1 / 47

รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ วิชา วิทยาศาสตร์ ม. 2 เล่ม 1

รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ วิชา วิทยาศาสตร์ ม. 2 เล่ม 1. หน่วยการเรียนรู้ที่ 1. ระบบร่างกายมนุษย์และสัตว์ ( ตอนที่ 1). ระบบหายใจ. ระบบร่างกายมนุษย์และสัตว์ (ตอนที่ 1). การจัดระบบในร่างกาย. ระบบขับถ่าย. ระบบย่อยอาหาร. ระบบไหลเวียนเลือด. การจัดระบบในร่างกาย.

biana
Télécharger la présentation

รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ วิชา วิทยาศาสตร์ ม. 2 เล่ม 1

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. รายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ม.2 เล่ม 1

  2. หน่วยการเรียนรู้ที่1 ระบบร่างกายมนุษย์และสัตว์ (ตอนที่ 1)

  3. ระบบหายใจ ระบบร่างกายมนุษย์และสัตว์ (ตอนที่ 1) • การจัดระบบในร่างกาย • ระบบขับถ่าย • ระบบย่อยอาหาร • ระบบไหลเวียนเลือด

  4. การจัดระบบในร่างกาย

  5. การจัดระบบในร่างกาย ร่างกายของมนุษย์และสัตว์ประกอบขึ้นจากหน่วยที่มีขนาดเล็กที่สุด คือ เซลล์ จำนวนมากมายหลายล้านเซลล์ เมื่อเซลล์ที่มีรูปร่างและหน้าที่ที่เหมือนกันมารวมกัน เพื่อทำหน้าที่เฉพาะ เรียกว่า เนื้อเยื่อเมื่อเนื้อเยื่อต่างๆ รวมตัวกันจะเรียกว่า อวัยวะ และอวัยวะต่างๆ ทำงานประสานสัมพันธ์กันเป็น ระบบอวัยวะ เนื้อเยื่อ เซลล์ อวัยวะ ระบบร่างกาย

  6. ระดับเซลล์ ร่างกายของคนเราประกอบด้วยเซลล์ที่มีรูปร่างแตกต่างกันไป ตามหน้าที่การทำงาน ตัวอย่างเช่น เซลล์สืบพันธุ์ : ถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่น เซลล์กล้ามเนื้อ : หดตัวและคลายตัวเพื่อช่วยในการเคลื่อนไหว เซลล์ประสาท : ควบคุมการแสดงพฤติกรรมต่างๆ

  7. ระดับเนื้อเยื่อ เนื้อเยื่อ คือ กลุ่มของเซลล์ที่มีรูปร่างเหมือนกันมาอยู่รวมกันเพื่อทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ โดยเนื้อเยื่อแบ่งออกเป็น 4 ชนิด เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เนื้อเยื่อบุผิว เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อประสาท

  8. ระดับอวัยวะ อวัยวะเกิดจากเนื้อเยื่อหลายชนิดมารวมตัวกัน เพื่อทำหน้าที่อย่างเดียวกัน 1 สมอง : ศูนย์กลางของความคิด 2 ปอด : ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนออกซิเจนและ คาร์บอนไดออกไซด์ให้กับร่างกาย 1 3 ไต : เป็นอวัยวะหนึ่งของการขับถ่าย ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด 2 5 3 6 7 4 กระดูก : เป็นส่วนหนึ่งของระบบค้ำจุน 5 หัวใจ : ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดให้หมุนเวียน ทั่วตามร่างกาย 4 6 กระเพาะอาหาร : ทำหน้าที่คลุกเคล้าและย่อยอาหาร 7 อวัยวะเพศ : ทำหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์

  9. ระดับระบบร่างกาย • อวัยวะหลายชนิดทำงานประสานกัน เพื่อทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ เรียกว่า ระบบร่างกาย • ระบบแต่ละระบบในร่างกายจะทำงานประสานสัมพันธ์กัน • เพื่อให้มนุษย์ดำรงชีวิตได้ • อย่างปกติ

  10. ระบบย่อยอาหาร

  11. การย่อยอาหาร • การย่อยอาหาร คือ การทำให้อาหารที่มีโมเลกุลใหญ่กลายเป็นสารอาหารที่มีโมเลกุลเล็ก จนสามารถผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ ซึ่งการย่อยอาหารในร่างกายมี 2 วิธี ดังนี้ • การย่อยเชิงกล : การบดเคี้ยวอาหารโดยฟัน • การย่อยเชิงเคมี : ใช้เอนไซม์ทำให้โมเลกุลของอาหารมีขนาดเล็กลง สารอาหาร อาหาร

  12. การย่อยอาหารของสัตว์ การย่อยอาหารของสัตว์ที่ไม่มีทางเดินอาหาร • สัตว์ที่ไม่มีระบบทางเดินอาหารที่ชัดเจน จะมีเพียงเซลล์ที่ทำหน้าที่ดักจับอาหาร • แล้วสร้างเป็นถุงอาหาร จากนั้นจะย่อยสลายอาหารด้วยเอนไซม์จากไลโซโซม ถุงอาหาร

  13. ของเสีย อาหาร • จะมีโครงสร้างที่เป็นช่องเปิดเพื่อนำอาหารเข้าสู่ร่างกาย ได้แก่ ปาก และยังทำหน้าที่เป็นทวารหนัก ปล่อยเศษอาหารออกสู่ภายนอกด้วย • สัตว์กลุ่มนี้ ได้แก่ ไฮดรา และ • พลานาเรีย • จะใช้หนวดหรืองวงจับอาหารเข้าสู่ปาก • และผ่านเข้าไปในช่องว่างกลางลำตัวที่ ประกอบด้วยเซลล์ซึ่งทำหน้าที่ย่อยสลาย • อาหาร โดยการสร้างเอนไซม์มาย่อยอาหารจนมีโมเลกุลขนาดเล็ก และลำเลียงเข้าสู่เซลล์ร่างกาย การย่อยอาหารของสัตว์ที่มีทางเดินอาหารไม่สมบูรณ์ ช่องว่าง กลางลำตัว

  14. ทางเดินอาหารประกอบด้วย ปาก คอหอย ถุงพักอาหารหรือกระเพาะอาหาร ลำไส้ และทวารหนัก ซึ่งกากอาหารจะถูกขับออกทางช่องทวารหนัก • สัตว์ในกลุ่มนี้ เช่น ปลา แมลง เป็นต้น การย่อยอาหารของสัตว์ที่มีทางเดินอาหารสมบูรณ์ ปาก หลอดอาหาร ทวารหนัก ทวารหนัก ตับ ลำไส้เล็ก ปาก กระเพาะอาหาร ต่อมน้ำลาย

  15. เกิดการย่อยเชิงกลจากการบดเคี้ยว และเกิดการย่อยเชิงเคมีโดยเอนไซม์อะไมเลส(amylase) ที่จะย่อยคาร์โบไฮเดรตให้มีโมเลกุลขนาดเล็กลง แต่ร่างกายยังไม่สามารถนำไปใช้ได้ เนื่องจากโมเลกุลยังมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ • หลังจากการย่อยแล้วอาหารจะถูกส่งต่อไปยัง หลอดอาหาร ซึ่งเรียกว่า การกลืนอาหาร ปาก (mouth) น้ำตาลโมเลกุล ขนาดเล็ก เอนไซม์อะไมเลส คาร์โบไฮเดรต

  16. ลักษณะเป็นท่อตรงต่อจากคอหอยไปยังกระเพาะอาหารลักษณะเป็นท่อตรงต่อจากคอหอยไปยังกระเพาะอาหาร • กล้ามเนื้อของหลอดอาหารจะไม่มีการสร้างน้ำย่อย • อาหารจะเคลื่อนที่ผ่านหลอดอาหารโดยการหดตัวและคลายตัวของชั้นกล้ามเนื้อ ในลักษณะลูกคลื่นเป็นระยะๆ เรียกว่า เพอริสทัลซีส(peristalsis) หลอดอาหาร (esophagus)

  17. เป็นส่วนทางเดินอาหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งมีกล้ามเนื้อ หนาและแข็งแรงมาก • เมื่ออาหารมาถึงกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารจะสร้าง ของเหลวออกมา 3 ชนิด คือ น้ำย่อย กรดเกลือ และเอนไซม์ สำหรับย่อยโปรตีนสายสั้นๆ ส่วนคาร์โบไฮเดรต และไขมันจะไม่ถูกย่อยที่กระเพาะอาหาร กระเพาะอาหาร (stomach) เอนไซม์เปปซิน โปรตีน กรดอะมิโน

  18. เป็นทางเดินอาหารส่วนที่ยาวที่สุด • ผนังด้านในมีบริเวณที่ยื่นเข้าไปภายใน เรียกว่า วิลลัส(villus) เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิว ในการดูดซึมอาหาร • ผนังลำไส้เล็กจะสร้างเอนไซม์ในการย่อยโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ลำไส้เล็ก (small intestine)

  19. ทำหน้าที่สร้างน้ำดี แล้วส่งไปเก็บไว้ในถุงน้ำดี ซึ่งน้ำดีจะทำให้ไขมันแตกตัว เพื่อช่วยให้เอนไซม์จากตับอ่อนย่อยสลายไขมันได้ดีขึ้น ตับ (liver) ตับอ่อน (pancreas) • ทำหน้าที่สร้างน้ำย่อยหลายชนิด สร้างเอนไซม์และสารประกอบโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นเบส เพื่อปรับสภาพอาหารที่ส่งมาจากกระเพาะอาหาร ให้มีสมบัติเป็นกลาง ตับ ตับอ่อน ถุงน้ำดี ลำไส้เล็ก

  20. อาหารที่เหลือจากการย่อยและอาหารที่ย่อยไม่ได้ จะถูกส่งลงสู่ลำไส้ใหญ่ • ลำไส้ใหญ่จะทำหน้าที่ดูดน้ำและแร่ธาตุกลับสู่ร่างกาย ส่วนกากอาหารจะเคลื่อนที่ไปรวมกันที่ปลายของลำไส้ใหญ่รอขับถ่ายออกทางทวารหนักต่อไป ลำไส้ใหญ่ (largeintestine)

  21. ระบบไหลเวียนเลือด

  22. ระบบไหลเวียนเลือดของสัตว์ระบบไหลเวียนเลือดของสัตว์ การไหลเวียนเลือดของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง • เป็นแบบระบบเปิด คือ เลือดที่ออกจากหัวใจ ไม่ได้ไหลอยู่ในหลอดเลือดตลอดเวลา แต่มีบางช่วงเลือดจะไหลเข้าไปในช่องว่าง กลางลำตัว • พบในสัตว์พวกหอย แมลง กุ้ง ปู เป็นต้น หลอดเลือดแดง เนื้อเยื่อ หลอดเลือดดำ

  23. การไหลเวียนเลือดของสัตว์มีกระดูกสันหลังการไหลเวียนเลือดของสัตว์มีกระดูกสันหลัง • เป็นแบบระบบปิด คือ เลือดที่ออกจากหัวใจจะ ไหลผ่านหลอดเลือดตลอดจนกลับคืนสู่หัวใจ • พบในสัตว์พวกปลา มนุษย์ เป็นต้น หลอดเลือดแดง หลอดเลือดฝอย หลอดเลือดดำ

  24. ระบบไหลเวียนเลือดของแมลงระบบไหลเวียนเลือดของแมลง • มีระบบไหลเวียนเลือดแบบเปิด • หัวใจเป็นส่วนของเส้นเลือดที่มีลักษณะโป่งออกเป็นช่วงๆ • มีรูเล็กๆ เรียกว่า ออสเทีย ทำหน้าที่รับเลือดจากส่วนต่างๆ ในลำตัวไหลเข้าสู่หัวใจ • ไม่มีหลอดเลือดฝอย แต่มีช่องว่างกลางลำตัว เรียกว่า ฮีโมซีล ทำหน้าที่รับเลือด จากหลอดเลือด เพื่อลำเลียงสารไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ออสเทีย หัวใจ

  25. ระบบไหลเวียนเลือดของปลาระบบไหลเวียนเลือดของปลา • มีระบบไหลเวียนเลือดแบบปิด • ประกอบด้วยหัวใจ 2 ห้อง โดยหัวใจห้องบนทำหน้าที่รับเลือดที่มีออกซิเจนต่ำจาก ส่วนต่างๆ ของร่างกายแล้วส่งต่อไปยังหัวใจห้องล่าง ซึ่งทำหน้าที่สูบฉีดเลือดที่มีออกซิเจนต่ำไปยังเหงือก • เหงือกจะทำหน้าที่แลกเปลี่ยนแก๊ส โดยเลือดที่ผ่านเหงือกแล้วจะมีแก๊สออกซิเจนสูง ซึ่งจะส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ทั่วร่างกายผ่านทางหลอดเลือดแดง เหงือก หัวใจ

  26. ระบบไหลเวียนเลือดของมนุษย์ระบบไหลเวียนเลือดของมนุษย์ • ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย • แบ่งเป็น 4 ห้อง ซึ่งเป็นห้องบน 2 ห้อง เรียกว่า เอเทรียม และห้องล่าง 2 ห้อง เรียกว่า เวนตริเคิล • ระหว่างหัวใจห้องบนและห้องล่างจะมีลิ้นหัวใจคอยปิด-เปิดไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ หัวใจ หลอดเลือดแดงใหญ่ นำเลือดไปเลี้ยงส่วน ต่างๆ ของร่างกาย หลอดเลือดแดง นำเลือดไปปอด หลอดเลือดดำนำเลือด จากปอดเข้าสู่หัวใจ หลอดเลือดดำ นำเลือดจากร่างกาย เข้าสู่หัวใจ หัวใจห้องบนซ้าย หัวใจห้องบนขวา หัวใจห้องล่างซ้าย หัวใจห้องล่างขวา

  27. หลอดเลือดแดงหรือหลอดเลือดอาร์เทอรี (artery) • นำเลือดออกจากหัวใจ • ผนังหลอดเลือดมีชั้นกล้ามเนื้อเรียบที่หนาและยืดหยุ่น • เลือดที่อยู่ในหลอดเลือดแดง เป็นเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูง เรียกว่า เลือดแดง ยกเว้นหลอดเลือดแดงที่นำเลือดจากหัวใจไปยังปอด ซึ่งจะมีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สูง เรียกว่า เลือดดำ หลอดเลือด แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้

  28. นำเลือดกลับสู่หัวใจ • มีผนังบางกว่าและบรรจุเลือดได้มากกว่าหลอดเลือดแดง • ภายในหลอดเลือดมีลิ้นกั้นไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ • เลือดที่อยู่ในหลอดเลือดดำมีแก๊สคาร์บอนได้ออกไซด์สูง เรียกว่า เลือดดำ ยกเว้นหลอดเลือดดำที่นำเลือดออกจากปอด เข้าสู่หัวใจจะเป็นเลือดแดง หลอดเลือดดำหรือหลอดเลือดเวน (vein) หลอดเลือดฝอย • มีขนาดเล็กมาก • อยู่ระหว่างปลายของหลอดเลือดแดง และหลอดเลือดดำ

  29. ส่วนที่เป็นของเหลว คือ น้ำเลือดหรือพลาสมา (plasma) ประกอบด้วยน้ำและสารต่างๆ • ส่วนที่เป็นเม็ดเลือด เป็นส่วนที่ไม่ใช่ของเหลว ซึ่งประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือด และเกล็ดเลือด เลือด มีสมบัติเป็นเบสอ่อน ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วน ดังนี้ เซลล์เม็ดเลือดแดง (erythrocyte) • มีรูปร่างกลมแบน ตรงกลางบุ๋ม ไม่มีนิวเคลียส • ภายในเซลล์มีสารโปรตีนที่เรียกว่า เฮโมโกลบิน • สร้างโดยไขกระดูก มีอายุประมาณ 120 วันและจะถูกทำลายที่ม้าม

  30. เป็นเซลล์ที่มีนิวเคลียสเป็นเซลล์ที่มีนิวเคลียส • สร้างโดยม้ามและไขกระดูก • มีหลายชนิด โดยแต่ละชนิดจะทำหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งบางชนิดทำหน้าที่จับและทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย เซลล์เม็ดเลือดขาว (leucocyte) เกล็ดเลือด (platelets) • เป็นชิ้นส่วนของเซลล์ที่มีรูปร่างเป็นแผ่นเล็กๆ • ปนอยู่ในน้ำเลือด • มีหน้าที่ช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อเกิดบาดแผล • มีอายุประมาณ 10 วัน

  31. การไหลเวียนของเลือด หัว • เลือดจากส่วนต่างๆของร่างกายที่มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สูง เข้าสู่หัวใจทางห้อง • บนขวา แล้วผ่านลิ้นหัวใจลงสู่ห้องล่างขวา • หัวใจจะส่งเลือดไปยังปอดผ่านหลอดเลือด • อาร์เทอรี เพื่อแลกเปลี่ยนแก๊ส • เลือดที่มีออกซิเจนสูงจากปอดไหลกลับสู่หัวใจทางหลอดเลือดเวน เข้าสู่หัวใจห้องบนซ้าย แล้วไหลผ่านลิ้นหัวใจสู่ห้องล่างซ้าย • หัวใจบีบตัวส่งเลือดที่มีออกซิเจนสูงออกทางหลอดเลือดอาร์เทอรีไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ปอด หัวใจ ตับ ทางเดินอาหาร ไต อวัยวะอื่นๆ

  32. ระบบหายใจ

  33. ระบบหายใจของสัตว์ แมลง ไฮดรา • มีช่องหายใจเล็กๆ ข้างลำตัวบริเวณท้อง ซึ่งจะติดกับท่อลม • ท่อลมมีลักษณะแตกเป็นแขนง ทำหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนแก๊ส • ไม่มีอวัยวะในการหายใจ • มีการแลกเปลี่ยนแก๊สออกซิเจนและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นในเซลล์ • โดยการแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์โดยตรง O2 O2 CO2 O2 ท่อลม ถุงลม ช่องหายใจ

  34. ปลา • มีอวัยวะที่ใช้หายใจ คือ เหงือก ซึ่งทำหน้าที่แลกเปลี่ยนแก๊ส • เหงือกมีลักษณะเป็นซี่ๆ เรียงตัวกันเป็นแผง โดยแต่ละซี่จะมีหลอดเลือดฝอยมาหล่อเลี้ยงจำนวนมาก

  35. ระบบหายใจของมนุษย์ อวัยวะที่ช่วยในการหายใจ • เริ่มต้นที่ปากและจมูกไปสู่หลอดลม • ปลายของหลอดลมแตกเป็น 2 แขนง เรียกว่า แขนงปอด ซึ่งเมื่อเข้าไปในปอดจะแตกแขนงเล็กๆ มากมาย เรียกว่า หลอดลมฝอย • ปลายหลอดลมฝอยมีถุงเล็กๆ เรียกว่า ถุงลม • การนำอากาศเข้าออกจากปอดเป็นการทำงานร่วมกันของกล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครงและกล้ามเนื้อกะบังลม แขนงปอด หลอดลม หลอดลมฝอย ถุงลม

  36. การผ่านเข้าออกของอากาศโดยการหายใจการผ่านเข้าออกของอากาศโดยการหายใจ การหายใจออก : กระดูกซี่โครงเลื่อนต่ำลง กะบังลมเลื่อนสูงขึ้น ทำให้ปริมาตรช่องอกลดลง ความดันอากาศสูงขึ้น อากาศจึงผ่านออกจากปอด การหายใจเข้า : กระดูกซี่โครงเลื่อนสูงขึ้น กะบังลมเลื่อนต่ำลง ทำให้ปริมาตรช่องอกมากขึ้น ความดันอากาศต่ำลง อากาศจึงผ่านเข้าสู่ปอด

  37. การหายใจระดับเซลล์ การแลกเปลี่ยนแก๊สที่ถุงลม : ออกซิเจนในถุงลมจะแพร่เข้าสู่เลือด ส่วนคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดจะแพร่เข้าสู่ถุงลม แล้วขับออกทางลมหายใจออก การแลกเปลี่ยนแก๊สที่เซลล์ : เมื่อออกซิเจนและสารอาหารเข้าสู่เซลล์จะเกิดปฏิกิริยา ซึ่งได้พลังงานออกมา เรียกกระบวนการนี้ว่า กระบวนการหายใจ เซลล์ร่างกาย อาหาร CO2 +น้ำ O2 เลือดจากหัวใจ O2 เลือดกลับ สู่หัวใจ CO2 หลอดเลือดฝอย

  38. การแลกเปลี่ยนแก๊สและการหมุนเวียนเลือดในร่างกายมนุษย์การแลกเปลี่ยนแก๊สและการหมุนเวียนเลือดในร่างกายมนุษย์ แลกเปลี่ยน แก๊สที่ถุงลม เลือดที่มีแก๊สออกซิเจนสูง เซลล์ร่างกาย แลกเปลี่ยน แก๊สที่เซลล์ เลือดที่มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สูง

  39. ระบบขับถ่าย

  40. ระบบขับถ่ายของสัตว์ พลานาเรีย ไส้เดือนดิน เฟลมเซลล์ • อวัยวะขับถ่ายที่เรียกว่า เฟลมเซลล์(flame cell) ซึ่งเป็นท่อกระจายอยู่ทั้งสองข้างของลำตัว และมีรูขับของเสียออกข้างลำตัว • ใช้เนฟริเดียม(nephridium) รับของเสียที่มาตามท่อ และมีท่อเป็นรูเปิดออกข้างลำตัว เนฟริเดียม

  41. แมลง ปลา • มีอวัยวะขับถ่าย คือ ไต (kidney) อยู่ภายในช่องท้องค่อนไปทางด้านบน • ของลำตัว ของเสียที่ส่งมาสู่ไตจะถูก • ส่งต่อไปยังกระเพาะปัสสาวะ และ ขับออกทางร่างกายทางช่องทวารหนัก • ใช้ท่อมัลพิเกียน (mulphigian) ซึ่งเป็นท่อขนาดเล็กจำนวนมากที่อยู่ระหว่างกระเพาะอาหารกับลำไส้ ทำหน้าที่ดูดซึมของเสียจากเลือดส่งต่อไปยังทางเดินอาหาร และขับออกทางช่องทวารหนัก ไต ท่อมัลพิเกียน

  42. ระบบขับถ่ายของมนุษย์ ไต • ทำหน้าที่กรองของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการ รวมทั้งช่วยรักษาสมดุลของน้ำ แร่ธาตุ และสารบางชนิด • ภายในไตประกอบไปด้วยหน่วยไต (nephron) ซึ่งทำหน้าที่กรองเลือด • เลือดที่มีออกซิเจนสูงเข้าสู่ไตทางหลอดเลือดแดง ซึ่งสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น น้ำ กลูโคส จะถูกดูดกลับเข้าสู่หลอดเลือดฝอย แล้วลำเลียงเข้าสู่หัวใจทางหลอดเลือดดำ • ของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการจะสลายเป็นปัสสาวะ ลำเลียงไปยังกระเพาะปัสสาวะเพื่อรอการขับถ่าย

  43. ของเสียที่ขับออกทางผิวหนังจะอยู่ในรูปของเหลว เรียกว่า เหงื่อ (sweat) ซึ่งประกอบด้วยน้ำและเกลือแร่ • เหงื่อจะถูกขับออกตามส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ใต้รักแร้ แผ่นหลัง • แต่ละวันร่างกายสูญเสียน้ำในรูป ของเหงื่อ ประมาณ 500-1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ผิวหนัง รูขุมขน ต่อมเหงื่อ

  44. ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนแก๊ส ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ถุงลมในปอด ปอด ปริมาณแก๊สต่างๆ และไอน้ำในลมหายใจเข้าและลมหายใจออก

  45. อาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยอาหารจะถูกส่งต่ออาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยอาหารจะถูกส่งต่อ มาสะสมที่ลำไส้ใหญ่ในรูปของกากอาหาร • ตลอดระยะเวลาในการเคลื่อนที่ของอาหาร จะมีการดูดซึมน้ำและสารอาหารกลับคืนสู่ร่างกาย ส่วนกากที่เหลือจากการย่อย คือ อุจจาระ จะถูกขับออกทางทวารหนัก ลำไส้ใหญ่

  46. สรุปทบทวนประจำหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 • การจัดระบบในร่างกายมนุษย์และสัตว์ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับเซลล์ ระดับเนื้อเยื่อ ระดับอวัยวะ และระดับระบบร่างกาย • การย่อยอาหาร คือ การทำให้อาหารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่กลายเป็นสารอาหารที่มีโมเลกุลขนาดเล็กลง จนสามารถผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ • การย่อยอาหารของมนุษย์ ประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ได้แก่ ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ตับ ตับอ่อน และลำไส้ใหญ่ • ระบบไหลเวียนเลือด มีหน้าที่ลำเลียงสารอาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย และลำเลียงของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการไปยังระบบขับถ่าย • ระบบหายใจ จะนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย เพื่อใช้ในกระบวนการย่อยสลายสารอาหาร • ระบบขับถ่าย เป็นระบบกำจัดของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการออกนอกร่างกาย เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ยูเรีย แอมโมเนีย เป็นต้น

More Related