750 likes | 1.06k Vues
Information Technology for Organization Management. Text Book: “Information Technology for Management: Transforming organizations in the digital economy” By: Efraim Turban, Dorothy Leidner, Ephraim McLean, James Wetherbe 6 th Edition, Wiley. Chapter 1.
E N D
Information Technology for Organization Management • Text Book: • “Information Technology for Management: Transforming organizations in the digital economy” By: Efraim Turban, Dorothy Leidner, Ephraim McLean, James Wetherbe 6 th Edition, Wiley Chapter 1
Chapter 1 IT Support of Organizational Performance
Learning Objectives • อธิบายถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของ digital economy และ digital enterprises. • กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพ ความกดดันทางธุรกิจ การสนองตอบขององค์กรและระบบสารสนเทศ • ระบุถึงความกดดันหลักๆในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และ อธิบายถึงการสนองตอบต่อความกดดันข้างต้น • นิยาม computer-based information systems และ information technology. • อธิบายถึงขอบเขตของ information technology ในการสนับสนุน functional areas, public services และ specific industries • ทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการเรียนรู้เกี่ยวกับ information technology. Chapter 1
Chip War: Intel versus AMD • ปัญหา • Intel เป็นผู้ผลิตชิพ (Chip) รายใหญ่ มียอดขาย 38.8 B$ มีพนักงานประมาณ 10,000 คนและมีผลกำไร 8.7 B$ ในปี 05 • AMD คือผู้เข้ามาแย่งตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 05 มียอดขาย 5.8 B$ และผลกำไร 16.5 M$ • AMD ได้นำ Opteron Chip ออกสู่ตลาด ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาด ผลกำไร และ หุ้นของ Intel ลดลง (ดูรูปหน้าถัดไป) เพราะว่า Opteron Chip ของ AMD กินไฟน้อยกว่า ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ Pentium ของ Intel • ทั้งนี้เนื่องจากประมาณกลางปี 2004 ต้นทุนทางด้านพลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูกค้าของ Intel ทางด้าน high-end server business ไม่พึงพอใจกับค่าไฟที่ต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้น จึงได้หันไปใช้ Chip ของ AMD Chapter 1
ตัวอย่างเช่น VeriCenter ซึ่งทำธุรกิจในเชิงผู้ให้บริการภายนอก (Outsourcer) แก่ 500 บริษัทขนาดใหญ่ run server รวมกันกว่า 8,000 เซิร์ฟเวอร์ คิดเป็นค่าไฟรวมกัน 500,000 USD/year เมื่อเปลี่ยนมาใช้ของ AMD ผลปรากฏว่า ประหยัดค่าไฟไปได้กว่า 150,000 USD/year • Intel-AMD stock movement 2004-2006 Chapter 1
ทางแก้ • Intel เริ่มตระหนักว่า ภาพพจน์ที่ดีไม่พอเพียงที่จะดังลูกค้ากลับได้ ดังนั้นจึงลงมือออกแบบ Chip ใหม่ เพื่อให้กินไฟน้อยกว่าของ AMD และ มีประสิทธิภาพดีกว่า ชิพตัวแรกในกลุ่มนี้ออกมาประมาณ เมษา 2006 (ชื่อ Sossaman) • มันกินไฟแค่ 1 ใน 5 เมื่อเทียบกับ AMD ในราคาประมาณ 209$ ซึ่งเป็นราคาที่ลูกค้าคาดหวังว่า ถ้าราคาเท่านี้เขาจะเปลี่ยนจาก AMD กลับมาใช้ Intel อีกครั้ง • หลังจากนี้ Intel ได้เร่งออกแบบกลุ่มของ Chip (สนับสนุน)ใน Server ให้มีคุณสมบัติเช่นเดียวกัน (คือกินไฟน้อยลง) ในเวลาเดียวกัน Intel ได้ขยายกำลังการผลิต เพื่อทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง • ปัญหาของ Intel ตอนนี้คือเวลา (Time) อินเทลต้องขจัด Chip รุ่นเก่าออกไปจากสต็อก (เช่น ขายลดราคา เป็นต้น ถ้าขายไม่ได้ แล้วออกชิพรุ่นใหม่ ก็จะขายไม่ออก) ต้องเร่งรัดการออกแบบ เพราะค่าพลังงานสูงขึ้น คนก็เปลี่ยนไปใช้ AMD มากขึ้น Chapter 1
