280 likes | 387 Vues
มุมมองใหม่การป้องกันและแก้ไขปัญหา เอดส์ในสถานศึกษา. โดย ดร.จรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในการสัมมนาระดับชาติเรื่องโรคเอดส์ครั้งที่11 จัดโดยคณะกรรมการเอดส์แห่งชาติ วันที่ 5 กรกฎาคม 2550 เวลา 13.00 -15.00น อาคารอิมแพคคอนเวนชัน เมืองทองธานี www.charuaypontorranin.com.
E N D
มุมมองใหม่การป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ในสถานศึกษามุมมองใหม่การป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ในสถานศึกษา โดย ดร.จรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในการสัมมนาระดับชาติเรื่องโรคเอดส์ครั้งที่11 จัดโดยคณะกรรมการเอดส์แห่งชาติ วันที่ 5 กรกฎาคม 2550 เวลา 13.00 -15.00น อาคารอิมแพคคอนเวนชัน เมืองทองธานี www.charuaypontorranin.com
ปรับมุมมองแก้ปัญหาเยาวชนปรับมุมมองแก้ปัญหาเยาวชน • 1.ค้นหากลุ่มเยาวชนเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเสี่ยง • 2.สร้างเสริมความเข้มแข็งให้สถานศึกษา • 3.แก้ปัญหาองค์รวมเชิงระบบและใช้เครือข่าย • 4.ค้นหาต้นแบบความสำเร็จเพื่อขยายผล • 5.ให้เยาวชนมีส่วนร่วมแก้ปัญหาด้วยตนเอง • 6.ข้อเสนอที่ชวนให้ช่วยกันพิจารณา
ค้นหาเด็กเยาวชนกลุ่มเสี่ยงค้นหาเด็กเยาวชนกลุ่มเสี่ยง • (1) กลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 8 ปี จำนวน 6.4 ล้านคน เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเสี่ยงน้อยมาก • ควรปูทักษะชีวิตและสุขภาพพื้นฐาน • (2) กลุ่มอายุ 8-12 ปี จำนวน 4.7 ล้านคน เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเสี่ยงน้อยแต่เป็นกลุ่มจะเข้าไปสู่ก่อนวัยเสี่ยง เพราะกำลังเป็นวัยเริ่มเรียนรู้และส่วนใหญ่กำลังเรียนในสถานศึกษา • ควรเน้นให้คิดวิเคราะห์และนิสัยรักอ่าน
ค้นหาเด็กเยาวชนกลุ่มเสี่ยงค้นหาเด็กเยาวชนกลุ่มเสี่ยง (3) กลุ่มอายุ 13-18 ปี จำนวน 5.6 ล้านคน • กำลังเรียนในระบบ4.2 ล้านคน และอยู่ นอกสถานศึกษา 1.4 ล้านคน • เยาวชนกลุ่มนี้เป็นวัยเสี่ยงต่อพฤติกรรมเสี่ยง ทุกประเภท ซึ่งคาดคะเนว่าจะมี560,000คน จากจำนวน 5.6 ล้านคน • เน้นฝึกทักษะสังคม คุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจพอเพียง
ค้นหาเด็กเยาวชนกลุ่มเสี่ยง 560,000 คน 1. กลุ่มสังคมเพื่อนเกี่ยวข้องยาเสพติดและอบายมุข 2. กลุ่มดื่มสุรา/เสพบุหรี่เป็นประจำ 3. กลุ่มครอบครัวติดยา/ค้ายาเสพติด 4. กลุ่มครอบครัวว่างงาน/ฐานะเศรษฐกิจตกต่ำ/กลุ่มเด็กเร่ร่อน 5. กลุ่มเล่นการพนัน/ติดพนันบอล 6. กลุ่มที่มีความเครียด/มีปัญหาในครอบครัว 7. กลุ่มแก๊งค์มอเตอร์ไซซิ่ง/มั่วสุม/ชอบทะเลาะวิวาท 8. กลุ่มฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย/ชอบเที่ยวเตร่ยามวิกาล/ติดเกมอินเตอร์เน็ต
