหล่านั้น โดยเฉพาะเวียดนาม คู่แข่งสำคัญ ด้านอุปนายกสมาคมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า สหรัฐฯ ทำเอฟทีเอกับทีพีพี เพื่อสร้างความสมดุลอำนาจทางการค้ากับจีน ที่ทำเอฟทีเอกับอาเซียนแล้ว ซึ่งหากเจรจาสำเร็จ ไทยจะเสียเปรียบเวียดนามมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม เพราะเวียดนามจะได้ประโยชน์จากการลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่สูงมาก เช่น ภาษีนำเข้าฝ้าย 20% ใยสังเคราะห์ 30% นอกจากนี้ นักลงทุนจะย้ายฐานการผลิต หรือมุ่งไปสร้างฐานการผลิตที่เวียดนามแทน ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่แข่งขันกับเวียดนามไม่ได้ และจะล้มตายในที่สุด สำหรับ เอฟทีเอไทย-สหรัฐฯ หยุดการเจรจามาตั้งแต่ปี 2549 เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ไทยก็ต้องนำข้อตกลงเข้าสู่การพิจารณาของสภา ซึ่งทำให้การเจรจาล่าช้า ประกอบกับ สหรัฐฯเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แต่จนถึงขณะนี้ทั้ง 2 ประเทศยังไม่มีท่าทีชัดเจนเดินหน้าการเจรจา N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

10. แจ้งให้ทราบ S S S ยกเลิกอัตราเงินชดเชย และแล้ววันนี้ก็มาถึงผู้ประกอบการที่ต้องประสบกับการปรับลดอัตราเงินชดเชยและยกเลิกอัตราเงินชดเชยกับสินค้าอีกหลายรายการตามประกาศกรมศุลกากร 3 ฉบับคือ 1. ประกาศกรมศุลกากรที่ อ.1/2552 เรื่อง กำหนดอัตราเงินชดเชย 2. ประกาศกรมศุลกากรที่ อ.2/2552 เรื่อง กำหนดอัตราเงินชดเชยค่าภาษีอากรรถยนต์ 3 ประกาศกรมศุลกากรที่ อ.3/2552 เรื่อง กำหนดประเภทสินค้าที่ไม่ให้ได้รับชดเชย ประกาศกรมศุลกากรทั้ง 3 เรื่องนี้ มีผลบังคับใช้สำหรับสินค้าส่งออก ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป จึงแจ้งมายังผู้ประกอบการทุกท่านเพื่อวางแผนในการลดต้นทุนตัวอื่นทดแทนกับเงินชดเชยที่ได้ลดลงไป รายละเอียดของประกาศทั้ง 3 ฉบับนี้ สามารถดูข้อมูลได้ที่ www.customs.go.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่คุณสธร เกิดบุญมาก / ผู้ช่วยส่วนงานพัฒนา โทร. 02-333-1199 ต่อ 605 N N N P P P ต่อหน้า 2

11. S • สินค้าผ่านแดน ไป สปป. ลาว ที่ต้องห้าม และต้องกำกัด • สปป. ลาว กำหนดขั้นตอน, รูปแบบ หลักการในการนำเข้าและส่งออกพร้อมกำหนดสินค้าที่ห้าม และต้อขออนุญาตส่งออกและนำเข้า แบบไม่อัตโนมัติของ สสป. ลาว ดังรายละเอียดคือ • 1. สินค้าที่ห้ามนำเข้า 8 รายการ • 2. สินค้าที่ต้องขออนุญาตนำเข้า 18 รายการ • 3. สินค้าห้ามส่งออก 4 รายการ • 4. สินค้าต้องขอนุญาตส่งออก 9 รายการ • โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553 ตามหนังสือแจ้งการของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป. ลาว เลขที่ 2151/อค.กขอ. ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552 • สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนงานการตลาด คุณวิไลวรรณ พิพิธวณิชการ โทร 02-333-1199ต่อ 102 N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