ผล • Intel ยังมีโอกาสที่จะดึงลูกค้าเดิมกลับคืนบางส่วนหรืออาจทั้งหมด หรือ ได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น แต่ความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มากมายจนยากที่จะประเมิน • AMD ยังคงพัฒนา chip ให้ดีขึ้นต่อไป และ ลูกค้าที่เปลี่ยนใจไปใช้ AMD แล้ว อาจจะไม่เปลี่ยนกลับมาใช้อินเทลอีก Chapter 1
Lesson learned • การแข่งขันทั่วโลกเป็นพลังขับดัน (ไม่เว้นแม้แต่บริษัทใหญ่) ให้หาทาง ลดต้นทุนการดำเนินการ เพิ่มประสิทธิผล และ ปรับปรุงการให้บริการ แก่ลูกค้าอันเป็นการเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน • ประสิทธิภาพขององค์กรนั้นไม่ได้ขึ้นกับประสิทธิภาพของการทำงานเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ (business environment) ด้วย • AMD มีความสามารถในการผลิตชิพที่ใช้พลังงานน้อยกว่าของอินเทล ค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานเป็นตัวเร่งให้ชิพของ AMD มีความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งก็คือแฟกเตอร์หนึ่งของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจนั่นเอง Chapter 1
การต่อต้านกับความกดดันอันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและความได้เปรียบในการแข่งขัน อินเทลใช้วิธีการแบบเดิม ๆ (เช่น การลดราคาเป็นต้น) ไม่พอเพียงอีกต่อไปแล้ว อินเทลต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ของเขาใหม่ • ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อินเทลต้องทำอย่างรวดเร็ว เพื่อลดเวลาออกสู่ตลาด (time-to-market)ให้สั้นลง ดังนั้น อินเทลจึงต้องหาinformation technology ต่าง ๆ เช่น IT-based collaboration tools เป็นต้น มาใช้เพื่อลดเวลาลง Chapter 1
1.1 Doing Business in the Digital Economy • การทำธุรกิจในยุค Digital Economyหมายถึงการใช้ Web-based systems บน Internet และ electronic networks ใด ๆ เพื่อทำธุรกรรมทางอิเลกทรอนิคส์รูปแบบใดแบบหนึ่ง • E-businessคือ การดำเนินฟังก์ชันทางธุรกิจโดยอาศัยสื่ออิเลคทรอนิคส์เป็นหลัก • E-commerceคือ การธุรกรรมทางธุรกิจโดยอาศัยสื่ออิเลคทรอนิคส์บนอินเตอร์เน็ตและ computing network อื่น ๆ • ดังนั้นจะเห็นว่า โครงสร้างพื้นฐานของ EC ก็คือ networked computingซึ่งเป็นตัวเชื่อมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นโครงข่ายการสื่อสาร (telecommunication network) ถ้าโครงข่ายการสื่อสารนั้นใช้อยู่ภายในองค์กร เรียกว่า Intranetถ้าโครงข่ายนั้น ๆ มีการเชื่อม Intranet (ของพันธมิตรทางธุรกิจ)เข้าด้วยกัน เรียกว่า Extranet ถ้าโครงข่ายนั้นเชื่อมต่อกันทั่วโลก เรียกว่า Internet Chapter 1