มุมมองต่อการสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพนักเรียน1.สภาพการจัดการศึกษาที่กระทบต่อพฤติกรรม/สุขภาพนักเรียนมุมมองต่อการสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพนักเรียน1.สภาพการจัดการศึกษาที่กระทบต่อพฤติกรรม/สุขภาพนักเรียน จุดแข็ง จุดอ่อน 1.มีหลักสูตรและการสอนสุขศึกษา1. ได้รับความสำคัญต่ำ งบน้อย 2.มีการจัดวาระสุขภาพเป็นวาระชาติ2.ครูวุฒิสุขภาพมีจำกัด ครูเองสุขภาพไม่ดี 3.ครอบครัวและชุมชนไม่ค่อยสนใจให้ ความร่วมมือ โอกาส ภัยคุกคาม 1.มีเครือข่ายองค์กรสุขภาพที่เข้มแข็ง 1. เกิดโรคใหม่ๆเช่นไข้หวัดนก ซาร์ 2.มีความช่วยเหลือจากต่างประเทศ 2. มีภาวะเสี่ยงจากสังคมรูปแบบใหม่ เช่นเว็บไซต์ลามกเครดิตการ์ด 9
มุมมองต่อการสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพนักเรียนมุมมองต่อการสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพนักเรียน 2. ครูส่วนใหญ่มีทักษะการสอน รู้วิธีสอน แต่มักสอนสุขภาพภาคทฤษฎี • การเรียนการสอนทักษะชีวิต**เป็นนวัตกรรมที่ดีที่สุด แต่ใช้มานานกว่า10ปีแล้ว • ครูอยากได้วิธีปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนจะมีอะไรใหม่ๆอีกหรือไม่ • ครูเองก็มีสุขภาพไม่ดี ควรได้รับการดูแลจากผู้บริหารด้วย 10
มุมมองต่อการสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพนักเรียนมุมมองต่อการสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพนักเรียน 3.นโยบายสุขภาพของกระทรวงศึกษาจะต้องมาจากนโยบายของรัฐมนตรีและรัฐบาล - แต่ต้องขับเคลื่อนให้เป็นวาระชาติจึงจะได้รับ ความสนใจและเงินอุดหนุนจากรัฐ 4.ข้อเสนอแนะด้านพฤติกรรมและสุขภาพจากรัฐบาลและกระทรวงเป็นนโยบายดี -แต่พื้นที่ห่างไกลและโรงเรียนขนาดเล็กเอื้อมไม่ถึงน่าจะต้องใช้การจัดการองค์ความรู้กระจายความรู้ไปให้ถึง 12
มุมมองต่อการสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพนักเรียนมุมมองต่อการสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพนักเรียน 5.การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานหลักการศึกษา และสาธารณสุข ต้องการทีมทำงานมืออาชีพ • ปัญหาคือจะหาทีมดีๆทำงานเก่งๆทั้งสองฝ่ายได้จากที่ไหน 6.การสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากชุมชนขึ้นกับฝีมือของผู้บริหารสถานศึกษาและทีมงาน • จำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรให้ทำงานได้ • ผู้บริหารต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงและมีทักษะ มนุษยสัมพันธ์ 14
