1 / 75

อาร์เรย์ (Array)

บทที่ 1. อาร์เรย์ (Array). 5. 2. 3. 4. 1. 6. การสร้างอาร์เรย์ 2 มิติ. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์. การค้นหาข้อมูลในอาร์เรย์. การจัดเรียงข้อมูลในอาร์เรย์ (Sort). การใช้พื้นที่ในหน่วยความจำร่วมกันของอาร์เรย์. การใช้อาร์เรย์สองมิติที่แต่ละแถวมีข้อมูลไม่เท่ากัน. อาร์เรย์. อาร์เรย์.

Télécharger la présentation

อาร์เรย์ (Array)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 1 อาร์เรย์ (Array)

  2. 5 2 3 4 1 6 การสร้างอาร์เรย์ 2 มิติ การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ การค้นหาข้อมูลในอาร์เรย์ การจัดเรียงข้อมูลในอาร์เรย์ (Sort) การใช้พื้นที่ในหน่วยความจำร่วมกันของอาร์เรย์ การใช้อาร์เรย์สองมิติที่แต่ละแถวมีข้อมูลไม่เท่ากัน อาร์เรย์ ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  3. อาร์เรย์ • เช่น • int[] students; • double[] amounts; • char[] letters; • หรือ • int students[]; • double amounts[]; • char letters[]; ชนิดของตัวแปรอาร์เรย์[] ชื่อของตัวแปร; ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  4. ชื่อของ อาร์เรย์ ชนิดของข้อมูลที่เก็บได้ ประกาศอาร์เรย์ใช้เก็บเลขจำนวนเต็ม int [] stu = new int[5]; ใช้ คำสั่ง new ในการจองพื้นที่ที่ ชนิด int จำนวน 5 ตัว ดัชนีของอาร์เรย์ stu 0 0 0 0 0 stu[0] stu [1] stu [2] stu [3] stu [4] stu.length จะมีค่าเท่ากับ 5 อาร์เรย์ • การจองพื้นที่ในหน่วยความจำสามารถทำได้ดังนี้ • int[] students = new int[5]; ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  5. การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์ • class array1 { • public static void main (String[] args) { • int[] stu = new int[5]; • for (int i=0; i<stu.length; i++) { • System.out.printf("stu[%d] = %d%n",i,stu[i]); • } • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  6. การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์ • ผลลัพธ์ที่ได้คือ • stu[0] = 0 • stu[1] = 0 • stu[2] = 0 • stu[3] = 0 • stu[4] = 0 ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  7. การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์ • class array2 { • public static void main (String[] args) { • int[] stu = new int[7]; • stu[1] = 5; • stu[3] = 7; • stu[6] = 6; • for (int i=0; i<stu.length; i++) { • System.out.printf("stu[%d] = %d%n",i,stu[i]); • } • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  8. การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์ • ผลลัพธ์ที่ได้คือ • stu[0] = 0 • stu[1] = 5 • stu[2] = 0 • stu[3] = 7 • stu[4] = 0 • stu[5] = 0 • stu[6] = 6 ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  9. การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์ • class array3 { • public static void main (String[] args) { • int[] arr = {8,9,6,3}; • for (int i=0; i<arr.length; i++) { • System.out.printf("arr[%d] = %d%n",i,arr[i]); • } • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  10. การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับอาร์เรย์ • ผลลัพธ์ที่ได้เป็นดังนี้ • arr[0] = 8 • arr[1] = 9 • arr[2] = 6 • arr[3] = 3 ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  11. การรับข้อมูลเข้าทางคีย์บอร์ดเพื่อเก็บค่าไว้ในอาร์เรย์การรับข้อมูลเข้าทางคีย์บอร์ดเพื่อเก็บค่าไว้ในอาร์เรย์ • import java.util.Scanner; • class array4 { • public static void main (String[] args) { • Scanner