350 likes | 514 Vues
สิทธิพลเมือง และ อารยะขัดขืน Civil Rights and Civil Disobedience). การกระทำเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง. การประท้วงในสหรัฐ ฯ. อารยะขัดขืน. การปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามกฎหมายโดยมีเหตุผลว่าขัดต่อศีลธรรมในตัวของมันเองหรือไม่มีความยุติธรรม อารยะขัดขืนจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
E N D
สิทธิพลเมืองและอารยะขัดขืนCivil Rights and Civil Disobedience) การกระทำเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
อารยะขัดขืน • การปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามกฎหมายโดยมีเหตุผลว่าขัดต่อศีลธรรมในตัวของมันเองหรือไม่มีความยุติธรรม อารยะขัดขืนจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย • อารยะขัดขืนเป็นการเรียกร้องความยุติธรรม เพื่อให้มีการพิจารณาทบทวนหรือเปลี่ยนแปลงนโยบาย • มีเป้าหมายเพื่อให้สังคมได้ทราบประเด็นปัญหา และแสดงให้สังคมเห็นความอยุติธรรม อารยะขัดขืนต้องกระทำโดยเปิดเผยต่อสาธารณะ
การประท้วงในอียิปต์ (Egypt)
ที่มาของความคิด • เฮนรี เดวิด ธอโร (Henry David Thoreau) ชาวอเมริกัน • ถูกจับ และขังในปี ค.ศ.1840s เนื่องจากปฏิเสธที่จะเสียภาษีเพื่อนำไปทำสงครากับเม็กซิโกและการขยายระยะเวลาการมีทาสแต่เขายินดีเสียภาษีอื่น ๆ • เป็นผู้เรียกการต่อต้านรัฐบาลว่า “civil disobedience” เป็นครั้งแรกในบทความที่เขาเขียนต่อต้านระบบทาสโดยไม่ใช้ความรุนแรง
อารยะขัดขืนของธอโร (Thoreau) เหตุผลหลัก: • เราจำเป็นต้องต่อต้านกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เขาสนับสนุนให้ต่อต้านคัดค้านรัฐบาล “ข้าพเจ้าไม่ยินยอมกระทำในสิ่งผิดซึ่งข้าพเจ้าประณาม" • ช่องทางในการยกเลิกกฎหมายตามวิธีปกติไม่มีหรือใช้ระยะเวลานานเกินไป • อารยะขัดขืนจะมีประสิทธิภาพ ถ้าผู้ต้องการยกเลิกกฎหมายไม่สนับสนุนรัฐบาลซึ่งจะทำให้ระบบทาสยุติลงโดยการปฏิวัติแบบสันติวิธี.
อารยะขัดขืนของธอโร • ลงคะแนนเสียงของท่านทั้งหมดไม่ใช่เพียงบัตรลงคะแนน • ใช้อิทธิพลทั้งหมดที่มี • การใช้เสียงข้างน้อยย่อมไม่มีพลังเพียงพอ • ในขณะที่ใช้เสียงข้างมากต่อต้าน ย่อมเปรียบเสมือนกับการใช้น้ำหนักทั้งหมดเข้าไปขัดวงล้อ
ที่มาของความคิด • มะหาตะมะคานธี (Mohandas (Mahatma) Gandhi) • เป็นผู้นำอินเดียต่อสู้เรียกร้องเอกราชจากอังกฤษตั้งแต่ ค.ศ. 1915 จนสิ้นชีวิตในปี ค.ศ. 1948. • สนับสนุนการไม่ใช้ความรุนแรงในกรต่อสู้ เรียกว่าSatyagraha, หมายถึง “การยึดมั่นในสัจจะ” • การไม่ใช้ความรุนแรงเป็นหลักการมิใช่กลยุทธ์ • ความกล้าหาญระเบียบวินัยและความเข้มแข็ง เป็นส่วนสำคัญ • ยอมรับความเป็นเอกภาพของสรรพสิ่งที่มีชีวิตต่าง ๆ
สัตยาคฤห (Satyagraha) ของคานธี • มีลักษณะแตกต่างจากการต่อต้านอย่างสงบอันเป็นอาวุธของคนอ่อนแอมิได้อยู่ในระดับเดียวกับการมีระเบียบวินัยและความกล้าหาญที่จำเป็นสำหรับ Satyagraha ดังนั้นจึงอาจมีความรุนแรงเกิดขึ้นได้ การต่อต้านโดยสงบไม่จำเป็นต้องยึดติดกับความจริงทั้งหมด
สัตยาคฤหของคานธี • ถ้าการไม่ใช้ความรุนแรงเป็นองค์ประกอบสำคัญ ผู้ต่อต้านจะชนะได้อย่างไร เขาจะใช้พลังประเภทใดได้บ้าง