The Digital Enterprise • ได้มีการให้คำจำกัดความของ “Digital Enterprise (organization)”ไว้หลายแบบ เช่น Davis (2005) เชื่อว่า Digital Enterprise คือ โมเดลธุรกิจแบบใหม่ที่ใช้ IT ในแนวทางพื้นฐานเพื่อก่อให้เกิดหนึ่งหรือมากกว่าในสามวัตถุประสงค์ คือ ก) เข้าถึง (reach) และประสาน (engage) กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ข) เพิ่มผลิตผลให้แก่พนักงาน ค) เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน นั่นหมายความว่า Digital Enterprise ได้นำเทคโนโลยีการสื่อสารและการคำนวณที่มีอยู่มาใช้ปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ • Digital Enterprise เปลี่ยนมุมมองจากการบริหารจัดการอุปกรณ์ของ IT เฉพาะอย่าง เช่น อุปกรณ์ต่าง ๆ โปรแกรมประยุกต์ กลุ่มข้อมูล เป็นต้น มาเป็นการบริหารแบบองค์รวมของการให้บริการและworkflowที่ใช้กำหนดธุรกิจและจัดส่งคุณค่า (value) ระดับยอดไปให้ลูกค้าและผู้ใช้ปลายทาง (end users) Chapter 1
ดังนั้น Digital Enterprise จึงใช้โครงข่ายของคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมต่อทางไฟฟ้าระหว่าง: • ส่วนภายในของ enterprise ทั้งหมด ผ่านทาง intranet • หุ้นส่วนทางธุรกิจของ enterprise ทั้งหมด ผ่านทาง internet หรือ extranet หรือ value-added private communication lines • ตัวอย่างเป็นดังรูปในหน้าถัดไป Chapter 1
Digital networked enterprise A network is designed to serve the informational needs of a company, using Internet concepts and tools.
What is the Digital Economy ? • Digital economyหมายถึง economy ที่มีพื้นฐานอยู่บน digital technology ทั้งนี้รวมถึง digital communication networks (Internet, Intranet และ Private value-added network หรือ VAN) computer software และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Information technology • Digital economy บางทีเรียกว่า Internet economy, New economy หรือ Web economy • คุณลักษณะหลัก ๆ ของ IT ในยุค Digital Economy จะเป็นดังตารางที่ 1.1 • Digital economy เปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ผู้ประกอบการในรูปแบบของ EC ตัวอย่างเช่น Don Kogen กับเวบ Thaigem.com (อ่านเพิ่มเติมใน IT at Work1.1 หน้า 6) Chapter 1
Electronic Commerce and Networked Computing • E-commerce(EC) คือ การธุรกรรมทางธุรกิจโดยอาศัยสื่ออิเลคทรอนิคส์บนอินเตอร์เน็ตและ computing network อื่น ๆ • โครงสร้างพื้นฐานของ digital organization และ EC ก็คือ networked computingซึ่งเป็นตัวเชื่อมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นโครงข่ายการสื่อสาร (telecommunication network) ถ้าโครงข่ายการสื่อสารนั้นใช้อยู่ภายในองค์กร เรียกว่า Intranet ถ้าโครงข่ายนั้น ๆ มีการเชื่อม Intranet (ของพันธมิตรทางธุรกิจ)เข้าด้วยกัน เรียกว่า Extranet ถ้าโครงข่ายนั้นเชื่อมต่อกันทั่วโลก เรียกว่า Internet • Major Capabilities of Computerized Information System เป็นดังต่อไปนี้ Chapter 1