input = new Scanner(System.in); • int[] arr; • int num,sum=0; • double average = 0.0; • System.out.print("How many number do you want:"); • num = input.nextInt(); • arr = new int[num]; ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  12. การรับข้อมูลเข้าทางคีย์บอร์ดเพื่อเก็บค่าไว้ในอาร์เรย์การรับข้อมูลเข้าทางคีย์บอร์ดเพื่อเก็บค่าไว้ในอาร์เรย์ • for (int i=0; i<arr.length; i++) { • System.out.printf("input arr[%d] :",i); • arr[i] = input.nextInt(); • sum += arr[i]; • } • average = sum/arr.length; • System.out.printf("Sum is %d%n",sum); • System.out.printf("Average is %.2f%n",average); • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  13. การรับข้อมูลเข้าทางคีย์บอร์ดเพื่อเก็บค่าไว้ในอาร์เรย์การรับข้อมูลเข้าทางคีย์บอร์ดเพื่อเก็บค่าไว้ในอาร์เรย์ • เมื่อรันโปรแกรมแล้วทดลองกำหนดขนาดของอาร์เรย์เป็น 4 แล้วใส่ตัวเลข 9 8 6 3 ผลลัพธ์ที่ได้เป็นดังนี้ • How many number do you want:4 • input arr[0] :9 • input arr[1] :8 • input arr[2] :6 • input arr[3] :3 • Sum is 26 • Average is 6.00 ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  14. การใช้พื้นที่ในหน่วยความจำร่วมกันของอาร์เรย์การใช้พื้นที่ในหน่วยความจำร่วมกันของอาร์เรย์ • class array5 { • public static void main (String[] args) { • int[] arr = {8,9,6,3}; • System.out.println("*** Before ***"); • for (int i=0; i<arr.length; i++) { • System.out.printf("arr[%d] = %d%n",i,arr[i]); • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  15. การใช้พื้นที่ในหน่วยความจำร่วมกันของอาร์เรย์การใช้พื้นที่ในหน่วยความจำร่วมกันของอาร์เรย์ • int[] newArr = arr; • newArr[1] = 4; • newArr[3] = 2; • System.out.println("*** After ***"); • for (int i=0; i<arr.length; i++) { • System.out.printf("arr[%d] = %d%n",i,arr[i]); • } • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  16. การใช้พื้นที่ในหน่วยความจำร่วมกันของอาร์เรย์การใช้พื้นที่ในหน่วยความจำร่วมกันของอาร์เรย์ • ผลลัพธ์ที่ได้คือ • *** Before *** • arr[0] = 8 • arr[1] = 9 • arr[2] = 6 • arr[3] = 3 • *** After *** • arr[0] = 8 • arr[1] = 4 • arr[2] = 6 • arr[3] = 2 ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  17. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • ทำได้สามวิธี วิธีแรกเราต้องทำการสร้างอาร์เรย์อีกชุดหนึ่งแล้วทำการคัดลอกข้อมูลจากอาร์เรย์ตัวเดิมมาไว้ในอาร์เรย์ตัวใหม่ทีละข้อมูล ๆ ไปเรื่อย ๆ จนข้อมูลหมด ทำได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  18. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • class array6 { • public static void main (String[] args) { • int[] arr = {8,9,6,3}; • int[]newArr = new int[arr.length]; • for (int i=0; i<arr.length; i++) { • System.out.printf("arr[%d] = %d%n",i,arr[i]); • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  19. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • for (int i=0; i<arr.length; i++) { • newArr[i] = arr[i]; • } • for (int i=0; i<newArr.length; i++) { • System.out.printf("newArr[%d] = %d%n",i,newArr[i]); • } • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  20. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • ผลลัพธ์ที่ได้คือ • arr[0] = 8 • arr[1] = 9 • arr[2] = 6 • arr[3] = 3 • newArr[0] = 8 • newArr[1] = 9 • newArr[2] = 6 • newArr[3] = 3 ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  21. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • วิธีที่สองต้องใช้เมดธอด (Method) arraycopy() ทำการคัดลอกข้อมูลจากอาร์เรย์ต้นทางไปยังอาร์เรย์ปลายทาง ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  22. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • class array7 { • public static void main(String[] args) { • int[] arr = {8,9,6,3}; • int[] newArr = new int[arr.length]; • System.arraycopy(arr, 0, newArr, 0, arr.length); • for(int i = 0; i < newArr.length; i++) • System.out.printf("newArr[%d] = %d%n",i,newArr[i]); • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  23. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • ผลลัพธ์ที่ได้คือ • newArr[0] = 8 • newArr[1] = 9 • newArr[2] = 6 • newArr[3] = 3 ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  24. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • จากบรรทัด System.arraycopy(arr, 0, newArr, 0, arr.length); ภายในวงเล็บมีตัวแปร 5 ตัว โดยมีเงื่อนไขดังนี้ • ตัวแปรตัวแรกเป็นอาร์เรย์ต้นทางที่ต้องการคัดลอก (arr) • ตัวแปรตัวที่สองเป็นดัชนีเริ่มต้นของอาร์เรย์ต้นทาง (0) • ตัวแปรตัวที่สามเป็นอาร์เรย์ปลายทางที่ต้องการสร้าง (newArr) • ตัวแปรตัวที่สี่เป็นดัชนีเริ่มต้นของอาร์เรย์ปลายทาง (0) • ตัวแปรตัวที่ห้าเป็นขนาดของข้อมูลที่ต้องการคัดลอก (arr.length) ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  25. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • คัดลอกข้อมูลโดยใข้คำสั่ง System.arraycopy() สามารถคัดลอกข้อมูลบางส่วนได้ ไม่จำเป็นต้องคัดลอกข้อมูลทั้งหมด แสดงได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  26. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • class array8 { • public static void main(String[] args) { • int[] arr = {8,9,6,3}; • int[] newArr = new int[arr.length-1]; • System.arraycopy(arr, 1, newArr, 0, arr.length - 2); • for(int i=0;i<newArr.length;i++) • System.out.printf("newArr[%d] = %d%n",i, newArr[i]); • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  27. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • ผลลัพธ์ที่ได้คือ • newArr[0] = 9 • newArr[1] = 6 • newArr[2] = 0 ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  28. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • วิธีที่สามใช้เมดธอด clone() ซึ่งเป็นการคัดลอกข้อมูลจากอาร์เรย์ต้นทางไปยังปลายทางเช่นกัน พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้ ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  29. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • class array9 { • public static void main(String[] args) { • int[] arr = {8,9,6,3}; • int[] newArr = (int[])arr.clone(); • for(int i=0;i<newArr.length;i++) • System.out.printf("newArr[%d] = %d%n",i, newArr[i]); • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  30. การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์การคัดลอกข้อมูลในอาร์เรย์ • ผลลัพธ์ที่ได้คือ • newArr[0] = 8 • newArr[1] = 9 • newArr[2] = 6 • newArr[3] = 3 ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  31. การค้นหาข้อมูลในอาร์เรย์การค้นหาข้อมูลในอาร์เรย์ • การค้นหาข้อมูลในอาร์เรย์สามารถทำได้ 2 วิธี คือ • การค้นหาแบบเรียงลำดับ (Sequential search) • และการค้นหาแบบไบนารี (Binary search) ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  