ข้อเสนอแก้ปัญหาเยาวชนจากศธ.ข้อเสนอแก้ปัญหาเยาวชนจากศธ. 1.แก้ไขปัญหาพฤติกรรมเยาวชนทั้งระบบ/องค์ประกอบทุกมิติ ก.ใช้ทุกระบบ -ระบบใช้โรงเรียนเป็นฐานของการพัฒนา( Whole School Approach or School Based Management) -ระบบใช้โรงเรียนช่วยสร้างความเข้มแข็งของชุมชน( School as Central for Community Development Approach) -ระบบสร้างเครือข่ายทันสมัยกระจายความรู้ ( Virtual Networking through ICT ) ข.ใช้ทุกมิติ: ตามภาระหน้าที่/ประเด็นปัญหา/พื้นที่ (Functional/Issue/Area Approaches)
ข้อเสนอแก้ปัญหาเยาวชนจากศธ.ข้อเสนอแก้ปัญหาเยาวชนจากศธ. (2) สร้างเยาวชนแกนนำช่วยเพื่อนในสถานศึกษาให้ได้จำนวน177,000 คน (3) มีมาตรการเฝ้าระวังเยาวชนจำนวน 560,000คนซึ่งเป็นกลุ่มกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายสำคัญ (4) จัดระเบียบสังคมในเขตเมืองทุกจังหวัดโดยเฉพาะการดูแลหอพัก ปัญหาเหล้าบุหรี่การพนัน สถานบริการและ การสร้างงานให้หารายได้ระหว่างเรียน (5) สร้างความเข้มแข็งให้กับสถานศึกษาในพื้นที่เสี่ยง (6) สถานศึกษาต้องจัดทำฐานข้อมูลสถานการณ์ พื้นที่เป้าหมายยุทธศาสตร์ แผนงาน และการติดตามประเมินผลโดยทำงานร่วมกับส่วนราชการอื่น และเครือข่ายผู้ปกครองและชุมชน
ปัจจัยความสำเร็จงานสุขภาพและพฤติกรรมนักเรียนปัจจัยความสำเร็จงานสุขภาพและพฤติกรรมนักเรียน 1. มีวิสัยทัศน์และแนวทางดำเนินโครงการที่ชัดเจน 2. มีการสนับสนุนในทำงานระดับชาติและนานาชาติ 3. มีแผนงานและกระบวนการทำงาน 4. การสนับสนุนจากครูใหญ่ จัดสรรทรัพยากรและให้คำปรึกษาเป็นระยะ 5. ทุกคนมีส่วนร่วมรู้สึกเป็นเจ้าของ 6. ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน 7. .มีทีมงานดี ฝึกอบรมทีมและทีมทำงานอย่างอุทิศเวลา
ข้อเสนอจากองค์การอนามัยโลกข้อเสนอจากองค์การอนามัยโลก • 1.รัฐบาลควรส่งเสริมการลงทุนด้านการศึกษาเพื่อให้เด็กทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเฉพาะเด็กหญิง • 2.สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในโรงเรียนเพื่อเป็นการส่งเสริมคุณภาพการศึกษา • 3.พัฒนาศักยภาพครูที่มีบทบาทส่งเสริมสุขภาพในโรงเรียน • 4.แลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกันเพื่อให้เกิดโครงการที่ดีและเหมาะสมกับสภาพของแต่ละแห่ง • 5.พัฒนาเครือข่ายหุ้นส่วนทำงานอย่างยั่งยืน โดยการสร้างชุมชนผู้ปฏิบัติเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน
โรงเรียนเกษมสีมาวิทยาคาร สพท.2 อุบลราชธานีต้นแบบสอนเพศศึกษา ทุกห้องจะได้เรียนเพศศึกษาในชั่วโมงแนะแนว ๑๘ ชั่วโมงต่อภาค โดยอาจมีกิจกรรมอื่นมาแทรกบ้าง ซึ่งถือเป็นภาวะปกติ แต่อย่างน้อยต้องได้เรียนภาคละ ๑๔-๑๕ ชั่วโมง