Major Capabilities of Information Systems (1) • จัดการด้านการคำนวณเชิงตัวเลขที่มีขนาดใหญ่และความเร็วสูง • จัดให้มีการสื่อสารที่มีราคาไม่แพง แม่นยำ และ รวดเร็ว ให้มีใช้ภายใน/ระหว่างองค์กร • ทำการเก็บสารสนเทศขนาดใหญ่ที่ง่ายต่อการเข้าถึงและใช้เนื้อที่น้อย • ยอมให้มีการเข้าถึงสารสนเทศจำนวนมากจากทั่วโลกอย่างรวดเร็วและราคาไม่แพง • ยอมให้มีการสื่อสารและการทำงานร่วมกันจากทุกๆที่ ทุกเวลา • เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานเป็นกลุ่ม ที่สถานที่แห่งหนึ่ง หรือ สถานที่ที่แตกต่างกัน • การนำเสนอสารสนเทศเป็นไปอย่างชัดเจน อันเป็นการท้าทายจิตวิญญาณของมนุษย์ • ช่วยงานในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย Chapter 1
Major Capabilities of Information Systems (2) • ทำให้เป็นอัตโนมัติทั้งกระบวนการทางธุรกิจทั้งที่เป็นแบบกึ่งอัตโนมัติและงานที่ยังคงใช้มือทำ (manual) • ช่วยแปลความหมาย (interpretation)จากข้อมูลจำนวนมหาศาล • ช่วยด้านกิจการการค้าทั่วโลก (global trade) • สามารถดำเนินงานแบบไร้สาย (wireless) เพื่อสนับสนุนการประยุกต์ใช้งานในรูปแบบเฉพาะ • การดำเนินงานที่กล่าวมาข้างต้น ต้อง(มีราคา)ถูกกว่าการทำด้วยมือ Chapter 1
นั่นหมายความว่า IT ช่วยสนับสนุนธุรกิจใน 5 ด้าน • ด้วยความสามารถข้างต้น ก่อให้เกิดการสนับสนุนวัตถุประสงค์ทางธุรกิจใน 5 ด้าน คือ • 1) ปรับปรุงผลิตผล (improving productivity) • 2) ลดต้นทุน (reducing cost) • 3) ปรับปรุงการตัดสินใจ (decision Making) • 4) เพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้า (enhancing customer relationship) • 5) พัฒนาการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ใหม่ ๆ Chapter 1
The New vs. the Old: Examples • 1) Buying or Renting a Movie Online • 2) Paying for goods: The checkout experience • 3) The power of E-Commerce Chapter 1
The Old Economy – Taking Photo’s • ซื้อฟิล์มจากร้าน • ใส่ฟิล์มเข้ากล้องถ่ายรูป • ถ่ายรูป • ส่งฟิล์มเข้าร้านเพื่อล้างรูป • รับฟิล์มกลับ • เลือกรูปที่ต้องการเพื่ออัด/ขยาย • ส่งไปให้ครอบครัว/เพื่อน Chapter 1
The New Economy – Taking Photo’s • 1st Generation Digital Photography • ทำแบบเดิม ยกเว้นข้อ 6 และ 7 ทำโดยการใช้ scanner แล้วส่งโดย email • 2nd Generation Digital Photography • ใช้กล้องดิจิตอล (ไม่ต้องใช้ฟิล์ม, ไม่ต้องล้าง/อัด/ขยาย) • 3rd Generation Digital Photography • กล้องดิจิตอลอยู่ในโทรศัพท์มือถือหรือ palmtop computer. Chapter 1
Business Models in the Digital Economy • รูปแบบทางธุรกิจ (business model)คือ วิธีการทำธุรกิจเพื่อให้เกิดรายได้เข้ามาเพื่อทำให้บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปได้ • รูปแบบข้างต้นแสดงให้เห็นว่า บริษัทใส่มูลค่าเพิ่มลงไปอย่างไรในการสร้างสินค้าหรือผลิตภัณฑ์หนึ่งขึ้นมา (มองในเชิง ห่วงโซ่แห่งคุณค่า หรือ Value Chain) • Nokia makes and sells cell phones • A TV station provides free broadcasting. Its survival depends on a complex model involving advertisers and content providers. • Internet portals, such as Yahoo, also use a complex business model. Chapter 1