32. การค้นหาข้อมูลในอาร์เรย์การค้นหาข้อมูลในอาร์เรย์ • การค้นหาแบบเรียงลำดับ (Sequential search) • ในการค้นหาข้อมูลแบบเรียงลำดับนั่นก็คือเราต้องเริ่มต้นค้นหาข้อมูลตั้งแต่ตัวแรกสุดในอาร์เรย์ โดยทำการเปรียบเทียบข้อมูลที่เราต้องการค้นหากับข้อมูลในอาร์เรย์ว่าตรงกันหรือไม่ ถ้าตรงกันก็ให้หยุดค้นหา แต่ถ้าค้นหาไปจนกระทั่งถึงช่องสุดท้ายก็ยังไม่เจอ นั่นแสดงว่าข้อมูลที่เราต้องการค้นหาไม่อยู่ในอาร์เรย์นั้น พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้ ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  33. การค้นหาแบบเรียงลำดับ (Sequential search) • class array10 { • public static void main(String[] args) { • int[] arr = {8,9,6,3}; • int num = 9; • int i = 0; • for (i=0;i<arr.length;i++) { • if(num == arr[i]){ • System.out.printf("%d is in array.%n",num); • break; • } • } • if (i == arr.length) • System.out.printf("%d is not in array.%n",num); • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  34. การค้นหาแบบเรียงลำดับ (Sequential search) • ผลลัพธ์ที่ได้คือ • 9 is in array. • การค้นหาข้อมูลแบบนี้อาจดูเป็นการค้นหาที่ง่ายต่อการเขียนโปรแกรมเพราะจะทำการเริ่มต้นค้นหาข้อมูลตั้งแต่ตัวแรกไปจนถึงตัวสุดท้าย ถ้าเจอตั้งแต่ต้น ๆ ก็ดี แต่ถ้าไม่เจอก็ต้องค้นหาไปจนถึงตัวสุดท้ายก่อนถึงจะบอกได้ว่าไม่เจอ ถ้าข้อมูลในอาร์เรย์มีจำนวนมาก จะทำให้เสียเวลาในการค้นหานานมากกว่าจะรู้ว่าไม่เจอ ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  35. การค้นหาแบบไบนารี่ (Binary search) • หลักการคิดคือเราจะต้องทำการแบ่งข้อมูลออกเป็นสองส่วนก่อนจะเริ่มทำการค้นหาข้อมูลทุกครั้ง โดยข้อมูลที่เราต้องการจะค้นหาต้องนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลในอาร์เรย์ ณ ตำแหน่งกึ่งกลางของอาร์เรย์ ถ้าข้อมูลที่เราต้องการค้นหามีค่าน้อยกว่าตำแหน่งนี้เราจะทำการค้นหาข้อมูลต่อไปทางด้านซ้ายของอาร์เรย์ชุดนี้ • แต่ถ้าข้อมูลที่ต้องการค้นหามีค่ามากกว่าตำแหน่งกึ่งกลางนี้ เราจะทำการค้นหาข้อมูลต่อไปทางด้านขวาของอาร์เรย์ชุดนี้ ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพบข้อมูลที่ต้องการค้นหา หรือไม่ก็หยุดถ้าไม่เจอข้อมูลนั้น • แต่การค้นหาข้อมูลแบบไบนารีนั้นจำเป็นต้องจัดเรียงข้อมูลให้เรียงลำดับจากน้อยไปหามากมาก่อนทำการค้นหาข้อมูล มิฉะนั้นจะทำการค้นหาแบบไบนารีไม่ได้ ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  36. การค้นหาแบบไบนารี่ (Binary search) • class array11 { • public static void main(String[] args) { • int[] arr = {0,1,2,3,4,5,6,7,8,9,10}; • int num=3; • int head = 0; • int tail = arr.length - 1; • int middle; • boolean found = false; ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  37. การค้นหาแบบไบนารี่ (Binary search) • while(head <= tail) { • middle = (head + tail) / 2; • if(num == arr[middle]) { • found = true; • break; • } • else if(num < arr[middle]) • tail = middle - 1; • else • head = middle + 1; • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  38. การค้นหาแบบไบนารี่ (Binary search) • if(found) • System.out.printf("Found %d.%n",num); • else • System.out.printf("%d not found.