1 / 64

CHAPTER 14: อุตสาหกรรมไทยและประเด็นความท้าทายในยุคโลกาภิวัฒน์ Globalization

CHAPTER 14: อุตสาหกรรมไทยและประเด็นความท้าทายในยุคโลกาภิวัฒน์ Globalization. EC 482 จาก “นโยบายการค้าระหว่างประเทศของไทย” ของ รศ.ดร.ชยันต์ ตันติวัสดาการ. หนังสือ : “นโยบายการค้าระหว่างประเทศของไทย” ของ รศ.ดร.ชยันต์ ตันติวัสดาการ. 1. ภาพรวมของ นโยบายการค้าของไทย

leyna
Télécharger la présentation

CHAPTER 14: อุตสาหกรรมไทยและประเด็นความท้าทายในยุคโลกาภิวัฒน์ Globalization

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. CHAPTER 14:อุตสาหกรรมไทยและประเด็นความท้าทายในยุคโลกาภิวัฒน์ Globalization EC 482 จาก “นโยบายการค้าระหว่างประเทศของไทย” ของ รศ.ดร.ชยันต์ ตันติวัสดาการ

  2. หนังสือ: “นโยบายการค้าระหว่างประเทศของไทย”ของ รศ.ดร.ชยันต์ ตันติวัสดาการ 1. ภาพรวมของ นโยบายการค้าของไทย 2. ความตกลงทางการค้าต่างๆของไทย 3. การปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าของไทย 4. ข้อสังเกตเกี่ยวกับนโยบายการค้าของไทย บทส่งท้าย ประเด็นท้าทายอุตสาหกรรมไทยในอนาคต

  3. 1. ภาพรวมของ นโยบายการค้าของไทย • ไทยปฏิบัติตามหลัก MFN กับทุกประเทศสมาชิก WTO • ใช้แนวทาง ภูมิภาคเปิด (Open regionalism) ของ APEC และผูกพันที่จะมีการเปิกการค้าและการลงทุนเสรีภายในปี 2563 • พยายามเจรจาการค้าแบบทวิภาคีกับหลายประเทศเพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้วภายใต้ AFTA • มีนโยบายด้านการลงทุนที่ค่อนข้างเสรี โดยผู้ลงทุนจากสหรัฐฯได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเหนือกว่าประเทศอื่นตามสนธิสัญญาทางไมตรีระหว่างไทยและสหรัฐฯ ปี พ.ศ. 2509

  4. 2. ความตกลงทางการค้าต่างๆของไทย 2.1 จุดยืนของไทยใน WTO • ปฏิบัติตามหลักการ MFN กับทุกประเทศสมาชิก WTO • ให้ความสำคัญกับภาคการเกษตร โดยเฉพาะ export subsidies และ domestic supports • เป็นสมาชิก Cairns Group ใน WTO ที่สนับสนุนการปฏิรูปด้าน market access และยกเลิก export subsidies และ domestic supports • ไม่เห็นด้วยกับการอ้างสิ่งแวดล้อมมาเป็นเหตุลดหย่อนกฎเกณฑ์ WTO • ไม่ยอมรับหลักการการป้องกันไว้ก่อนที่ไม่ใช่หลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ซึ่งอยู่นอกเหนือกรอบของ WTO ปัจจุบัน -> GMO ของ EU

  5. 2. ความตกลงทางการค้าต่างๆของไทย 2.1 จุดยืนของไทยใน WTO • ให้ความสนใจเรื่อง • ข้อตกลง TRIPs กับสาธารณะสุข • การขยายขอบเขตข้อบงชี้ทางภูมิศาสตร์ให้ครอบคลุมสินค้าอื่นนอกเหนือจากไวน์และสุรา • สนใจประเด็นการผนวกการลงทุนและการแข่งขันกับ WTO • ไม่ได้เป็นภาคีหรือเป็นผู้สังเกตการณ์ใน Agreement on Government Procurement แต่เข้าร่วมในคณะ WTO Working Group on Transparency in Government Procurement

  6. ผลต่อสวัสดิการกรณีเปิดเสรีเกษตรเต็มที่ผลต่อสวัสดิการกรณีเปิดเสรีเกษตรเต็มที่ ล้านUS$ Total Import duties Export sub. Production Sub. Usa 4,558.152,966.63-36.871,628.39 Eu 8,827.335,627.193,707.04-506.91 Tha 1,279.44 1,236.87 -5.2947.85 ChnHkg 2,156.122,771.20-135.57 -479.52 Jpn 28,407.4529,696.74 -516.58-772.71 Aus&NZ 3,778.033,109.30426.06242.66 Bra 6,003.57 5,534.4037.03432.15 Total 69,527.6467,804.541,318.33404.72

  7. 2.2 ความตกลงทางการค้าระดับภูมิภาค แนวโน้มการขยายตัวของ RTAs: Findley and Mari (2001) • ในปี 2001 มี RTA 240 ความตกลง • ร้อยละ 70 มีการผลบังคับใช้แล้ว • อีก 68 ความตกลงกำลังเจรจา และคาดว่าจะมีผลในปี 2005 • ร้อยละ 60 ของ RTA ที่มีผลแล้ว เป็นแบบทวิภาคี • ร้อยละ 50 ของ RTA ที่กำลังเจรจา เป็นแบบทวิภาคี • ร้อยละ 30 ของ RTA เกี่ยวข้องกับประเทศที่เคยเป็นสมาชิก RTA แล้ว แสดงว่ามีการขยายขอบเขตของการทำความตกลง

  8. ประโยชน์และโทษของ RTAs RTA อาจให้ทั้งคุณและโทษ • Trade creation: สามารถนำเข้าเสรีจากประเทศสมาชิกที่ผลิตได้ถูกกว่า • Trade diversion: เปลี่ยนการนำเข้าจากประเทศนอกกลุ่มที่ผลิตได้ถูก มาเป็นประเทศในกลุ่มที่ผลิตได้แพงกว่า • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต จากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

  9. ประโยชน์แก่ประเทศที่ทำ RTAs • นำเข้าได้ถูกลง และเพิ่มการส่งออก • ใช้ประโยชน์จาก ความประหยัดเนื่องจากขนาดการผลิต • ลดอำนาจของบริษัทผูกขาดในประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพ • ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ • เพิ่มอำนาจต่อรองในการเจรจา WTO • เป็นห้องทดลองสำหรับการเปิดเสรีเต็มรูปแบบ • ป้องกันการย้อนกลับไปใช้นโยบายปิดประเทศของประเทศด้อยพัฒนา

  10. โทษแก่ประเทศที่ทำ RTAs • เสียรายได้ภาษี • Trade and investment diversion • สร้างภาระกับระบบศุลกากร: rules of origin • สูญเสียอธิปไตยในการกำหนดนโยบาย • อาจมีการกระจายผลประโยชน์ที่ไม่เท่ากันในหมู่สมาชิก จากอำนาจต่อรองที่ต่างกัน • ทำให้เกิดการพึ่งพิงบางตลาดมากเกินไป • ความสัมพันธ์ทางการค้า ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ

  11. ผลต่อประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกผลต่อประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก ประโยชน์: • เข้าใกล้การค้าเสรีในระดับโลกมากขึ้น • มีตลาดส่งออกที่ใหญ่ขึ้น • เป็นห้องทดลอง เพื่อเตรียมพร้อมต่อการค้าเสรี ผลเสีย: • Trade and Investment diversion • ปัญหาขัดแย้งระหว่าง blocks • สนใจการเจรจา WTO น้อยลง • สร้างเกณฑ์ใหม่เพื่อบีบ WTO ให้เปลี่ยนตาม • ความสัมพันธ์ทางการค้า ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ

  12. ความตกลงการค้าเสรี: AFTA • ลดภาษีนำเข้าสำหรับสินค้า (ที่มี share การผลิตในอาเซียน > 40%) ภายใต้ระบบ CEPT • ลดเหลือ 5% ภายในปี 2545 หรือภายในปี 2546 สำหรับสินค้าบางรายการ • สิ้นปี 2544 รายการสินค้าใน Inclusive List ครอบคลุม 85% ของรายการภาษีในประเทศสมาชิกทั้งหมด • สมาชิกใหม่ของอาเซียนมีระยะเวลานานกว่าในการลดภาษี เวียดนามในปี 2549 ลาวในปี 2551 และกัมพูชาในปี 2553 • สินค้าอื่นนอกรายการ CEPT ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Exclusion Lists หรือ SensitiveLists หรือ Temporary Exclusive List: TEL

  13. ความตกลงการค้าเสรี: AFTA • เดิมนั้นสินค้ากลุ่ม TEL จะถูกรวมเข้ากับ CEPT ภายในปี 2543 • แต่ในเดือนตุลาคม 2543 อาเซียนตกลงให้สมาชิกดั้งเดิมเลื่อนการลดภาษีสินค้ารายการ TEL ที่มี ณ 31 ธค. 2542 โดยต้องชดเชย • เมื่อสิ้นปี 2544 รายการใน TEL คิดเป็น 0.6% ของรายการภาษีทั้งหมดของกลุ่มสมาชิกดั้งเดิมและ 40% สำหรับสมาชิกใหม่ • สินค้ายกเว้นทั่วไป (General exceptions: GE) ซึ่งยกเว้นไม่ต้องลดภาษีถาวร (ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ ศีลธรรม ชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ และพืช คุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และโบราณคดี) มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 1 ของรายการภาษีของอาเซียน

  14. ความตกลงการค้าเสรี: AFTA • ไทยมีการโอนรายการสินค้าเข้าสู่ระบบ CEPT อย่างต่อเนื่อง • ในสิ้นปี 2545 แทบทุกรายการสินค้ามีอัตราภาษีสูงสุดไม่เกิน 5% • (60% ของรายการภาษี มีอัตราภาษี 0%) • โดยมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 6.0% ในปีเดียวกัน • ลดเหลือ 4.6% ในปี 2546 • ประเทศไทยไม่มีสินค้าที่อยู่ในกลุ่ม TL และ GE แล้วตั้งแต่ปี 2545 • ยังมีสินค้าอีก 7 รายการ (เนื้อมะพร้าวตากแห้ง (copra) กาแฟ ไม้ตัดดอก มันเทศ เป็นต้น) ที่ยังอยู่ใน Sensitive list

  15. ความตกลงการค้าเสรี: AFTA • กลุ่มอาเซียนพยายามที่จะมีความร่วมมือทางการค้ากับนอกกลุ่มด้วย • กลุ่ม ASEAN+3 (จีน ญี่ปุ่น และ เกาหลี) ซึ่งมีการตกลงกันเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2545 ให้มีการศึกษาเพื่อจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชียตะวันออก (East Asia Free Trade Area) • ประเทศไทยเองสนับสนุนการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีนภายในปี 2553 สำหรับกลุ่มสมาชิกดั้งเดิม และภายในปี 2558 สำหรับสมาชิกใหม่ • โดยที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดสินค้าอ่อนไหว • ให้เริ่มจากสินค้าบางชนิดที่มีความพร้อมก่อนหรือ early harvest

  16. ความตกลงการค้าเสรี: AFTA • ไทยยังสนับสนุนให้อาเซียนมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่เข้มข้นขึ้นกับ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินเดีย นิวซีแลนด์ และเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2545 ในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัมพูชา ผู้นำอาเซียนได้เห็นพ้องร่วมกันว่าอาเซียนและญี่ปุ่นจะร่วมกันพัฒนากรอบการเจรจาเพื่อนำไปสู่หุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Comprehensive Economic Partnership) ภายในสิบปี

  17. ความตกลงการค้าเสรี: APEC • สมาชิก LDCs จะเปิดเสรีการค้า บริการ และการลงทุน ภายในปี 2563 และภายในปี 2553 สำหรับ DCs • เป็นการเปิดแบบสมัครใจ และแบบ concerted unilateral liberalization ตามหลักการของ Osaka Action Agenda ที่ระบุว่า • ต้องครอบคลุมกว้างขวาง (comprehensive) สอดคล้องกับ WTO • Open regionalism นั่นคือไม่เลือกปฏิบัติในหมู่สมาชิกเอเปก หรือระหว่างสมาชิกกับประเทศนอกกลุ่มสมาชิก • แต่ละประเทศจะมีการระบุแผน Individual Action Plans: IAPs

  18. ความตกลงการค้าเสรี: ASEM • EU และอาเซียนมีความร่วมมืออย่างไม่เป็นทางการ ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ ตาม Trade Facilitation Action Plan: TFAP • ลดการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี เพิ่มความโปร่งใส และส่งเสริมโอกาสทางการค้าระหว่างทั้งสองภูมิภาค • มีการรับรอง concrete goals สำหรับปี 2545 – 47 ซึ่งครอบคลุม • การส่งเสริม paperless custom procedure และInvestment Promotion Action Plan: IPAP • มีการใช้ Asia-Europe Business Forum เป็นเวทีในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน • ใช้กองทุนอาเซ็ม (ASEM Trust Fund) ในการสนับสนุนทางการเงินแก่การปรับโครงสร้างภาคการเงินและการแก้ปัญหาความยากจน

  19. 2.4 ความตกลงการค้าทวิภาคี: ยุทธศาสตร์ของไทย • ประเทศใหญ่ ตลาดเดิม (Market Strengthening) : • ญี่ปุ่น สหรัฐฯ • ขยายตลาดใหม่ (Market Broadening & Deepening) • ตลาดที่มีศักยภาพ: จีน อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ • ตลาดที่เป็นประตูการค้า (Gateway): บาห์เรน เปรู • ตลาดภูมิภาค: BIMST-EC

  20. 2.4 ความตกลงการค้าทวิภาคี: • ไทยกับบาเรน: ลงนามใน Framework Agreement on Closer Economic Partnership แล้ว และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2545 โดยทั้งสองฝ่ายต่างยกเลิกอากรนำเข้าจำนวน 626 รายการซึ่งมีอัตราที่ร้อยละ 3 ลงทันที และคาดว่ารายการที่เหลือจะมีการยกเลิกภายในปี 2553 • ไทยกับจีน:ทำความตกลงการค้าเสรีกับจีนในแบบ early harvest โดยลงนามเมื่อ 18 มิถุนายน 2546 ครอบคลุมเรื่องการลดภาษีสินค้าผักและผลไม้ทุกรายการ ตามพิกัดศุลกากรตอนที่ 07-08 (116 รายการ ตามพิกัดศุลกากร 6 หลัก) ให้เหลือ 0% ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 • ปี 2545 มูลค่าการค้าไทย-จีน $8.5 พันล้าน โดยส่งออก $3.6 พันล้าน นำเข้า $4.9 พันล้าน ขาดดุล $1.3 พันล้าน เฉพาะผักผลไม้ ไทยเกินดุล 83.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

  21. 2.4 ความตกลงการค้าทวิภาคี: • ไทย-อินเดีย (TIFTA): ลงนามในไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2546 และมีผลแล้วเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2547 โดยมีลักษณะเป็นแบบ Early harvest ครอบคลุมสินค้า 84 รายการ • เริ่มจาก 1 มี.ค. 2547 โดยลดลง 50% ในปีแรก 75% ในปีที่ 2 และ 100% ในปีที่ 3 • สำหรับสินค้าที่เหลือ เริ่มเจรจาในเดือนมกราคม 2547 และมีเป้าหมายที่จะสรุปภายใน มี.ค. 2548 เพื่อให้มีการลดภาษีลงเหลือ 0% ในปี 2553 • สำหรับบริการ เริ่มเจรจาในเดือนมกราคม 2547 และมีเป้าหมายที่จะสรุปภายใน มี.ค. 2549

  22. 2.4 ความตกลงการค้าทวิภาคี: • ไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA): ลงนามในไปแล้วเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2547 และมีผลแล้วเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2548 นี้โดยเป็นความตกลงที่ครอบคลุมการค้า บริการและการลงทุน • สินค้าส่วนหนึ่ง ลดภาษีเหลือ 0 ทันที ที่เหลือทยอยภายใน 5 ปี • สินค้าอ่อนไหว ลดช้ากว่า (ออสเตรเลียใน 10 ปี ไทยใน 20 ปี) • มีมาตรการปกป้องพิเศษสำหรับสินค้าเกษตรอ่อนไหว • สินค้าเกษตรที่มีโควตา จะกำหนด specific quota และทยอยลดภาษีในโควตา ส่วนภาษีนอกโควตาลดตาม WTO (Margin of preferences: MOP 10%) เช่น WTO คิด 100%, AUS คิด 90%

  23. 2.4 ความตกลงการค้าทวิภาคี: • ไทยและนิวซีแลนด์ลงนามความตกลง การค้าเสรี ในเดือนเม.ย. 2548 และ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 กค. 2548 • นิวซีแลนด์จะลดภาษีเป็น 0% ประมาณ 79% ของรายการสินค้าหรือประมาณ 85% ของมูลค่าการนำเข้าของนิวซีแลนด์จากไทยทันที • สำหรับสินค้าที่เหลือทั้งหมดจะลดภาษีเป็น 0 ภายในปีพ.ศ. 2553 ยกเว้นสินค้าสิ่งทอเสื้อผ้าและรองเท้าซึ่งนิวซีแลนด์จะค่อยๆทยอยลดภาษีเป็น 0 ในปีพ.ศ. 2558

  24. 2.4 ความตกลงการค้าทวิภาคี: • ไทยจะลดภาษีเป็น 0 สำหรับสินค้าจาก NZ ประมาณ 54% ของจำนวนรายการทั้งหมดหรือ 49% ของมูลค่านำเข้าจากนิวซีแลนด์ทันที • ไทยจะทยอยลดภาษีเป็น 0% ในปี 2553 อีกประมาณ 10% ของการนำข้าจาก NZส่วนสินค้าอ่อนไหวเช่นนมและผลิตภัณฑ์เนื้อวัวเนื้อหมูหัวหอมและเมล็ดเป็นต้นจะทยอยลดภาษีเป็น 0 ในปีพ.ศ. 2558-2563

  25. 3. การปฏิบัติตามข้อตกลง 3.1 ภาพรวมการปฏิบัติตามข้อตกลง • ไทยใช้ภาษีนำเข้าเป็นมาตรการหลักในการควบคุมการค้า • อัตราภาษีเฉลี่ย 14.7% (ปี 2546) จากจำนวนภาษี 5,505 รายการภาษี • 1/4 ของรายการภาษีทั้งหมดนี้มีลักษณะ unbound และที่ bound ก็มักมีอัตราจะสูงกว่าอัตรา MFN rates ที่ใช้จริงอยู่มาก -> water in the tariff • รัฐบาลมีอำนาจปรับเพิ่มอัตราได้ด้วยการประกาศในพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง และประกาศของคณะรัฐมนตรี • ไทยมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีเพียงไม่กี่ครั้ง (ส่วนใหญ่ในกลุ่มอาหารและยานยนต์) • แต่มีการใช้ anti dumping หลายครั้ง

  26. 3.1 ภาพรวมการปฏิบัติตามข้อตกลง • การใช้มาตรการใบอนุญาตนำเข้ายังคงไม่ชัดเจนและในหลายกรณีมีสภาพไม่ต่างกับการจำกัดปริมาณ ใบอนุญาตดังกล่าวประกาศใช้ภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อม • ยังคงมีการใช้มาตรการที่ไม่ภาษี (Non-tariff boarder measures) บางชนิดอยู่เพื่อเหตุผลอื่นๆ หรือเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมทารก • ประเทศไทยยังไม่ได้เข้าร่วมเป็นภาคีใน ความตกลงว่าด้วยการจัดซื้อของรัฐ (Agreement on Government Procurement) • มีการยกเลิก subsidies ที่ผูกกับการส่งออกหลายชนิด

  27. 3.1 ภาพรวมการปฏิบัติตามข้อตกลง • การส่งเสริมการลงทุน: ตระหนักว่าต้องเร่งกำจัดอุปสรรคของการลงทุนมากกว่าที่จะพึ่งพิงแต่การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างที่เคย • หันมาเน้นนโยบายอุตสาหกรรมมากขึ้นด้วยการพยายามเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในบางอุตสาหกรรมเป้าหมาย • มีการยกเลิกการใช้การบังคับ Local content และ Performance requirement เกือบทั้งหมด • มีความก้าวหน้าในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมากพอสมควรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการที่จะแปรรูปให้เป็นเอกชนในที่สุด • อย่างไรก็ดีการแปรรูปในภาพรวมยังคงล่าช้ากว่าแผนงานที่ตั้งไว้

  28. 3.1 ภาพรวมการปฏิบัติตามข้อตกลง • มีการออกมาตรฐานอุตสาหกรรมของไทยตามมาตรฐานสากลเพิ่มขึ้นมี • มีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายต่างๆ หลายฉบับที่เกี่ยวกับการกักกันสิ่งมีชีวิต (quarantine) • ปรับปรุงความเข้มแข็งของกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญาด้วยการออกมาตรการหลายประการเพื่อบังคับใช้กฎหมายมากขึ้น • การบังคับใช้นโยบายแข่งขันทางการค้ายังไม่เข้มแข็งนัก • มีการตัดสินคดีความไปเพียง 3 คดีเท่านั้นนับตั้งแต่กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2542- 45

  29. 3.2 มาตรการที่มีผลต่อการนำเข้า: พิธีศุลกากร • ตั้งแต่ปี 2542 ไทยใช้ระบบ EDI เพื่อเร่งการผ่านพิธีศุลกากร • ระบบดังกล่าวจัดการคำร้องศุลกากรประมาณ 85% • ลดเวลาเฉลี่ยการผ่านพิธีการจาก 4 ชั่วโมง เหลือ 1 ชั่วโมง • ตั้งแต่ พ.ย. 2545 เริ่มใช้ระบบแจ้งภาษีผ่านอินเตอรเน็ตสำหรับ SMEs • เอกชนที่เป็นสมาชิกของ BOI’s Investor Club Association มีสิทธิที่จะใช้ระบบการติดตามวัตถุดิบเพื่อผ่านพิธีศุลกากรวัตถุดิบ ภายในเวลา 3 ชั่วโมงหรือต่ำกว่า • ไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเรื่อง Rule of Origin แต่สินค้านำเข้าที่ต้องการใช้สิทธิจาก CEPT (40% ผลิตในอาเซียน) และตามระบบ GSTP จะต้องมีใบรับรองสินค้าตาม กฎแหล่งกำเนิดสินค้า

  30. 3.3 มาตรการที่มีผลต่อการนำเข้า: ภาษีศุลกากร • ระบบ Harmonized System (HS) 7-digit แบ่งเป็น • 1) อัตราประกาศตามพระราชบัญญัติ • 2) อัตราที่ใช้จริง (Applied rates) มีอัตราภาษีเฉลี่ย 14.7% • สินค้าเกษตร มีอัตราภาษีเฉลี่ย 25.4% • สินค้าอุตสาหกรรม มีอัตราภาษีเฉลี่ย 12.9% • 3) อัตราผูกพัน (WTO bound rates) อัตราภาษี เฉลี่ย 28.4% คิดเป็น 72%ของรายการภาษี • 4) อัตราลดหย่อนพิเศษ (Concession rates) เช่น CEPT AISP GSTP • สินค้าที่ปลอดภาษีคิดเป็น 4.0 %ของรายการภาษี

  31. 3.3 มาตรการที่มีผลต่อการนำเข้า: ภาษีศุลกากร • ตามพระราชกฤษฎีกาปี 2530 รัฐมนตรีคลังโดยผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี สามารถ • ปรับเปลี่ยนอัตราภาษีที่ใช้จริงได้ • ประกาศ Import surcharge ต่อสินค้าใดๆ หากไม่เกิน 50% ของอัตราที่ประกาศไว้ในตารางพิกัดอัตราภาษี • สินค้าที่ใช้ tariff quota มี1.0% ของรายการภาษี

  32. กลุ่มสินค้าที่มีอัตราภาษีสูงกลุ่มสินค้าที่มีอัตราภาษีสูง • กลุ่มผลิตภัณฑ์ผัก อาหารสำเร็จรูป อุปกรณ์ขนส่ง รองเท้าและหมวก อาวุธและดินปืน • โครงสร้างภาษีมีลักษณะ Tariff escalation • อัตราการคุ้มครองที่แท้จริงของภาษีจะเพิ่มขึ้นเมื่อสินค้าผ่านกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนมากขึ้น • เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าสินค้าขั้นกลางและสำเร็จรูป • ได้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องหนัง ผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์กระดาษ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและถ่านหิน ผลิตภัณฑ์อโลหะ เหล็กและเหล็กกล้า โลหะอื่นๆ เป็นต้น

  33. 1. มีความได้เปรียบสูงมาก RCA > 10 ผลิตภัณฑ์ข้าว (25.22) 2. มีความได้เปรียบสูง 10 > RCA > 2 น้ำตาล (5.62) กลุ่มพืชอื่นๆ (4.13) กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ (3.51) ข้าวเปลือก (3.26) กลุ่มผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์อื่นๆ (2.97) 3. มีความได้เปรียบ 2 > RCA > 1 กลุ่มเสื้อผ้าและเครื่องหนัง (1.61) ประมง (1.43) กลุ่มเครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิค (1.37) กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ (1.07) ความสามารถในการส่งออกของไทย (1) ระดับความสามารถ กลุ่มสินค้า (ค่าดัชนี RCA)

  34. 5. ไม่มีความได้เปรียบมาก RCA < 0.5 กลุ่มเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (0.46) กลุ่มธัญพืชอื่นๆ (0.42) กลุ่มเครื่องดื่มและยาสูบ(0.30) รถยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง (0.27) กลุ่มผลิตภัณฑ์นม (0.25) ป่าไม้ (0.09) กลุ่มผลิตภัณฑ์เส้นใยจากพืช (0.08) กลุ่มเมล็ดพืชน้ำมัน (0.07) ถ่านหิน น้ำมัน ก็าซ และแร่ (0.07) อ้อย (0.07) กลุ่มวัว แพะ และแกะ (0.03) กลุ่มเนื้อวัว แพะ และแกะ (0.02) นมสด (0.01) กลุ่มขนสัตว์ ไหมและดักแด้ (0.01) ข้าวสาลี (0.008) ความสามารถในการส่งออกของไทย (2) 4. ไม่มีความได้เปรียบ 1 >RCA> 0.5 กลุ่มเคมีภัณฑ์ ยางและพลาสติก (0.87)* กลุ่มผักผลไม้และผลไม้มีเปลือกแข็ง (0.80) บริการ (0.72) กลุ่มผลิตภัณฑ์จากสัตว์อื่นๆ (0.57) น้ำมันพืชและไขมัน(0.50) ระดับความสามารถ กลุ่มสินค้า (ค่าดัชนี RCA)

  35. 3.4 สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการส่งเสริมการลงทุน • BOI ยังคงใช้การลดหย่อนภาษีนำเข้าเพื่อส่งเสริมการลงทุนในเขตที่ห่างไกลและกระตุ้นการผลิตเพื่อการส่งออก ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล • ยังขาดความโปร่งใส ไม่มีข้อมูล forgonetax revenue • โซน 3 ยังคงได้รับการยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักรโดยไม่ขึ้นกับสัดส่วนการส่งออก ส่วนที่ตั้งในโซนอื่นได้รับลดหย่อน 50% • มูลค่าการลดหย่อนเหล่านี่ทำให้สูญเสียรายได้ถึง $1,775 ล้าน • ปัจจุบันเน้น Skill-Technology-Innovation (STI) มากขึ้น • บริษัทใน EPZ ยังได้รับการยกเว้นอากรนำเข้าและ VAT การนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบเพื่อการส่งออก • นิคมฯยกเลิกการบังคับสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 40 ตั้งแต่ ม.ค. 2546

  36. 3.5 มาตรการกีดกันการค้าที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร • ประกอบด้วยใบอนุญาตนำเข้าและการห้ามนำเข้า • เงื่อนไขของการได้มาซึ่งใบอนุญาตนำเข้าของสินค้าบางรายการมีแนวโน้มที่ค่อนข้างสลับซับซ้อนและไม่โปร่งใส และในหลายกรณีดูคล้ายกับการจำกัดด้านปริมาณ • ตามพระราชบัญญัติการส่งออกและนำเข้าปีพ.ศ. 2522ให้อำนาจ รมต. พาณิชย์ ผ่านคณะรัฐมนตรีในการจำกัดการนำเข้า เพื่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สาธารณะประโยชน์ สาธารณะสุข ความมั่นคงของชาติ ความสงบสุข ศีลธรรม หรือเหตุผลอื่นๆที่เป็นประโยชน์แก่ชาติ • พรบ. ส่งเสริมการลงทุน ให้อำนาจ BOI ขอให้รมต. พาณิชย์ระงับการนำเข้าสินค้าที่แข่งขันกับอุตสาหกรรมภายในประเทศ

  37. มาตรการฉุกเฉิน • Safeguards:ตามกฎกระทรวงพาณิชย์ (9 มิย. 2542) • มค. 2545BOI ประกาศเก็บ surcharge5% - 25% สินค้าเหล็กนำเข้าเพื่อปกป้องการผลิตเหล็กภายในประเทศที่ได้รับส่งเสริมฯ • ยกเลิกในกค.ปีเดียวกัน ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดแทน • Anti-dumping: • พค. 2546 เก็บ AD สินค้า 6 ชนิด จาก 12 รัฐสมาชิกของ WTO และเก็บกับสินค้าอีก 3 ชนิดจากที่ไม่ใช่รัฐสมาชิก • มีอัตราอยู่ในช่วงตั้งแต่ 5.9% - 135% • Countervailing Measures: ยังไม่มีการใช้