สัตยาคฤหของคานธี • คานธีเรียกว่า ”พลังแห่งความรัก” หรือ “พลังทางด้านจิตวิญญาณ” (อหิงสา)มีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวแต่อ่อนโยนและมีสัจจะในการติดต่อกับมิตรสหายและศัตรู เพื่อนบ้านและผู้ปกครอง • ไม่เพียงแต่เป็นอาวุธที่เลือกใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงเท่านั้นแต่เป็นทัศนคติที่ใช้ตลอดชีวิตของตน
สัตยาคฤหของคานธี • คานธีกล่าวแก่บุคคลอื่น ซึ่งเตือนให้เห็นถึงภัยคุกคามจากลัทธิอนาธิปไตยว่าอย่างไร
สัตยาคฤหของคานธี • อารยะขัดขืนเป็นสิทธิขั้นพ้นฐานของประชาชน และจะไม่เกิดลัทธิอนาธิปไตย ไม่เหมือนกับการประกอบอาชญากรรม (อาชญาขัดขืน)ซึ่งรัฐจะต้องปราบปรามโดยใช้กำลัง • สาวกของ Satyagraha “เคารพกฎหมายของบ้านเมืองด้วยสติปัญญา และเจตจำนงอิสระของตนเองเพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่จะต้องกระทำ เขาเป็นผู้ใช้วิจารณญาณของตนว่ากฎหมายไม่เป็นธรรมหรือเป็นธรรม และจะต่อต้านกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมในสถานการณ์ที่เหมาะสม
สัตยาคฤหของคานธี • ข้อแตกต่างระหว่างอาชญาขัดขืน และอารยะขัดขืน • อาชญาขัดขืนเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่กระทำอย่างลับ ๆ และผู้กระทำจะพยามหลีกเลี่ยงมิให้ถูกลงโทษ • อารยะขัดขืนเป็นผู้เคารพกฎหมายของสังคมมิใช่เพราะความกลัวแต่เป็นเพราะเห็นว่าเป็นผลดีต่อสวัสดิภาพของสังคม • ในกรณีที่เห็นว่ากฎหมายไม่เป็นธรรมจึงจำเป็นจะต้องฝ่าฝืนกฎหมายนั้นอย่างเปิดเผย อย่างผู้มีอารยะและยอมรับโทษทัณฑ์โดยสงบ
สัตยาคฤหของคานธี • หลักการของคานธีมีที่มาจากแหล่งต่าง ๆ รวมทั้งคำสอนของพระเยซู งานนิพนธ์ของ ธอโร ชาวอเมริกัน ลีโอ ตอลสตอย นักคิดและนักเขียนชาวรัสเซีย • เขาได้นำความคิดเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติเพื่อให้ได้ผลทั้งทางการเมืองและสังคม • นอกจากนี้เขายังมีอิทธิพลต่อความคิดของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร
การประท้วงโดยชอบด้วยกฎหมายกับอารยะขัดขืน • การประท้วงที่ผิดกฎหมายโดยไม่ใช้ความรุนแรงเท่านั้นจึงเป็นอารยะขัดขืน • การประท้วงหรือการกระทำที่ไม่ฝ่าฝืนกฎหมายไม่ใช่อารยะขัดขืน • ตัวอย่าง • การต่อต้านสินค้าต่างประเทศ • การต่อต้านมลพิษ • การต่อต้านสงคราม
การประท้วงโดยใช้ความรุนแรงกับอารยะขัดขืนการประท้วงโดยใช้ความรุนแรงกับอารยะขัดขืน • การประท้วงโดยไม่ใช้ความรุนแรงเท่านั้นจึงเป็นอารยะขัดขืน • การใช้ความรุนแรงไม่ใช่อารยะขัดขืน แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้กับความ อยุติธรรม หรือกฎหมายที่ขัดศีลธรรม
ความยุติธรรมและความรุนแรงความยุติธรรมและความรุนแรง • ฝ่ายปฏิบัติการบางคนอ้างเหตุผลว่าความไม่ยุติธรรมฝังรากลึกอยู่ในระบบเกินกว่าจะเยียวยาได้ จึงมีหนทางเดียวเท่านั้นที่ทำได้คือการรื้อทั้งระบบ • การใช้ความรุนแรงจึงเป็นอาวุธที่ใช้เป็นเครื่องมือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่อาวุธที่ดีที่สุดแต่ในบางครั้งอาจจำเป็นจุต้องใช้
ความยุติธรรมและความรุนแรงความยุติธรรมและความรุนแรง • แนวทางนี้เป็นความเห็นของ Malcolm X และผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองบางคนในสหรัฐฯ ที่สนับสนุนการปฏิวัติของคนผิวดำ (Black revolution) Malcolm X เป็นผู้นำชาตินิยมคนผิวดำในสหรัฐอเมริกา และเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมือง ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1950s และทศวรรษ 1960s.