เกษมสีมาวิทยาคาร เรียนอย่างเป็นระบบ ดีกว่าให้นักเรียนไปหารู้เอง จัดให้เรียนพร้อมกันในเวลาเดียวกันทุกห้อง นักเรียนทุกระดับ ม.๑-ม.๖ ทั้ง ๑๙ ห้อง จำนวน ๔๖๓ คน จะได้เรียนพร้อมกันสัปดาห์ละ ๑ คาบเรียน • โดยครูทั้งโรงเรียน ๒๗ คน ได้รับการสนับสนุนหรือถ่ายทอดวิธีการจัดการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาจากครูที่อบรมกับก้าวย่างอย่างเข้าใจขององค์กรPATHฯ ซึ่งการวางแผนแบบนี้ต้องใช้แผนกิจกรรมจำนวนมาก • ทีมทำงานใช้วิธีแตกกิจกรรมเพศศึกษาของหลักสูตรก้าวย่างฯ เพื่อจัดกิจกรรมต่อแผนให้สอนมากกว่า ๑ คาบเรียน บางแผนจัดได้ถึง ๓ คาบต่อเนื่องกัน โดยที่บางส่วนใช้หลักสูตรเพศศึกษาของกระทรวง ศึกษาธิการ ซึ่งพิมพ์แจกให้กับโรงเรียนต่างๆ เข้ามาเสริม เพื่อให้ทุกห้อง ทุกระดับได้เรียนอย่างต่อเนื่องไม่ซ้ำกิจกรรมกัน
“เพศศึกษา ... บทเรียนที่ต้องติว" อ.นคร สันธิโยธิน ครูต้นแบบโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย 1.สอนอะไร -สอนกระบวนการ พัฒนาการทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ -สุขภาพทางเพศ สุขปฏิบัติทางเพศและพฤติกรรมทางเพศ -การสื่อสารและสัมพันธภาพที่จำเป็นต้องพัฒนาให้เกิดมีขึ้นเป็น**ทักษะชีวิต ** ทั้งนี้ก็เพื่อส่งเสริมกระบวนการคิด การตัดสินใจโดยเรียนรู้อยู่บนพื้นฐานของสังคมและวัฒนธรรมด้วย
“เพศศึกษา ... บทเรียนที่ต้องติว" 2. สอนอย่างไร • ใช้กิจกรรมหลากหลายโดยวิเคราะห์ถึงความต้องการของผู้เรียนเป็นหลัก • มักใช้ภาษา คำพูดโดนใจ • ใช้ประเด็นปัญหาสังคมโดยยกสถานการณ์ มาให้นักเรียนคิด เปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน • มีเกร็ดความรู้เพื่อให้ความสนุกสนาน แต่ขณะเดียวกันได้เรียน รู้เท่าทันอารมณ์และความเปลี่ยนแปลง • ใช้สื่อการเรียนการสอนให้เข้าใจบทเรียน
เรียนรู้จาก อ.นคร สันธิโยธิน โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย 3. เสริมอย่างไร • กิจกรรมทักษะชีวิตเช่น กิจกรรมเกมแลกน้ำ เป็นการจำลองการมีเพศสัมพันธ์ของคนในสังคม โดยอยู่บนเงื่อนไขที่ทุกคนต้องแลกเปลี่ยนน้ำกับเพื่อน 5 ครั้งและบางคนแลกเปลี่ยนน้ำ 1 ครั้ง ซึ่ง 5 ครั้งก็หมายถึงการเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย ๆ กับ 1 ครั้งคือการรักเดียวใจเดียว ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนเห็นโอกาสเสี่ยงของการติดเชื้อเอดส์ • กิจกรรมทัศนะศึกษาที่สอดแทรกในบทเรียน เนื่องจากว่าสังคมไทยยังเป็นสังคมที่ค่อนข้างปกปิด การเรียนรู้อย่างเปิดใจในความคิดของผู้ชายและผู้หญิงซึ่งไม่เหมือนกัน จึงต้องนำมุมมองและบรรทัดฐานความคิดของแต่ละคนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ทำให้นักเรียนเข้าใจและยอมรับความแตกต่างได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้คิดวิเคราะห์ถึงเหตุและผลก่อนที่จะไปตัดสินและประเมินคุณค่าของคนอื่น
ฟังเสียงจากเยาวชน เสนอ6ทางแก้ ลดจำนวนเอดส์รายใหม่ • 1. รัฐเร่งสร้างความเข้าใจให้ผู้รับผิดชอบนโยบายเยาวชน เข้าใจธรรมชาติของเยาวชน สร้างทางเลือกให้เยาวชน • 2. รัฐมีหลักสูตรเพศศึกษาและมีระบบการให้ข้อมูลเรื่องเอดส์ เพศศึกษา ที่รอบด้าน • 3. รัฐสนับสนุนให้เยาวชนมีส่วนร่วมในระดับชุมชนถึงระดับชาติ