Four Representative Business Models of the Digital Age(A Closer Look 1.1, page 10) • McKay and Marshall (2004) กล่าวว่า business model ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบคือ • 1) รายละเอียดทั้งหมดของผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ ของธุรกิจที่นำเสนอ • 2) รายละเอียดของกระบวนการทางธุรกิจ (business process)ที่ใช้ในการสร้างและจัดส่งผลิตภัณฑ์หรือบริการ • 3) รายละเอียดของลูกค้าต่างๆและความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับลูกค้า รวมถึงคุณค่าอะไรจากบริษัทที่ลูกค้าต้องการ (มองในมุมมองของลูกค้า) • 4) รายละเอียดของทรัพยากรที่ต้องการและการบ่งชี้ว่าสิ่งใดมีแล้ว สิ่งใดต้องพัฒนาขึ้นมาภายในบริษัทและสิ่งใดต้องจัดหามาจากภายนอก • 5) รายละเอียดของโซ่อุปทานขององค์กร รวมถึง Suppliersและพันธมิตรทางธุรกิจ • 6) รายละเอียดของผลประกอบการที่คาดหวัง ต้นทุน แหล่งทุน และผลกำไรที่คาดหวัง Chapter 1
Four popular e-commerce models • 1) Tendering (bidding) via Reverse Auctions • โดยอาศัยการเสนอราคา (request for quote, RFQ)ผู้ซื้อจะแสดงให้ทราบว่าต้องการ ประกวดราคาเพื่อซื้อในสิ่งที่เขาต้องการ ผู้ขายจะเข้าไปเป็นผู้เสนอราคา เพื่อที่จะ ขายของข้างต้นแข่งกัน • (ที่ใช้คำว่า Reverse Auction หมายถึง กลับกับแบบเดิม ๆ กล่าวคือ ในอดีตผู้ขายจะ ขายของให้กับผู้ซื้อที่ซื้อในราคาสูงสุด (เหมือนการประ มูลในปัจจุบันนี้) แต่กระ บวนการ Reverse Auction นั้น ฝ่ายผู้ซื้อจะประกาศบน Web ว่า จะซื้อของสิ่งนี้ จำนวนหนึ่ง ผู้ขายหลาย ๆ รายจะเข้าไปเสนอขายใน Web ข้างต้น รายใดเสนอขาย ราคาต่ำสุด เราจะซื้อจากรายนั้น Chapter 1
Four popular e-commerce models (Cont….) • 2) Affiliate Marketing • พันธมิตรทางการตลาดวาง a banner ad ของเขาเอาไว้ Web ของเรา ถ้าลูกค้า Click ไปซื้อของของเขาผ่านทาง Web เรา เขาจะจ่ายค่า commission ให้เรา • 3) Group Purchasing • ผู้ซื้อสินค้าชนิดเดียวกันรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างอำนาจการต่อรองทางด้านราคา เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลง • 4) E-Marketplace and Exchanges • คือตลาดที่ผู้ซื้อและผู้ขายพบปะตกลงราคากันแบบ online (ถ้า E-marketplace นั้น ๆ มีสินค้าครบวงจรก็เรียกว่า Vertical e-marketplace) Chapter 1
สรุปง่าย ๆ ….Digital Age Business Models • Four representative business models of the Digital Age • 1) Tendering vs. Reverse Auctions ((เรา)เสนอซื้อ vs. (เขา)เข้ามาเสนอขายแข่งกัน) • 2) Affiliate Marketing (ทำการตลาดร่วมกัน เช่น วาง banner บน Web) • 3) Group Purchasing (buying groups หรือ รวมกันซื้อ) • 4) E-Marketplaces and Exchanges (เป็นตลาดกลาง Online สำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย) • หมายเหตุ ในหนังสือหน้า 10 จะมีรายละเอียดมากกว่านี้ ลองอ่านเพิ่มเติมได้ Chapter 1
1.2 Business Pressures, Organizational Responses, and IT Support • The Business Environment And Its Impact • องค์กรส่วนมากทำการวัดประสิทธิภาพเป็นระยะ โดยเปรียบเทียบกับตัววัดที่กำหนดขึ้นมาและพันธกิจ เป้าประสงค์และแผนต่าง ๆ ขององค์กร บางครั้งประสิทธิภาพไม่ได้ขึ้นกับสิ่งที่ท่านทำเท่านั้น มันยังขึ้นกับการกระทำที่มาจากส่วนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งเรียกว่า Business Environmentสภาพแวดล้อมข้างต้นอาจกระทบต่อประสิทธิภาพขององค์กรมากมายและควบคุมไม่ได้ นอกจากนั้นยังทำนายได้ยาก • Business Critical Response Activities • ทำให้บริษัทต้องตอบสนองบ่อยขึ้นและรวดเร็วขึ้นทั้งทางด้านอุปสรรค (threats) และโอกาส (opportunities) อันเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น • การสนองตอบมีทั้งแรงกดดันที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน แรงกดดันที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อใช้ต่อต้านแรงกดดันในอนาคต หรือ การดำเนินงานเพื่อรองรับโอกาสที่เกิดจากข้อกำหนดเดิมเปลี่ยนแปลงไป Chapter 1
The Business Environment Impact Model EC and Chapter 1
Business Environmental Pressures Chapter 1
The Three Types of Business Pressure(Online File W1.4) (1) แรงกดดันทางด้านการตลาด (Market Pressure): • สภาพเศรษฐกิจโดยรวม (global economy) และ คู่แข่งที่แข็งแกร่ง (strong competition) การสื่อสารที่เร็วขึ้น ทำให้เกิด global economy เช่น เขตการค้า เสรี นอกจากนั้นการรวมกันของสหภาพยุโรปทำให้เกิดคู่แข่งที่แข็งแกร่งมาก ขึ้น ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่เป็นพลังกดดันคือค่าจ้างแรงงานที่ต่างกัน ทำให้ เกิดการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่ถูกกว่า IT จึงเข้ามามีบทบาท เป็นอย่างมาก • การเปลี่ยนแปลงออกไปจากสภาวะปกติของแรงงาน เช่น พนักงานสามารถทำ งานได้จากบ้านโดยอาศัยเครือข่ายความเร็วสูง Chapter 1
The Three Types of Business Pressure(2) • ความต้องการการทำงานแบบ Real Time โลกหมุนเร็วขึ้นเรื่อย ๆการตัดสินใจต้องรวดเร็ว ดังนั้น ความเร็วยังคงเป็นข้อได้เปรียบ • ลูกค้าที่ฉลาดมากขึ้นเขาสามารถหารายละเอียดของสินค้าจากอินเตอร์เน็ต ทำการเปรียบเทียบราคา จัดซื้อโดยการประมูล เป็นต้น ทำให้เรามีแรงกดดัน ในการรักษาลูกค้าเอาไว้ให้ได้ (CRM) Chapter 1
The Three Types of Business Pressure(3) แรงกดดันจากเทคโนโลยี (Technology Pressures) • เทคโนโลยีใหม่ ๆ และ เทคโนโลยีที่ล้าสมัยสามารถกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีใน ปัจจุบันพัฒนาออกมาเร็วมา ทำให้เทคโนโลยีที่เรามีอยู่ล้าสมัยเร็วกว่าอายุการใช้งานจริง • การท่วมล้นของสารสนเทศ (Information Overload) หมายถึง สารสนเทศหลั่งไหลเข้ามามากมายจนกระทั่งการคัดแยกทำได้ยาก Chapter 1
The Three Types of Business Pressure(4) แรงกดดันทางสังคม (Societal Pressure) • การตอบสนองทางสังคม (Social responsibility) คนในองค์การหนึ่ง ๆ จะมีพื้น ฐานการศึกษาแตกต่างกัน ปัญหาที่ตามมาก็คือ เกิดการแบ่งแยกในเชิงการเข้า ถึงข้อมูลและการสื่อสาร (เมื่อมองในแง่เทคโนโลยี) • การออกกฎหมายและการยกเลิกของรัฐ เกี่ยวกับ ชีวะอนามัยและความ ปลอด ภัยในการทำงาน การความคุมสภาพแวดล้อม และ การมีโอกาสทัดเทียมกัน • การป้องกันการโจมตีจากการก่อการร้าย ทั้งนี้รวมทั้งที่การโจมตี เกิดจากมนุษย์ และ การโจมตีในโลกไซเบอร์ • สิ่งที่เกี่ยวข้องกับจรรยาบรรณ (Ethical Issues) ความถูก/ผิดในการใช้สารสน เทศ • อ่านเพิ่มเติมใน A Close Look 1.2 “Complying with SOX-A Major Challenge for Corporations” Chapter 1