12. ตรวจสอบสินค้าโดยเครื่องเอกซเรย์ตรวจสอบสินค้าโดยเครื่องเอกซเรย์ S อธิบดีกรมศุลกากร ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบสินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ ดังนี้ สำนักงานศุลกากร หรือด่านศุลกากรที่ใช้เครื่องเอกซเรย์ในการตรวจสอบสินค้า จัดทำระบบการบริหารความเสี่ยง (Local profilc) ในการตรวจสอบสินค้า โดยสั่งการให้ใช้เครื่องเอกซเรย์ในการตรวจสอบสินค้า รวมถึงปรับปรุงให้เป็น ไปตามนโยบายที่กรมศุลกากรกำหนด เพื่อให้การใช้เครื่องเอกซเรย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 1. สินค้าที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องทำการตรวจสอบด้วยเครื่องเอกซเรยื ได้แก่ 1.1 สิ่งมีชีวิต 1.2 ฟิล์ม หรือวัสดุไวแสงสำหรับการถ่ายภาพที่มีความไวแสงตั้งแต่ 1600 ASA ขึ้นไปหรือเทียบเท่า 1.3 อุปกรณ์กึ่งตัวนำ (Semiconductor Device) 1.4 ขอที่นำเข้าเก็บในโรงพักสินค้าแล้ว 2. การตรวจสอบโดยเครื่องเอกซเรย์ หากไม่พบข้อส่งสัยใด ๆ ทั้งในเรื่องพิกัดอัตราอากรราคาศุลกากร และชนิดของสินค้าแล้ว ไม่ต้องทำการตรวจสอบ โดยการเปิดตรวจสินค้าอีก เว้นแต่กระทำ เพื่อชักตัวอย่างสินค้า หรือประโยชน์อื่นใดในทางศุลกากร N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

13. แนวโน้มสินค้าการเกษตรและสินค้าประมงปี 2553 ในรัสเซีย S ปัจจุบันนั้นประเทศไทยได้มีการทำข้อตกลงสัญญาเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟต้า (AFTA)โดยมีผลคือการที่ไทยต้องยกเลิกโควต้านำเข้าและการลดภาษีในหมวดของสินค้าการเกษตรนั้นสินค้าเกษตรจำนวน 23 รายการที่จะต้องยกเลิกโควตา และลดภาษีเป็น 0% ยกเว้น เมล็ด กาแฟ มันฝรั่ง และเนื้อมะพร้าวแห้งที่ภาษีเป็น 5% ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป ดร.จิราวรรณ แย้มประยูร รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมประมงได้มีหนังสือเชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศรัสเซีย เข้าร่วมประชุมคณะทำงานด้านวิชาการไทย-รัสเซีย ครั้งที่ 2 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล การนำเข้า-ส่งออก และหารือเกี่ยวกับมาตรฐานสินค้าสัตว์น้ำไทยที่ส่งออกไปยังรัสเซีย รวมทั้งความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงด้านการตรวจสอบสินค้า สัตว์น้ำร่วมกัน เนื่องจากการที่รัสเซีย ได้ประกาศใช้ระเบียบใหม่ในการควบคุมการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำ โดยมีข้อกำหนดว่าสินค้าที่จะนำเข้าไปจำหน่ายยังรัสเซีย จะต้องผลิตจากโรงงานที่ผ่านการตรวจรับรองและมีใบรับรองสุขอนามัยที่ออกโดยหน่วยงานรับผิดชอบของประเทศผู้ส่งออกกำกับ ซึ่งประเทศไทย คือ กรมประมง โดยมีผลบังคับใช้อย่างเข้มงวด ตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคม 2551 นั้น ผลปรากฏว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สินค้าสัตว์น้ำของไทยได้รับการตอบรับอย่างดีจากรัสเซีย และกรมประมงเป็นผู้เสนอรายชื่อโรงงานที่ผ่านการรับรองสำหรับการส่งสินค้าสัตว์น้ำไปยังรัสเซียได้เลย โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากรัสเซีย ไม่ต้องเดินทางมาตรวจซ้ำอีก ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานที่ผ่านการรับรองจากกรมประมงที่สามารถส่งสินค้าประมงไปยังรัสเซีย มีจำนวน 132 โรงงาน มีปริมาณสินค้าสัตว์น้ำกว่า 15,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น กุ้ง หมึก ปลาแช่เยือกแข็ง ผลิตภัณฑ์จากซูริมิ และซูริมิแช่เยือกแข็ง ปลากระป๋องและสินค้าสัตว์น้ำแห้ง รมควัน เป็นต้น N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก