1 / 19

ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System :CMS ) wordpress

ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System :CMS ) www.wordpress.com. ระบบจัดการเนื้อหา ( Content Management System :CMS). ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System :CMS)

lucia
Télécharger la présentation

ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System :CMS ) wordpress

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System :CMS) www.wordpress.com

  2. ระบบจัดการเนื้อหา(Content Management System :CMS) ระบบจัดการเนื้อหา(Content Management System :CMS) คือ ระบบที่พัฒนาคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยลดทรัพยากรในการพัฒนา(Development) และ บริหาร(Management) เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำลังคน ระยะเวลา และงบประมาณที่ใช้ในการสร้างและควบคุมดูแลเว็บไซต์

  3. ที่มา Content Management System (CMS) • CMS ถูกนำมาใช้ราวช่วงปี ค.ศ. 1995 โดย CNET เป็นผู้ริเริ่มใช้ระบบดังกล่าวเป็นรายแรก ในยุคแรก ถูกนำมาจัดการพวกเอกสาร เช่น ข่าวประจำวัน บทความ สารคดีอื่นๆ ที่ใช้เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ • ต่อมา CMS เป็นที่นิยมใช้ในองค์กรขนาดเล็กและเว็บไซต์ส่วนบุคคล อีกทั้งยังมีทีมพัฒนาเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งแบบเปิดและแบบปิด • สำหรับ CMS ที่เป็นแบบเปิดนั้น มีเงื่อนไขว่า ใครก็สามารถดาวน์โหลดและนำไปใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ • ขณะเดียวกัน CMS ระบบปิดจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์เสียก่อนจึงนำไปใช้งานได้ ซึ่ง CMS ระบบปิดจะมีราคาตั้งแต่ไม่กี่พันจนถึงหลักล้าน

  4. ระบบจัดการเนื้อหา(Content Management System :CMS) • ระบบจัดการเนื้อหาเป็นระบบที่สนับสนุนการสร้างบรรจุเนื้อหา ความรู้จากบุคคลที่หลากหลาย (ที่มีสิทธิในการใช้งาน) เข้าสู่ระบบฐานข้อมูล • โดยมีการจัดระบบการทำสารบัญ ดัชนี เพื่อให้สามารถค้นคืน (Search and retrieve) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเครื่องมือที่เอื้อให้ผู้ใช้นำเนื้อหาที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองแล้ว มาเรียบเรียงเป็นเนื้อหาความรู้ เป็นเรื่องราวได้

  5. ระบบจัดการเนื้อหา(Content Management System :CMS) • โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะนำเอา ภาษาสคริปต์(Script languages) ต่างๆมาใช้ เพื่อให้วิธีการทำงานเป็นแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น PHP, Perl, ASP หรือภาษาอื่นๆ • (แล้วแต่ความถนัดของผู้พัฒนา) ซึ่งมักต้องใช้ควบคู่กันกับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์(เช่น Apache) และดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์(เช่น MySQL)

  6. อะไรคือ CMS • CMS เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ โดยโครงสร้างของ CMS ประกอบด้วย ส่วนควบคุม ส่วนจัดการเนื้อหา เช่น รูปภาพ สื่อมัลติมีเดีย เป็นต้น • CMS สามารถสร้างเอกสารสำหรับเผยแพร่ต่อสาธารณะในปริมาณมากๆ ได้ และ CMS ยังเหมาะแก่การเก็บข้อมูล การควบคุม การกระจายข้อมูลระดับอุตสาหกรรม เช่น ข่าว บทความ เอกสารคู่มือออนไลน์ เอกสารด้านเทคนิค คำแนะนำการขาย เอกสารด้านการตลาด เช่น โบว์ชัวร์สินค้า

  7. อะไรคือ CMS • CMS จะเน้นที่การทำงานผ่านเว็บไซต์ ทำให้ผู้ดูแลสามารถเข้ามาแก้ไขข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา • CMS สามารถเพิ่มเติม ดัดแปลง แก้ไขและประยุกต์เพื่อให้เหมาะสมตามรูปแบบและประเภทของแต่ละเว็บไซต์ได้ อย่างเช่น การนำเสนอบทความ, เว็บไดเรคทอรี่, การเผยแพร่ข่าวสารต่างๆ และหัวข้อข่าว, รายงานสภาพดินฟ้าอากาศ, ถาม/ตอบปัญหา, ห้องสนทนา, กระดานข่าว และส่วนอื่นๆอีกมากมายที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเป็นประจำ

  8. คุณสมบัติของ CMS • สามารถนำเอกสารและมัลติมีเดียเข้ามาจัดการ • สามารถกำหนดให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถแสดงตนหรือทำตามข้อบังคับในการจัดการเนื้อหา • สามารถกำหนดกฎระเบียบและความรับผิดชอบในแต่ละหมวด • สามารถตรวจสอบเนื้อหาข้อคิดเห็น คำเตือนจากสมาชิกหรือผู้ใช้งาน • สามารถกําหนดรูปแบบ (Template) เพิ่มลดเมนู และโมดูลต่างๆ ที่ใช้งานในเว็บไซต์ได้โดยง่าย • สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ และระบบนี้เอื้อต่อการกำหนดรูปแบบการแสดงผล เช่น สีสัน ตัวอักษร หรือ การแสดงผลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

  9. ฟังก์ชันการทำงานของ CMS • ฟังก์ชันการทำงาน ได้แก่ • ระบบจัดการสมาชิก(Member) • การนำเสนอบทความ (Articles) • เว็บไดเรคทอรี (Web directory) • เผยแพร่ข่าวสารต่างๆ (News) ,หัวข้อข่าว (Headline) • รายงานสภาพดินฟ้าอากาศ (Weather) • ข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ (Informations) • ระบบสืบค้นข้อมูล(Search) • ระบบจัดการป้ายโฆษณา(Banner)

  10. ฟังก์ชันการทำงานของ CMS • ถาม/ตอบปัญหา (FAQs) • ห้องสนทนา (Chat) • กระดานข่าว (Forums) • การจัดการไฟล์ในส่วนดาวน์โหลด (Downloads) • แบบสอบถาม (Polls) • ข้อมูลสถิติต่างๆ (Statistics) และส่วนอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถเพิ่มเติมดัดแปลง แก้ไขแล้วประยุกต์นำมาใช้งานให้เหมาะสมตามแต่รูปแบบและประเภทของเว็บไซต์นั้นๆ

  11. Content Management System (CMS) • องค์ประกอบหลักของ CMS โดยทั่วไปแล้วซอฟต์แวร์ CMS จะมีองค์ประกอบหลักๆ ได้แก่ • บล็อก (Blog)คือ ส่วนที่ใช้เชื่อมโยงกับเว็บเพจต่างๆ โดยปกติบล็อกจะอยู่ตำแหน่งด้านซ้ายมือหรือขวามือของหน้าเว็บเพจ • โมดูล (Module)คือ ส่วนทีใช้จัดการรูปแบบเนื้อหาบนเว็บไซต์ เช่น โมดูลจัดการบทความ โมดูลจัดการ FAQ โมดูลสมาชิก เป็นต้น • ธีม (Theme)คือ กราฟิกของเว็บไซต์ ใช้ควบคุมคุณสมบัติทุกเว็บเพจ เช่น สี หรือแบบตัวอักษรและขนาด เป็นต้น

  12. ประโยชน์ของ CMS ช่วยการจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์อย่างง่ายดาย ช่วยให้สามารถจัดการควบคุมเนื้อหาจำนวนมาก ง่ายต่อการเข้าถึง และง่ายต่อการแก้ไขของผู้ดูแลเว็บไซต์ ซึ่งลักษณะสำคัญของ CMS ก็คือ การใช้จัดการเอกสาร การทดสอบ การแก้ไข การกำหนดขอบเขตเวลา ประโยชน์ของการใช้งาน CMS สรุปได้ดังนี้ • มีเทมเพลทให้ใช้งาน – CMS จะแสดงแม่แบบของเอกสารหรือเทมเพลทให้โดยอัตโนมัติ นอกจากนั้นยังสามารถทำการเปลี่ยนแปลงเทมเพลทได้ • มีความง่ายในการแก้ไขเนื้อหา และสามารถทดลองเผยแพร่เนื้อหาก่อนที่จะเผยแพร่จริงให้ผู้อื่นได้อ่าน เช่น ทดสอบการจัดคอลัมน์ การจัดเรียงรูปภาพ ตารางและตัวอักษร ก่อนเผยแพร่ใช้งานจริง

  13. ประโยชน์ของ CMS • สามารถเพิ่มปลั๊กอินหรือโมดูลเข้าไปในระบบได้ ซึ่ง CMS แต่ละตัว มีให้เลือกใช้จำนวนมากทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย และแก้ไขภายหลังได้ • การอัพเกรด CMS รองรับการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ รูปแบบการจัดการเนี้อหา ด้วยการอัพเกรดเวอร์ชันใหม่ของ CMS นั้น ๆ • จัดลำดับการจัดการ สามารถจัดการกับเนื้อหาที่สมาชิกหรือคอลัมนิสต์ส่งเข้ามาได้อย่างกึ่งอัตโนมัติ • จัดการเอกสารได้อย่างง่ายดาย CMS ใช้การจัดการเอกสารแบบกำหนดรอบเวลา ทั้งช่วงเวลาเริ่มต้นและช่วงเวลาสิ้นสุดของการเผยแพร่ชิ้นงาน ทำให้สามารถกำหนดรอบเวลาเผยแพร่งานแต่ละชิ้นได้อย่างอิสระ 

  14. ข้อดีของ CMS ระบบเปิด • ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการทำเว็บไซต์ เพียงแค่เคยใช้งานอินเทอร์เน็ต ก็สามารถมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้ • ไม่เสียเวลาในการพัฒนาเว็บไซต์ ไม่เสียเงินจำนวนมาก • ง่ายต่อการดูแล เพราะมีระบบจัดการทุกอย่างให้เราหมด • มีระบบจัดการที่เราสามารถหามาใส่เพิ่มได้มากมาย อย่างเช่น ระบบแกลลอรี่, ฟอรัม, กระดานสนทนา , ระบบจัดการเอกสาร ฯลฯ • สามารถเปลี่ยนหน้าตาเว็บไซต์ได้ง่ายๆ เพียงแค่โหลดทีม (Theme) ของ CMS นั้นๆ • มีผู้ที่สามารถให้ความรู้ และคำปรึกษาด้านนี้กับเราได้อย่างมากมาย ในอินเตอร์เน็ต และมีชุมชนผู้ใช้ CMS เป็นจำนวนมาก

  15. CMS ในปัจจุบัน ปัจจุบันมีผู้สร้าง CMS เป็นจำนวนมาก และมีชุมชนผู้ใช้หลากหลาย เช่น • Drupal • PostNuke • PHP-Nuke • MyPHPNuke • Mambo • eNvolution • Joomla!

  16. ซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้าง CMS ปัจจุบันซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้าง CMS มีหลายตัวด้วยกัน เช่น PostNuke, PHP-Nuke,MyPHPNuke, Mambo, Joomlaเป็นต้น

  17. การประยุกต์ใช้ CMS ในวงการต่างๆ • การนำ CMS มาใช้ในการสร้างเว็บไซต์สถาบันการศึกษา ธุรกิจบันเทิง หนังสือพิมพ์ การเงิน การธนาคาร หุ้นและการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ งานบุคคล งานประมูล สถานที่ท่องเที่ยว งานให้บริการลูกค้า • การนำ CMS มาใช้ในหน่วยงานของรัฐ อาทิเช่น งานข่าว งานประชาสัมพันธ์ การนำเสนองานต่างๆ ขององค์กร • การใช้ CMS สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว ชมรม สมาคม สมาพันธ์ โดยวิธีการแบ่งงานกันทำ เป็นส่วนๆ ทำให้เกิดความสามัคคี ทำให้มีการทำงานเป็นทีมเวิร์คมากยิ่งขึ้น

  18. การประยุกต์ใช้ CMS ในวงการต่างๆ • การนำ CMS มาใช้ในการสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ SME โดยเฉพาะสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP กำลังได้รับความนิยมสูง • การนำ CMS มาใช้แทนโปรแกรมลิขสิทธิ์ อื่นๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และง่ายต่อการพัฒนา • การใช้ CMS ทำเป็น Intranet Web Site สร้างเว็บไซต์ใช้ภายในองค์กร

  19. งานเดี่ยว กลับบ้าน • 1. วงการบันเทิง • 2. วงการการเมือง • 3. วงการการแพทย์ • 4. องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร • 5. OTOP • 6. การศึกษา • 7. การประชาสัมพันธ์

More Related