Organization Responses (Online file W1.5) (1) • การตอบสนองขององค์การสามารถแบ่งได้เป็น 7 แบบ คือ • 1) Strategic Management and System • เพื่อให้เกิดการได้เปรียบทางในการแข่งขันทางด้าน ส่วนแบ่งการตลาด การทำกำไร การต่อรองราคากับผู้ขาย การกกีดกันคู่แข่ง • 2) Customer Focus • ให้การบริการต่อลูกค้าอย่างดียิ่ง เพื่อเป็นการรักษาลูกค้าเอาไว้ • 3) Continuous Improvement • ทำการพัฒนาปรับปรุงผลิตผลและคุณภาพอย่างต่อเนื่อง (โดยใช้ IT เข้าช่วย) เช่น ทำ TQM, JITเป็นต้น Chapter 1
Organization Responses (2) • 4) Restructuring Business Process • ทำการปรับรื้อกระบวนการธุรกิจใหม่ (Business Process Reengineering, BPR) • 5) Make-To-Order and Mass Customization • Build- to- order: The strategy of producing customized products and services. • Mass customization: Production process in which items are produced in a large quantity but are customized to fit the desires of each customers. • 6) Business Alliance • Virtual corporation: ธุรกิจหนึ่ง ๆ ที่ผลิตสินค้าหรือบริการ มีการดำเนินงานผ่าน ทางเครือข่ายสื่อสาร ไม่มีที่ตั้ง HQ ที่ถาวร • 7) Electronic Business and E-Commerce Chapter 1
Organization Responses (3) Chapter 1
Control Process Input Feedback Output 1.3) Information Systems and Information Technology • Information System (IS)คือ การรวบรวม, ประมวล, เก็บ, วิเคราะห์และเผยแพร่สารสนเทศให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ • information system ประกอบด้วยinputs(data, instructions) และoutputs (reports, calculations) IS จะprocessesอินพุตต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยี เช่น PCs เพื่อสร้างเอาท์พุตต่างๆออกมา แล้วส่งให้ผู้ใช้หรือระบบที่เกี่ยวข้องผ่านทาง electronic networks และมีกลไกfeedbackเพื่อcontrolsการดำเนินงาน Chapter 1
Information System is a system Chapter 1
What is a Computer-based Information System? • Computer-based Information System (CBIS) คือ ระบบสารสนเทศแบบหนึ่งที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อจัดการงานที่ต้องการบางส่วนหรือทั้งหมด องค์ประกอบของระบบจะประกอบด้วย Chapter 1
Application Hardware Software Data People Applications and Operations • Retail operations • Wholesale • Manufacturing • Human Resources • Marketing • Content management • … Chapter 1
Information Systems • Functional Perspective • Sales • Contact customers • Sell the product • Take the order • Follow-up on the sale • 5 year sales forecast • Functional Perspective Marketing • Identify customers • Determine what they want • Planning products • Advertising and promoting products • Determine prices for products Chapter 1
Information Systems • Functional Perspective • Purchasing • Which vendors • Quantity to purchase • Coop, rebate tracking • Handle delivery discrepancies • Generate the purchase order • Functional Perspective Manufacturing • Control Equipment and machinery • Design new products • When and quantity of products to produce • New production facilities • Generate the work order Chapter 1