  38. มาตรการที่มีผลต่อการส่งออกมาตรการที่มีผลต่อการส่งออก • ภาษีส่งออกยังอัตราประกาศฯที่ค่อนข้างสูง แต่ใช้จริงน้อยมาก • ใช้การขออนุญาตในการคุมโควตาส่งออก การห้ามการส่งออกตามเงื่อนไข และการห้ามการส่งออกโดยเด็ดขาด โดยมีสาเหตุ • เหตุผลทางเศรษฐกิจ คุณภาพ สุขภาพ และความปลอดภัย • เป็นไปตามข้อตกลงกับคู่ค้า เช่นสินค้าสิ่งทอและเสื้อผ้า และสินค้าเกษตรกรรมบางชนิดๆ • EXIM Bank: ปลายปี 2545 ยกเลิก Packing Credit แต่ยังคงให้การสนับสนุนการส่งออกประเภทอื่นๆ อยู่

  39. 4. ข้อสังเกตเกี่ยวกับนโยบายการค้าของไทย • การเจรจา FTA ขาดข้อมูลการมีส่วนร่วมของสังคม • ไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบแก่ภาคที่ได้รับผลลบเท่าที่ควร • ความไม่พร้อมในการจัดการกับมาตรฐานสินค้า (FTA ไทย-จีน) • FTA กับความตกลงด้าน IP ที่เข้มข้นกว่า TRIPs ของ WTO • Spaghetti bowl effects of FTA • ความไม่สอดคล้องของนโยบายภายในกับระหว่างประเทศ (โคล้านตัว vs. FTA ไทย-ออสเตรเลีย) • สนธิสัญญาทางไมตรีกับการยกเว้น MFN ชั่วคราว

  40. บทส่งท้าย:ประเด็นท้าทายอุตสาหกรรมไทยในอนาคตบทส่งท้าย:ประเด็นท้าทายอุตสาหกรรมไทยในอนาคต

  41. เทคโนโลยี ประชากรและสังคม ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รูปแบบการบริโภค ความเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก 5 บริบทของการเปลี่ยนแปลง

  42. การเปลี่ยนแปลงที่ 1: ความเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก ความเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก การรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับทวิภาคี ภูมิภาค และพหุภาคีและบทบาทเศรษฐกิจ ของเอเชียที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ จีน และ อินเดีย ผลของความไม่สมดุลของเศรษฐกิจสหรัฐต่อค่าเงิน การเคลื่อนย้ายเงินทุนในโลกมีมากขึ้น ความเสี่ยงจากการ เก็งกำไรในเงิน ราคาสินค้าและน้ำมัน จะมีกฎ ระเบียบ การกำกับตรวจสอบ และธรรมาภิบาลของสถาบันการเงิน และธุรกิจเอกชนที่เข้มงวดขึ้น เช่น Basel II, COSO2 เป็นต้น

  43. การเปลี่ยนแปลงที่ 2: เทคโนโลยี เทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีวัสดุ นาโนเทคโนโลยี

  44. การเปลี่ยนแปลงที่ 3: ประชากรและสังคม ประชากรและสังคม ประชากร/การศึกษา สุขภาพ ความปลอดภัยในสังคม วัฒนธรรมและค่านิยม

  45. ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงที่ 4: สิ่งแวดล้อม มาตรการการค้าไม่ใช่ภาษี ข้อผูกพันระดับโลก ความหลากหลายทางชีวภาพ ภาวะโลกร้อนและภัยพิบัติ

  46. รูปแบบการบริโภค การเปลี่ยนแปลงที่ 5: แนวโน้มการบริโภคของโลก ความเป็นเมือง โครงสร้างอายุ รายได้ วัฒนธรรม/ประเพณี

  47. การเปลี่ยนแปลงที่ 2: เทคโนโลยี เทคโนโลยี เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีวัสดุ นาโนเทคโนโลยี

  48. การเปลี่ยนแปลงที่ 2: เทคโนโลยี

  49. การเปลี่ยนแปลงที่ 3: ประชากรและสังคม ประชากรและสังคม ประชากร/การศึกษา สุขภาพ ความปลอดภัยในสังคม วัฒนธรรมและค่านิยม

  50. การเปลี่ยนแปลงที่ 3: ประชากรและสังคม

More Related