สิทธิพลเมืองทั่วโลก (Civil Rights Globally) • การเลือกปฏิบัติที่แท้จริงและรับรู้กันเป็นส่วนใหญ่ของโลกเกี่ยวข้องกับ เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ สัญชาติ ศาสนาหรือเพศ • การมีอคติทางศาสนาต่อชาวยิวมีลักษณะรุนแรงถึงขนาดเรียกว่าการต่อต้านชาวยิว (anti-Semitism) • ประเทศที่มีประสบการณ์การก่อความไม่สงบ เพราะการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันของกลุ่มต่าง ๆ ได้แก่ Sudan, Nepal, Iraq, Ireland, Egypt, Israel, Indonesia
อารยะขัดขืน การปฏิวัติ การก่อการร้าย • บางครั้งประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอารยะขัดขืน (civil disobedience) มีลักษณะเป็นพวกปฏิวัติหรือผู้ก่อการร้าย • ลักษณะที่เหมือนกัน 1. ต้องการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อให้เป็นข่าวหรือเป็นประเด็น 2. ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง ข้อแตกต่างคืออะไร
การปฏิวัติ (Revolution) การปฏิวัติหมายถึงการเปลี่ยนแปลงถึงขั้นรากฐาน ไม่เพียงทางการเมือง แต่ทางสังคมและเศรษฐกิจด้วย อาจมีการใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายที่ตั้งทางทหาร และตำรวจ แต่ไม่ใช้กับพลเรือนผู้ทำการปฏิวัติใช้ความพยายามหลบหนีหรือมิให้ถูกจับกุม และไม่ยอมถูกลงโทษ
การก่อการร้าย (Terrorism) • การก่อการร้ายเป็นการใช้ความรุนแรงทางการเมืองเพื่อทำให้รัฐบาลที่ปกครองประเทศขาดเสถียรภาพ โดยทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวโดยใช้ความรุนแรงไม่เลือกหน้าและสถานที่ทำให้เกิดความกลัว ประชาชนทุกคนอาจถูกกระทำได้ตลอดเวลา • ผู้ก่อการร้ายจะปฏิบัติการอย่างลับ ๆและจะหลีกเลี่ยงจากการถูกจับกุม
การเปรียบเทียบ: ทางด้านเป้าหมาย ก่อการร้าย ปฏิวัติอารยะขัดขืน ------------------------------------------------------------------------------ ทำให้สังคมเกิดความ ล้มรัฐบาลเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่ ระส่ำระสาย ไม่เป็นธรรมหรือ ทำให้เกิดความกลัว บัญญัติกฎหมายใหม่ เพื่อผลทางการเมือง
การเปรียบเทียบ: ทางด้านวิธีการ ก่อการร้าย ปฏิวัติ อารยะขัดขืน ---------------------------------------------------------------------------------------------------- ประชาชน ตำรวจและทหารเป็นไม่เชื่อฟังกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เป็นเป้าหมายเป้าหมายเท่านั้นไม่ใช่กฎหมายทั้งหมด ความรุนแรงเป็นสิ่งจำเป็นใช้ความรุนแรงและต้องไม่ใช้ความรุนแรงไม่ใช้ความรุนแรง ปฏิบัติการลับปฏิบัติการลับปฏิบัติการเปิดเผย หลีกเลี่ยงการถูกลงโทษหลีกเลี่ยงการถูกจับยอมรับโทษ
การเปรียบเทียบ: ทัศนะในการรักษาสถานะเดิม ก่อการ้ายปฏิวัติ อารยะขัดขืน ------------------------------------------------------------------------------------- ชั่วร้ายล้มล้าง-ปราบปราม ไม่ยุติธรรม ต้องการทำลาย แทนที่ของเดิม เปลี่ยนใหม่
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรระหว่าง การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรระหว่าง 25 พ.ค.-9 ต.ค. 51