%n",num); • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  39. การค้นหาแบบไบนารี่ (Binary search) • ผลลัพธ์ที่ได้คือ • Found 3. • จากตัวอย่างที่ผ่านมาอาจดูเหมือนว่ายากต้องเขียนโปรแกรมยาวกว่าจะได้คำตอบ ซึ่งที่จริงแล้ว จาวามีเมดธอดหนึ่งที่ชื่อว่า binalrySearch() เป็นเมดธอดที่ทำการค้นหาแบบไบนารีให้เราได้ (แต่ข้อมูลต้องเรียงจากน้อยไปหามาก) ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  40. การค้นหาแบบไบนารี่ (Binary search) • import java.util.Arrays; • class array12 { • public static void main(String[] args) { • int[] arr = {0,1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10}; • int num = 3; • int found = Arrays.binarySearch(arr, num); • if(found >= 0) • System.out.printf("Found %d at index %d.%n",num,found); • else • System.out.printf("%d is not in array.%n",found); • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  41. การค้นหาแบบไบนารี่ (Binary search) • ผลลัพธ์คือ • Found 3 at index 3. ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  42. การจัดเรียงข้อมูลในอาร์เรย์ (Sort) • ในกรณีจากจัดเรียงข้อมูลจากน้อยไปหามากก็เช่นกัน สามารถทำได้ด้วยการใช้เมดธอด Arrays.sort() ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  43. การจัดเรียงข้อมูลในอาร์เรย์ (Sort) • import java.util.Arrays; • class array13 { • public static void main(String[] args) { • int[] arr = new int[20]; • int i; • for(i = 0; i < arr.length; i++) • arr[i] = (int)(Math.random() * 100 + 1); • for(i = 0; i < arr.length; i++) { • if(i % 10 == 0) • System.out.println(); • System.out.printf("%d \t",arr[i]); • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  44. การจัดเรียงข้อมูลในอาร์เรย์ (Sort) • System.out.println(); • Arrays.sort(arr); • for(int j = 0; j < arr.length; j++) { • if(j % 10 == 0) • System.out.println(); • System.out.printf("%d \t",arr[j]); • } • System.out.println(); • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  45. การจัดเรียงข้อมูลในอาร์เรย์ (Sort) • ผลลัพธ์ที่ได้คือ • 57 2 78 93 69 11 83 50 9 12 • 90 31 56 90 72 85 80 90 38 85 • 2 9 11 12 31 38 50 56 57 69 • 72 78 80 83 85 85 90 90 90 93 ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  46. การสร้างอาร์เรย์ 2 มิติ • ในการประกาศอาร์เรย์สองมิติสามารถทำได้ด้วยการเพิ่มเครื่องหมาย [] เข้าไปอีกหนึ่งตัวจากเดิมเพื่อเป็นการบอกจาวาว่ามีสองมิติ ตัวอย่างเช่น • int [] [] arr2 = new int[5][5]; • ซึ่งหมายถึงการประกาศ arr2 ให้เป็นอาร์เรย์ 2 มิติ ที่มี 5 แถว ๆ ละ 5 ช่อง ดังรูป ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  47. ชื่อของ array และ ดัชนีของข้อมูลแต่ละตัว (index) ดัชนีของข้อมูลในแต่ละแถว [0] [1] [2] [3] [4] arr2[0] arr2 [1] arr2 [2] arr2 [3] arr2 [4] int [] [] arr2 = new int [5] [5]; การสร้างอาร์เรย์ 2 มิติ ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  48. การสร้างอาร์เรย์ 2 มิติ • class array14 { • public static void main(String[] args) { • int[][] arr2 = new int[5][5]; • for(int i = 0; i < arr2.length; i++) { • for(int j = 0; j < arr2[i].length; j++) { • System.out.printf("%d \t",arr2[i][j]); • } • System.out.println(); • } • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  49. การสร้างอาร์เรย์ 2 มิติ • ผลลัพธ์ที่ได้คือ • 0 0 0 0 0 • 0 0 0 0 0 • 0 0 0 0 0 • 0 0 0 0 0 • 0 0 0 0 0 ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

  50. การสร้างอาร์เรย์ 2 มิติ • class array15 { • public static void main(String[] args) { • int[][] arr2 = new int[5][5]; • for(int i = 0; i < arr2.length; i++) { • for(int j = 0; j < arr2[i].length; j++) { • arr2[i][j] = (int) (Math.random() * 10 + 1); • } • } ผศ. พิเชษฐ์ ศิริรัตนไพศาลกุล

More Related