ฟังเสียงจากเยาวชน เสนอ6ทางแก้ • 4. รัฐต้องพัฒนาระบบให้บริการ ที่เป็นมิตรต่อเด็กและเยาวชน • 5. รัฐสนับสนุนทรัพยากรทุนในการทำกิจกรรม พัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ ข้อมูลที่ทันต่อสถานการณ์ • 6. รัฐสนับสนุนสภาวะแวดล้อมและกลไกการทำงานที่เอื้อต่อการป้องกันเอดส์ โดยการบังคับใช้กฎหมาย นโยบายที่เกี่ยวข้อง ให้นำไปสู่การปฏิบัติ ในการแก้ปัญหาเอดส์ โดยมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
หมอประเวศ ชี้คนไทยอ่านน้อยต้นตอวิกฤตของบ้านเมือง 1. ส่งเสริมให้มีชมรมรักการอ่านในทุกหมู่บ้าน2. จัดหาหนังสือนิทานดีๆ ให้ทุกครอบครัวอ่าน โดยเฉพาะให้ลูกอ่าน3. จัดการแจกจ่าย Book Startให้ทุกครอบครัวที่มีเด็กเกิดให้มีหนังสือถึงบ้าน เพื่อรณรงค์รักการอ่าน4. ฟื้นฟูการอ่านในระบบการศึกษาจากอดีตที่มีวิชาการสอนย่อความอ่านจับใจความ ในระบบการศึกษาทุกระดับแต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปเป็นข้อสอบปรนัย ทำให้เด็กรุ่นใหม่อ่านเขียนหนังสือไม่เป็น
คนไทยอ่านน้อยต้นตอวิกฤตของบ้านเมืองคนไทยอ่านน้อยต้นตอวิกฤตของบ้านเมือง • 5. จัดประกวดการอ่านทั้งแผ่นดินในรูปแบบเดียวกับการสอบจอหงวนของประเทศจีน ให้เกิดวัฒนธรรมเชิดชูการอ่าน • 6. รัฐต้องจัดทำรายการอ่านทางสถานีโทรทัศน์ • 7. รวบรวมศิลปินสร้างประติมากรรมสัญลักษณ์ให้ทุกวัยรักการอ่าน ยกตัวอย่างที่เมืองเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ มีประติมากรรมขนาดใหญ่เป็นรูปเยาวชนวัยหนุ่มสาวถือหนังสือ พร้อมเขียนข้อความปลุกระดมให้วัยหนุ่มสาวต้องมีหนังสือติดมือตลอดและอ่านทุกที่ทุกครั้งที่มีโอกาส
ข้อเสนอ: สถานศึกษาต้องสร้างกลไกเชิงระบบเพื่อสู้ปัญหาล่วงละเมิดทางเพศ (จิตติมา ภาณุเตชะ) คอลัมน์เสียงสตรี หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ เสาร์ที่ 19 สิงหาคม 2549) • 1. ปัญหาที่พบของสถานศึกษา • มุ่งปกป้องชื่อเสียงของโรงเรียนและให้กำลังใจครูที่ถูกกล่าวหาเป็นหลัก • ขาดระบบปกป้องเด็กจาก “การถูกข่มขืนซ้ำ” • ขาดการเยียวยาฟื้นฟูเด็กที่ถูกกระทำ • ท่าที บทบาท และการแสดงความเห็นของผู้บริหารโรงเรียนยังไม่ชัดเจน ไม่เป็นกลาง
2. ข้อเสนอกระบวนการจัดการกับปัญหาข่มขืนและการล่วงละเมิดทางเพศในสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ (จิตติมา ภาณุเตชะ) • (1) มีนโยบายต่อต้านการละเมิดทางเพศที่ชัดเจนและ เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร และต้องเผยแพร่ให้นักเรียน ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่ทุกคนของสถานศึกษาได้รับทราบ • (2) ต้องมีกระบวนการป้องกันกระบวนการช่วยเหลือ กระบวนการคุ้มครองอย่างละเอียด ผู้ที่รับผิดชอบและผู้เกี่ยวข้องรู้ว่าต้องทำอะไรและอย่างไร • (3) ช่วยเหลือให้ผู้ที่ถูกกระทำมีความกล้าที่จะร้องเรียนได้อย่างไร (เพราะจากการศึกษาพบว่าคดีข่มขืนปรากฏเป็นข่าวให้สังคมรับรู้นั้นเป็นเพียงร้อยละ 5 ของเหตุที่เกิดทั้งหมดเท่านั้นเอง)