Information Systems • Functional Perspective • Accounting • Accounts Receivable(รับ) • Disbursements (จ่าย) • Payroll (เงินเดือน) • Depreciation (ค่าเสื่อมราคา) • Earned Coop and Rebates • Functional Perspective Finance • Financial Assets • Investment management • Banking • Long term budgets Chapter 1
Information Systems • Functional Perspective Human Resources • Employee wages, salaries & benefits • Long term labor requirements • Tracking vacation, sick, • Track employee skills • Interview and review employees Chapter 1
The Difference Between Computers and Information Systems • คอมพิวเตอร์มีวิธีการในการประมวลข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และมันจะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของระบบสารสนเทศ • สำหรับระบบสารสนเทศนั้น มันเป็นอะไรที่มากว่าระบบคอมพิวเตอร์ การประสบผลสำเร็จในการประยุกต์ใช้ IS จำเป็นต้องเข้าใจธุรกิจ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ต้องได้รับการสนับสนุนโดย IS • ดังนั้น เราจะเห็นว่า IS มักจะมองในเชิง Function อันเป็นผลลัพธ์ของโปรแกรมประยุกต์มากกว่า และฟังก์ชันนั้น ๆ จะต้องสอดรับกับธุรกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่นำโปรแกรมประยุกต์มาใช้งาน Chapter 1
What is Information Technology ? • นิยามกว้าง ๆ“Information Technology (IT) คือ การรวมกันของระบบคำนวณต่าง ๆ ที่ใช้ในองค์กร” • นิยามให้แคบลง“Information Technology (IT) คือ ด้านเทคโนโลยี (technological side) ของระบบสารสนเทศ (IS)” ซึ่งประกอบด้วย ฮาร์ตแวร์ ซอฟต์แวร์ ฐานข้อมูล โครงข่าย อุปกรณ์ทางอิเลคทรอนิคส์ต่าง ๆ • บางครั้งจะใช้ IT สลับกับ IS Chapter 1
1.4 The Adaptive, Agile, Real-Time Enterprise • เพื่อที่จะอยู่รอดหรือประสบความสำเร็จท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม องค์กรต้องเปลี่ยนเป็นแบบ ปรับตัวเอง (Adaptive) หรือ มีความคล่องตัว (Agile) โดยทำตามกระบวนการต่อไปนี้: • 1) ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและขององค์กรให้เร็วที่สุดเมื่อมันเกิดขึ้น หรือ ก่อนเกิดขึ้น • 2) เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงถูกต้องและเหมาะสม • 3) ปรับเปลี่ยนตัวเองเป็น digital และ Agile Enterprise • 4) อย่ารอให้คู่แข่งทำการเปลี่ยนแปลงก่อนท่าน • 5) เปลี่ยนระบบ IS อย่างรวดเร็ว • 6) ติดตามผลการดำเนินงานตามตารางที่ 1.3 ตามความจำเป็น Chapter 1
The HP Model of Building Adaptive Enterprise • 1) IT คือ ผู้ช่วยของ Adaptive Enterprise • 2) ทำการวัดการสนองตอบของ IT ต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมและธุรกิจทำได้ดีเพียงใด • 3) ระบบสนับสนุนของ IT ควรทำให้ง่าย เพื่อใช้ต้นทุนในการ adapt, use, connect, manage และ modify ได้ง่าย • 4) จัดทำให้เป็นมาตรฐานในเรื่องการสนับสนุนของ IT • 5) จัดทำระบบให้เป็นโมดูล จะทำให้เปลี่ยนแปลงได้ง่าย และไม่แพง • 6) การรวมส่วนต่าง ๆ ของ IT เข้าด้วยกัน จะต้องง่าย รวดเร็ว และไม่แพง • 7) มีการร่วมมือกันระหว่างพนักงานและพันธมิตรธุรกิจ • 8) ปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจด้วยแนวทางที่ถูกต้อง Chapter 1