2. ข้อเสนอกระบวนการจัดการกับปัญหาข่มขืนและการล่วงละเมิดทางเพศในสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ (จิตติมา ภาณุเตชะ) • (4) การจัดการศึกษาเพื่อป้องกันปัญหาการข่มขืนและ ลวนลามทางเพศในสถานศึกษาให้ได้ผล • (หนึ่ง) ต้องจัดการศึกษาเรื่องความรุนแรงทางเพศในรูปแบบต่างๆ ให้แก่ทุกคนในสถานศึกษา - มีการพัฒนาศักยภาพและทักษะในการดูแลความปลอดภัยของตัวเองและเพื่อนร่วมสถานศึกษา - สร้างนิยามของการคุกคามทางเพศ โดยควรจะบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าหมายถึงการกระทำอะไรบ้าง และนิยามนี้ก็ควรเขียนไว้ในกฎหรือข้อบังคับของสถาบันการศึกษาด้วย
(4) การจัดการศึกษาเพื่อป้องกันปัญหาการข่มขืนและลวนลามทางเพศในสถานศึกษาให้ได้ผล (จิตติมา ภาณุเตชะ) (สอง) ต้องป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศที่จะเกิดขึ้น • มีมาตรการรักษาความปลอดภัยในสถานศึกษาที่วางเป้าหมายว่าจะลดความเสี่ยงของการเกิดการคุกคามทางเพศ • การติดตั้งไฟฟ้าให้ความสว่างอย่างพอเพียง • มีระบบรักษาความปลอดภัยทั้งภายในและภายนอกอาคารต่าง ๆ • มีการรณรงค์ให้ทุกคนในสถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลความปลอดภัยซึ่งกันและกัน • ในกฎระเบียบสำหรับนักศึกษาก็ต้องระบุชัดเจนถึงปัญหาการคุกคามทางเพศให้ข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตอำนาจของสถานศึกษาในการจัดการปัญหา และรายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิและการคุ้มครองที่ผู้ถูกกระทำและผู้ถูกกล่าวหาและได้รับจากสถานศึกษา
(4) การจัดการศึกษาเพื่อป้องกันปัญหาการข่มขืนและลวนลามทางเพศในสถานศึกษาให้ได้ผล (จิตติมา ภาณุเตชะ) (สาม) ต้องมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว • กำหนดแนวทางจัดการเมื่อมีการร้องเรียนโดยระบุเป็น ขั้นตอนที่ชัดเจนว่าสถานศึกษาจะดำเนินการตามลำดับ อย่างไรบ้างหากมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ • มีกระบวนการคุ้มครองสิทธิของผู้ถูกกระทำ และผู้ถูกกล่าวหาอย่างไร ใครบ้างเป็นผู้รับผิดชอบ • มีการจัดบริการที่ครบวงจรให้กับผู้ถูกกระทำโดยสร้างเครือข่ายหน่วยให้บริการเพื่อประกันว่าผู้ถูกกระทำจะได้รับบริการครบถ้วนทั้งด้านการแพทย์ กฎหมาย ความปลอดภัย การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา
นี่ใช่หรือไม่ ผลงานพัฒนานักเรียนของท่าน 50